Art & Lifestyle

The Right Combination At Slowcombo

ในใจกลางเมืองที่เรียกได้ว่าเป็นโซน CBD ของกรุงเทพฯ สามย่านคือชุมชนที่ผสมผสานความเก่าและใหม่เข้าด้วยกัน ทั้งความเป็นแหล่งสถานศึกษา ย่านการค้าแบบดั้งเดิม ไปจนถึงศูนย์การค้าสมัยใหม่ และในมุมหนึ่งของชุมชนแห่งนี้ เป็นที่ตั้งของ Slowcombo คอมมิวนิตี้สเปซที่มีคอนเซ็ปต์แตกต่างไปจากบริบทรอบด้านโดยสิ้นเชิง คือความเป็น mindfulness playground สถานที่แห่งนี้เชิญชวนให้คนเมืองหันมาใช้ชีวิตให้ช้าลง หากให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น

ทุกร้านรวงใน slowcombo จะมีคอนเซ็ปต์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม สุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ หรือความยั่งยืน
ทุกร้านรวงใน slowcombo จะมีคอนเซ็ปต์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม สุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ หรือความยั่งยืน
ทุกร้านรวงใน slowcombo จะมีคอนเซ็ปต์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม สุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ หรือความยั่งยืน
ทุกร้านรวงใน slowcombo จะมีคอนเซ็ปต์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม สุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ หรือความยั่งยืน

Slowcombo แห่งนี้เกิดขึ้นโดยฝีมือของคุณ โต๋ นุติ์ นิ่มสมบุญ ผู้ก่อตั้งและดีไซน์ไดเร็กเตอร์แห่ง Slowmotion ที่สายงานดีไซน์ต้องรู้จักกันดี และคุณอิ๊บ คล้ายเดือน สุขะหุต Co-Founder แห่งแบรนด์ Sretsis แบรนด์แฟชั่นไทยที่มีชื่อเสียงไกลระดับประเทศ

“แรกเริ่มเลยคือออฟฟิศของ Slowmotion ย้ายมาอยู่แถวนี้แล้วเราก็มาเจอพื้นที่ตรงนี้ เป็นพื้นที่ 3,000 ตารางเมตร 3 ชั้น เราก็คิดว่าสเปซแห่งนี้น่าจะเหมาะกับอะไร แล้วเราก็รู้สึกว่าเราอยากทำคอมมิวนิตี้สเปซที่ connect กับคนรุ่นใหม่หรือว่าคนที่ใส่ใจกับเรื่อง wellbeing แต่จะต้องทำออกมาในรูปแบบที่รู้สึกว่าสนุกและคนสามารถเข้าถึงได้” คุณอิ๊บ เล่าถึงที่มาที่ไปของโครงการแห่งนี้

เมื่อเดินเข้ามาในตัวอาคาร สิ่งแรกที่มากระทบความรู้สึกคือสไตล์ความดิบแบบล็อฟต์ (Loft) ด้วยปูนเปลือย ซึ่งตัดกันอย่างสุดขีดกับสีส้มจัดจ้านของเหล่าเก้าอี้ที่วางไว้ในพื้นที่ส่วนกลาง

ชั้นล่างเน้นเรื่องอาหารการกิน (Eat Wisely) ทุกร้านจะเน้นความสมดุลระหว่างรสชาติและสุขภาพที่ดี
ชั้นล่างเน้นเรื่องอาหารการกิน (Eat Wisely) ทุกร้านจะเน้นความสมดุลระหว่างรสชาติและสุขภาพที่ดี
ชั้นล่างเน้นเรื่องอาหารการกิน (Eat Wisely) ทุกร้านจะเน้นความสมดุลระหว่างรสชาติและสุขภาพที่ดี
ชั้นล่างเน้นเรื่องอาหารการกิน (Eat Wisely) ทุกร้านจะเน้นความสมดุลระหว่างรสชาติและสุขภาพที่ดี

เมื่อเดินเข้ามาในตัวอาคาร สิ่งแรกที่มากระทบความรู้สึกคือสไตล์ความดิบแบบล็อฟต์ (Loft) ด้วยปูนเปลือย ซึ่งตัดกันอย่างสุดขีดกับสีส้มจัดจ้านของเหล่าเก้าอี้ที่วางไว้ในพื้นที่ส่วนกลาง

“ตึกนี้เคยเป็นตึกเก่าของคณะสถาปัตยกรรมศาตร์ จุฬาฯ ภาคอินเตอร์มาก่อน มันมีความเป็นตึกในยุค 2000 ที่มีกระจกค่อนข้างเยอะและเพดานเตี้ย เราก็ปรับบางส่วนออกไปแต่ยังอยากเก็บเอาโครงสร้างตึกเดิมเอาไว้ซึ่งก็ถือเป็นความ sustainable ในแง่ของการ renovation เราก็เริ่มศึกษาแล้วหาวิธีการรีโนเวท ก็ได้อาจารย์ภาคสถาปัตย์ที่มาช่วยดูแลโปรเจ็กต์ด้วย ใช้เวลาอยู่พอสมควรเพราะเราต้องการรื้อพื้นออกไปให้เกิดเป็นที่โล่งให้ชั้น 1 และ 2 เชื่อมกัน รื้อเพดานให้โปร่งขึ้น ให้คนที่เข้ามาแล้วรู้สึกสบาย โดยที่เรายังเก็บคานไว้

จุดเด่นของโครงสร้างอาคารคือคานปูนเปลือยเดิมที่ทางสถาปนิกเลือกเก็บไว้ เน้นสัจจะแห่งวัสดุ บางส่วนมีการกระเทาะให้เห็นถึงเหล็กด้านใน
จุดเด่นของโครงสร้างอาคารคือคานปูนเปลือยเดิมที่ทางสถาปนิกเลือกเก็บไว้ เน้นสัจจะแห่งวัสดุ บางส่วนมีการกระเทาะให้เห็นถึงเหล็กด้านใน
จุดเด่นของโครงสร้างอาคารคือคานปูนเปลือยเดิมที่ทางสถาปนิกเลือกเก็บไว้ เน้นสัจจะแห่งวัสดุ บางส่วนมีการกระเทาะให้เห็นถึงเหล็กด้านใน
จุดเด่นของโครงสร้างอาคารคือคานปูนเปลือยเดิมที่ทางสถาปนิกเลือกเก็บไว้ เน้นสัจจะแห่งวัสดุ บางส่วนมีการกระเทาะให้เห็นถึงเหล็กด้านใน

ทางสถาปนิกมาปรึกษาว่าอยากให้เก็บเอาไว้เพราะในยุคปัจจุบันคานแบบนี้จะถูกดีไซน์ปิดไว้ทั้งหมด แต่เขารู้สึกว่าการที่เราเก็บสิ่งนี้ซึ่งเป็นเหมือนโครงหลักของตัวตึกจริงๆ เอาไว้มันก็มีความเท่ และเราก็รู้สึกว่าด้วยความเป็น Slowcombo เราต้องการให้คนกลับสู่ภายใน กลับสู่ความรู้สึกของเราจริงๆ ก็เหมือนตึกนี้ที่สถาปนิกอยากให้เก็บความงามดั้งเดิมเอาไว้ และก็ให้กลิ่นอายของ brutalist ด้วย

พื้นตรงกลางของชั้น2 ได้ถูกทุบออกไปเพื่อให้ชั้น1 และ 2 เชื่อมถึงกันและดูโปร่งโล่ง
พื้นตรงกลางของชั้น2 ได้ถูกทุบออกไปเพื่อให้ชั้น1 และ 2 เชื่อมถึงกันและดูโปร่งโล่ง
พื้นตรงกลางของชั้น2 ได้ถูกทุบออกไปเพื่อให้ชั้น1 และ 2 เชื่อมถึงกันและดูโปร่งโล่ง
พื้นตรงกลางของชั้น2 ได้ถูกทุบออกไปเพื่อให้ชั้น1 และ 2 เชื่อมถึงกันและดูโปร่งโล่ง

ส่วนเฟอร์นิเจอร์ออกแบบโดยคุณชารีฟ ลอนา (ที่ QoQoon เคยไปเยี่ยมบ้านมาแล้ว) ซึ่งก็มีเรื่องราวคือดูจากก่อนที่เราจะมาอยู่ที่นี่ ในย่านนี้เป็นตลาดขายผลไม้ มีเชียงกง ซ่อมรถ ก็เลยเอาลังผักผลไม้มาหุ้มเบาะด้านบน ใส่สีนีออน ที่ให้อารมณ์สนุกแล้วก็มีความกล้าในความคิดสร้างสรรค์ก็เหมือนกับคอนเซ็ปต์ mindfulness playground ของที่นี่”

เก้าอี้จากลังพลาสติกบุเบาะสีแปร๊ดที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องราวของตลาดสามย่าน
เก้าอี้จากลังพลาสติกบุเบาะสีแปร๊ดที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องราวของตลาดสามย่าน
มุมสงบท่ามกลางใจกลางเมืองอันจอแจ
มุมสงบท่ามกลางใจกลางเมืองอันจอแจ

ทั้ง 3 ชั้นของที่นี่ มีหลายร้านรวงที่มีคอนเซ็ปต์แตกต่างกันออกไปแต่ยังคงสอดคล้องในเรื่องเดียวกัน “ความ wellbeing ก็หนีไม่พ้นกับพื้นฐานของชีวิตมนุษย์ คือเรื่องกินและเรื่องสุขภาพ ทั้งกายและจิตใจ เราก็แบ่งพื้นที่ตามนี้เลย คือชั้น 1 ให้เป็นเรื่องของอาหารการกิน เช่น มีร้านพิซซ่าที่ใช้ sour dough มี topping หน้าผักต่างๆ เป็นพิซซ่าเวอร์ชั่นที่ดีต่อสุขภาพ ชั้น 2 เป็นเรื่องของกายและใจ เช่น สตูดิโอพิลาทิส ร้านดอกไม้ Malibarn ที่เน้นดอกไม้พื้นถิ่น ร้าน regrow ที่ขายของใช้ที่มีความรักษ์โลกแต่ดีไซน์สวย ส่วนชั้น 3 อยากให้เป็น active space ที่สามารถเล่นกีฬาได้ อีกส่วนเป็น creative space ที่เป็นเหมือนกับผืนผ้าใบว่างเปล่าที่ให้มาลองไอเดียในการทำอะไรต่างๆ เรามองว่ามันเป็นสนามของความคิดสร้างสรรค์ นิทรรศการหมุนเวียนที่เคยเกิดขึ้นที่นี่ก็มีหลากหลายมากๆ อย่างเช่นงานที่ Ctrl+r มาจัดนิทรรศการที่พูดถึงวัสดุใหม่ซึ่งคิดค้นจาก Bio Material มาใช้ในการก่อสร้าง มีการจัดงานแบบ barter system แทนที่เราจะซื้อของก็เอาของมาแลกกัน เป็นงาน green market บรรดาแม่ๆ มาปล่อยเสื้อผ้าของเด็ก ไปจนถึงงานหนังสือมือสอง มันก็ทำได้เห็นว่าของ pre-loved ของเราสามารถส่งต่อไปให้คนอื่นด้วย ก็เป็นความ sustain ในรูปแบบหนึ่ง”

การตกแต่งด้านในคงความลอฟต์แบบดิบๆ
การตกแต่งด้านในคงความลอฟต์แบบดิบๆ

ร้าน regrow ที่ขายของใช้ที่มีความรักษ์โลกแต่ดีไซน์สวย ส่วนชั้น 3 อยากให้เป็น active space ที่สามารถเล่นกีฬาได้ อีกส่วนเป็น creative space ที่เป็นเหมือนกับผืนผ้าใบว่างเปล่าที่ให้มาลองไอเดียในการทำอะไรต่างๆ เรามองว่ามันเป็นสนามของความคิดสร้างสรรค์ นิทรรศการหมุนเวียนที่เคยเกิดขึ้นที่นี่ก็มีหลากหลายมากๆ อย่างเช่นงานที่ Ctrl+r มาจัดนิทรรศการที่พูดถึงวัสดุใหม่ซึ่งคิดค้นจาก Bio Material มาใช้ในการก่อสร้าง มีการจัดงานแบบ barter system แทนที่เราจะซื้อของก็เอาของมาแลกกัน เป็นงาน green market บรรดาแม่ๆ มาปล่อยเสื้อผ้าของเด็ก ไปจนถึงงานหนังสือมือสอง มันก็ทำได้เห็นว่าของ pre-loved ของเราสามารถส่งต่อไปให้คนอื่นด้วย ก็เป็นความ sustain ในรูปแบบหนึ่ง”

ร้าน regrow จำหน่ายของใช้ประจำวันที่มีดีไซน์แปลกและแตกต่าง
ร้าน regrow จำหน่ายของใช้ประจำวันที่มีดีไซน์แปลกและแตกต่าง

“ที่ผ่านมา 1 ปีครึ่ง เราเน้นเอา wellness เป็นตัวเล่าเรื่อง มีคลาส และกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับแง่ mental health หรือการทดลองเกี่ยวกับเรื่อง wellness ที่เรามักจะเห็นจัดอยู่ที่เกาะพะงันบ้าง เชียงใหม่บ้าง หรือหากเป็นกรุงเทพฯ ก็มักจะเป็นโซนสุขุมวิท ไม่ได้มาอยู่แถวนี้สักเท่าไหร่ ส่วนปีนี้ตั้งใจว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเรื่องอาหาร ไลฟ์สไตล์ที่มันจับต้องได้มากขึ้น ด้วยความที่พื้นที่ตรงนี้คือสามย่าน เรามองว่าอาจจะยังไม่ใช่ prime location ที่คนพูดถึงเรื่องเหล่านี้ แต่เราก็มองว่าการที่เรามาอยู่ในที่ซึ่งยังไม่มีอสิ่งเหล่านี้ แล้วมาเริ่มต้นขึ้นก็เป็นความท้าทายของเราว่าเราจะทำยังไงให้มันแตกต่างจากสิ่งที่มีอยู่ จากย่านชุมชนที่มีร้านเก่าแก่มากมาย ซึ่งเรามองว่ามันเป็นเสน่ห์ของสามย่านอยู่แล้ว ในขณะเดียวกันแค่ออกไปนิดเดียวก็มีอะไรที่เป็นย่านการค้าอย่างสามย่านมิตรทาวน์ สยามสแควร์ เราก็อยากจะให้คนรู้สึกว่ามีอะไรแบบนี้มาอยู่ในที่ๆ ไม่คาดคิด คือเป็นสถานที่ escape ที่ซุกซ่อนอยู่ในใจกลางกรุงเทพฯ อาจจะดูไม่กลมกลืนกับสภาพรอบด้านในตอนแรก แต่นั่นก็คือจุดหมายที่เราต้องการมีความแตกต่างจากความเป็น local ในย่านนี้ด้วย”

เหล่าสินค้าเมดอินไทยแลนด์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เหล่าสินค้าเมดอินไทยแลนด์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

แนวคิดหลัก 3 อย่างของ Slowcombo คือ self love, love others และสุดท้ายคือ love the world เราเริ่มจากรักและดูแลตัวเองก่อน แล้วจึงรักผู้อื่น และรักษ์โลกใบนี้ “เรามองว่าเราไม่ต้องรอจนอายุมากหรือป่วยแล้วถึงค่อยทำ แต่เราอยากให้คนค่อยๆ เกิดความตระหนักรู้ และมีชีวิตที่สมดุลกับตัวเองมากขึ้น ในแง่ของความ sustainable เราต้องเข้าใจว่า เราแค่ต้องเริ่มเปลี่ยนตัวเองจากจุดเล็กๆ เท่านั้น มันคือแค่ความคิดว่า เราอยากจะทำอะไรให้มันดีขึ้นโดยเปลี่ยนหรือปรับพฤติกรรมตัวเอง ทุกอย่างเกิดขึ้นได้กับสิ่งเล็กๆ ใกล้ตัว อย่างที่นี่ ผู้ประกอบการ ผู้เช่าที่เข้ามาทุกคน ล้วนมีหลายหลายอย่างไอเดียที่อาจจะจุดประกายให้ใครได้เกิดความนึกคิดว่า เราสามารถทำอย่างนี้ได้ในชีวิตประจำวันของเราจริงๆ เช่น เครื่องสร้างปุ๋ยจากเศษอาหาร การแยกขยะ หรือร้านดอกไม้ที่ไม่ใช้โอเอซิสเลย หรือใช้ดอกไม้ท้องถิ่นเพื่อลด carbon emission เราอยากจะสร้างมุมมองบางอย่างที่ทำให้คนเห็นได้ว่า สิ่งต่างๆมันเกิดขึ้นได้ง่ายๆ และใกล้ตัวกับทุกคน”

“ความพิเศษของที่นี่คือเราอยากให้คนได้มาใช้ชีวิตที่ช้าลง คำว่า slow combo คือ การใช้ชีวิตที่ช้าลงแต่รวม combination ดีๆ ไว้ด้วยกัน เป็นความช้าที่เราได้ใช้ชีวิตที่ดีขึ้นด้วยอาหารการกิน ด้วยการดูแลสุขภาพทั้งกายและใจ”

ของใช้ต่างๆ ที่มากับเรื่องราวและดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ภายในร้าน
ของใช้ต่างๆ ที่มากับเรื่องราวและดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ภายในร้าน

“ความพิเศษของที่นี่คือเราอยากให้คนได้มาใช้ชีวิตที่ช้าลง คำว่า slow combo คือ การใช้ชีวิตที่ช้าลงแต่รวม combination ดีๆ ไว้ด้วยกัน เป็นความช้าที่เราได้ใช้ชีวิตที่ดีขึ้นด้วยอาหารการกิน ด้วยการดูแลสุขภาพทั้งกายและใจ”

ผลิตภัณฑ์ออแกนิกสำหรับทั้งเพื่อการดูแลตนเองและดูแลบ้าน
ผลิตภัณฑ์ออแกนิกสำหรับทั้งเพื่อการดูแลตนเองและดูแลบ้าน

ในวันที่เรื่องของ wellbeing และ sustainable ไม่ใช่แค่แนวคิดเพ้อฝัน หากเป็นใจความสำคัญของชีวิตที่ไม่ควรจะละเลย เป็นเรื่องน่าชื่นชมที่เราได้เห็นการมีอยู่ของคอมมิวนิตี้สเปซแบบ Slowcombo แห่งนี้ ที่ทำให้ทุกคนที่มาเยือนได้สัมผัสกับความช้าลง และทำให้เราได้หวนคิดถึงการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพอีกครั้ง

Slowcombo เปิดทุกวัน เวลา 10.00-20.00
[email protected]
FB IG Line @slowcombo

Story: Titima C.
Photos: Manoo Manookulkit 

Share

In the heart of Bangkok’s bustling CBD, Samyan is a neighborhood that beautifully blends the old and the new. It houses educational institutions, traditional markets, and modern shopping malls. Nestled within this vibrant community is “Slowcombo” a community space that offers a unique concept, a mindfulness playground. This space invites city dwellers to slow down and embrace a more sustainable lifestyle.

Slowcombo was founded by Tote Nuti Nimsomboon, the founder and design director of Slowmotion, a well-known name in the design industry, and Klyduan Sukhahuta, co-founder of Sretsis, a renowned Thai fashion house. The space is housed in an old building of the Faculty of Architecture, International Program, Chulalongkorn University. It features a raw, exposed concrete style, reminiscent of Brutalist architecture, and a loft-like structure. By preserving the original structure of the building while making selective modifications, the renovation process embodies the concept of sustainability. The furniture, designed by Charif Lona (whose home was featured on QoQoon Vol.5)

The three core concepts of Slowcombo are self-love, love for others, and love for the world. “We believe in starting with self-care and self-love as a foundation for loving others and our planet. Our goal is to foster awareness and encourage individuals to cultivate a more balanced lifestyle. In terms of sustainability, we promote making small changes to daily habits to create a positive impact. We believe that significant change begins with simple, everyday actions.” Klyduan explained.

All three floors of this establishment house various shops with distinct concepts, yet they are united by a common theme: wellbeing. This fundamental human need encompasses both physical and mental health. The first floor is dedicated to food and beverage, featuring establishments such as a pizzeria offering healthy, vegetable-topped pizzas made with sourdough crust. The second floor focuses on mind and body wellness, with offerings like a Pilates studio, Malibarn (a florist specializing in native flowers), and Regrow (a store selling sustainable and stylish lifestyle products). The third floor is envisioned as an active space for sports and a creative space, serving as a blank canvas for experimentation and fostering creativity.

What makes this place special is that people can slow down and enjoy life. “Slowcombo is all about slowing down and combining it with the good things in life. It’s about taking things easy, eating well, and feeling good.” Said the founder.