ก่อนที่จะอ่านบทบรรณาธิการประจำเดือนนี้ ขอให้ทุกท่านกดเปิดเสียงวิดีโอด้านบนและเร่งโวลู่มขึ้น ถ้าได้ยินเสียงคลื่นลมทะเลแล้วก็เข้าเรื่องกันเลย

ใครไม่ชอบทะเล ยกมือขึ้น?​ ที่ถามคำถามนี้ขึ้นมา เพราะอยากรู้จริงๆ เนื่องจากคนที่รู้จักส่วนใหญ่ ไม่มีใครไม่ชอบทะเล จะชอบมากชอบน้อยก็ว่ากันไป แต่ไม่เห็นคนรู้จักคนไหนส่ายหน้าหรือบอกว่าเกลียดทะเล ถ้าใครไม่ชอบทะเลรบกวนอินบ็อกซ์มาแจ้งพร้อมเหตุผลให้ทราบด้วยครับ และถ้าคุณเป็นหนึ่งในนั้น อาจจะต้องข้าม QoQoon ฉบับนี้ไปเลย แล้วพบกันที่เดือนหน้า เพราะตลอดหนึ่งเดือนนับจากนี้ เราจะว่าด้วยเรื่องของหาดทรายสายลมเป็นหลัก

จริงๆ ส่วนตัวแล้วผมเป็นคนชอบป่าหรือภูเขามากกว่าทะเล ชอบสีเขียว ชอบอากาศเย็นๆ แต่ก็ยังมีพื้นที่ในใจเหลือไว้สำหรับทะเลเสมอ ทุกครั้งที่อยากหนีจากความวุ่นวายหรือต้องการที่สงบๆเพื่อที่จะเยียวยาจิตใจตัวเอง ทะเลคือทางออกที่สะดวกรวดเร็ว โชคดีของเราคนไทยที่มีภูมิศาสตร์ที่เอื้ออำนวย เรามีชายทะเลและหาดทรายให้เลือกเป็นจุดหมายปลายทางมากมาย ทั้งใกล้ไกล ทั้งชายฝั่งทะเลตะวันออก ตะวันตก ไปจนถึงหมู่เกาะทางภาคใต้ แล้วแต่ความสะดวก ความชอบ และปัจจัยที่เอื้ออำนวยของแต่ละคน สำหรับผมเอง ความที่อาศัยอยู่ในย่านที่การขนส่งและเดินทางสะดวกสบาย การไปทะเลจึงแทบจะไม่มีการแพลนล่วงหน้าอะไรมากมาย ถ้าวันไหนพอจะมีเวลาว่าง ก็แพ็คกระเป๋าสะพายขึ้นบ่าเดินไปขึ้นรถที่ขนส่งได้เลย แค่อึดใจ เท้าก็ลงไปจุ่มอยู่ในทะเลเรียบร้อย

ทะเล คงให้คำตอบของโจทย์แต่ละคนไม่เหมือนกัน คนส่วนใหญ่อาจจะไปเพื่อพักผ่อน หลายคนไปเพื่อปาร์ตี้ และก็มีบางคนที่ใช้รักษาเยียวยาจิตใจ มีหลายคนบอกว่า “อกหักให้ไปทะเล” เมื่อก่อนผมก็เป็นคนหนึ่งที่ไปทะเลเพื่อปาร์ตี้สนุกสนาน แต่เมื่อเวลาผ่านไปพร้อมกับปาร์ตี้อย่างหนักหน่วง การได้เอนกายฟังเสียงคลื่นนอนอืดอยู่ริมหาดให้ลมเย็นๆพัดผ่านร่างนั้นมีความสุขกว่าเป็นไหนๆ ทริปทะเลในช่วงหลังๆ จึงเป็นแค่การไปนั่งๆนอนๆเกลือกกลิ้งไปมา เหมือนกับที่เขาบอกว่า ไปนั่งโง่ๆริมทะเลนั่นแหละ บางครั้งการเป็นคนโง่ก็ไม่ใช่เรื่องแย่นักใช่ไหม โดยเฉพาะคนโง่ที่ไม่ต้องคิดเรื่องอะไรให้ปวดหัวมากมาย ไว้โง่จนหนำใจแล้วค่อยกลับมาทำตัวฉลาดๆต่อสู้กับคนเก่งๆในเมืองกันต่อ

เราเคยคุยกันไปแล้วว่า การอยู่ใกล้น้ำนั้นมีผลดีต่อสุขภาพกายและใจอย่างไรในฉบับ Let’s Go Outside เรื่องนี้มีประสบการ์ตรงที่อยากนำมาแชร์มาเล่าให้ฟังกัน เมื่อตอนช่วงโควิดระบาด (เล่าเรื่องโควิดอีกแล้วเหรอ?) ในตอนที่ทุกคนยังมืดบอดกับโรคอุบัติใหม่นี้ และหลายคนต่างก็เครียดกับสถานการณ์ที่ไม่แน่ไม่นอน ในช่วงที่รัฐบาลประกาศจะล็อคดาวน์รอบที่สอง ตอนนั้นรู้สึกได้ถึงความเครียดในใจ และการที่ต้องอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมที่ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ไม่น่าจะใช่ทางออกที่ดีนักสำหรับสุขภาพจิตในขณะนั้น เชื่อว่าหลายคนคงจะยังจำความรู้สึกนั้นได้ ผมถึงขั้นทำแบบสอบถามของกรมสุขภาพจิตเพื่อทดสอบภาวะซึมเศร้า และผลทดสอบออกมาว่าเป็นผู้มีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ภาวะซึมเศร้า ไม่ได้การละ ถ้ายังอยู่แบบนี้เห็นท่าจะไม่ดีแน่ นึกถึงคำชวนของพี่ที่เคารพท่านหนึ่งที่เคยชวนให้ไป Quarantien อยู่ที่จังหวัดชายทะเลด้วยกัน ผมตัดสินใจโทรหาพี่ท่านนั้น ถามว่า “พี่จำที่เคยชวนได้มั้ย ถ้าจะขอไปอยู่ด้วยตอนนี้ พี่โอเคไหมครับ?” คำตอบสั้นๆ “หนูแพ็คกระเป๋ามาเลย” ผมตัดสินใจแพ็คเสื้อผ้า ยา และข้าวของส่วนตัวที่จำเป็นลงกระเป๋า นัดแนะกับรถที่จะเดินทางไปอย่างด่วน เพราะกำลังจะมีการปิดพรมแดนแต่ละจังหวัด ห้ามเดินทางเข้าออกข้ามเขต ความรู้สึกตอนนั้นคือเหมือนอยู่ในซีนหนังหายนะ Apocalypse ที่ต้องทำการอพยพขับรถหนีตายยังไงยังงั้น

เมื่อไปถึงที่พักที่ได้รับการจัดแจงไว้ให้ ซึ่งเป็นอพาร์ตเม้นต์ธรรมดาๆ ที่อยู่ใกล้กับหมู่บ้านชาวประมงและชายหาดแค่ระยะเดินถึง ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกอะไรมากมายนอกจากหม้อหุงข้าวและกาต้มน้ำไฟฟ้า กับจักรยานที่เอาไว้ปั่นไปซื้อของอีกคันหนึ่ง ได้ใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่เงียบๆ หุงหาอาหารกินเอง เหมือนกลับไปใช้ชีวิตเป็นเด็กหอสมัยเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยอีกครั้ง เมื่อเริ่มชินก็เริ่มออกไปเดินเล่นริมทะเลตอนเย็น และเริ่มพูดคุยผ่านหน้ากากและทำความรู้จักกับเพื่อนบ้านในระยะห่างๆ น่าแปลกที่แม้จะมีหน้ากากและระยะปลอดภัย 2 เมตร กั้นระหว่างกัน แต่มันทำให้รู้สึกว่ามีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนมนุษย์จริงๆมากกว่าที่เป็นมาในช่วงหลายปีหลัง ผมใช้ทะเลและธรรมชาติในหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆนี้ เยียวยาจิตใจอยู่จนรัฐบาลประกาศคลายล็อค จึงได้กลับมาที่กรุงเทพอีกครั้ง พร้อมกับใจที่ฟูๆพร้อมรับกับทุกสถานการณ์ ลองเอาแบบทดสอบสุขภาพจิตชุดเดิมมาทำใหม่ ผลลัพธ์คือ เป็นคนที่มีสุขภาพจิตดี ไม่มีความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า นั่นเป็นข้อพิสูจน์ว่าธรรมชาติและทะเลสามารถเยียวยาสุขภาพกายและใจเราได้ดียิ่งกว่าทฤษฎีที่ได้อ่านมาเป็นไหนๆ เพราะพิสูจน์มาแล้วด้วยตัวเอง ซึ่งนอกจากสภาพจิตใจที่ดีที่ได้กลับคืนมาจากการไปใช้ชีวิตริมทะเลแล้ว ยังได้มุมมองของชีวิตที่ต่างออกไป เข้าใจและรู้เท่าทันใจตัวเอง ควบคุมอารมณ์ที่ขึ้นๆลงๆ และแปรปรวนเหมือนกับน้ำทะเลได้ดีขึ้น ค่อยๆปล่อยวางและหัดที่จะไม่ยึดติด เพราะชีวิตมันก็เหมือนทะเลนั่นแหละ เวลานึกอะไรไม่ออก หรือหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้ ผมจะฮัมเพลงของ Touch and Go ขึ้นมาเบาๆกับตัวเองเสมอ เพลงที่มีเนื้อเพลงสั้นๆ ร้องซ้ำวนไปมาอยู่อย่างนั้นว่า

A wave hello
A wave goodbye
The way we live
The way we die
Life’s a beach
Life’s a beach

Do do do do do dooo
Da da da da da daaa

Wachirapanee Whisky Markdee
Editor In Chief

Share