INSPO

Outdoor Garden

สวนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้แต่ละสถานที่ดูสดชื่นมีชีวิตชีวา โดยเฉพาะสวนกลางแจ้งนอกตัวอาคาร ซึ่งมีมากมายหลายแบบ บางคนอาจจะเน้นที่ชนิดของต้นไม้ บ้างก็อาจให้ความสำคัญกับรูปแบบการจัดวาง ซึ่งก็ไม่มีอะไรตายตัว หากแต่เปลี่ยนไปตามความต้องการของเจ้าของ ลองมาดูกันว่ามีสวนแบบไหนบ้างที่ได้รับความนิยมกัน ลองดูเป็นไอเดียเผื่อใครจะอยากจะลงสวน หรือปรับเปลี่ยนพื้นที่กลางแจ้งนอกบ้านให้เป็นสีเขียวสดชื่นรับอากาศสบายๆ ช่วงปลายปี

Credit: Kyle Cleveland/ Unsplash
Credit: Kyle Cleveland/ Unsplash

สวนทรอปิคัล หรือสวนเมืองร้อน (Tropical Garden)

สวนลักษณะนี้เป็นการจำลองป่าเมืองร้อนที่เน้นสีเขียวเป็นหลัก มีไม้ใหญ่ปลูกเป็นประธานอยู่บ้าง แทรกด้วยต้นไม้ที่ใบมีสีสันฉูดฉาด เช่น หมากผู้หมากเมีย หรือสับปะรดสี สลับกับวัสดุจากธรรมชาติ เช่น ตอไม้ หรือหินฟองน้ำ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับสวน บางแห่งอาจจะเลือกปลูกเฉพาะมอสหรือเฟิร์นที่ให้ความรู้สึกชุ่มชื้นและเย็นสบาย สวนลักษณะนี้ส่วนใหญ่จะดูแลไม่ยาก เพราะต้นไม้ที่ใช้นั้นเป็นต้นไม้ท้องถิ่นที่เจริญเติบโตในภูมิอากาศของบ้านเราได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่ต้องคอยรดน้ำให้เกิดความชื้นอย่างสม่ำเสมอ

Credit: Jacob Plumb/ Unsplash
Credit: Jacob Plumb/ Unsplash
Credit: Jonny Clow/ Unsplash
Credit: Jonny Clow/ Unsplash
Credit: Nicolas Spehler/ Unsplash, Raelle Gann/ Unsplash
Credit: Nicolas Spehler/ Unsplash, Raelle Gann/ Unsplash
Credit: Pepe Nero/ Unsplash
Credit: Pepe Nero/ Unsplash

สวนเซ็น หรือสวนญี่ปุ่น (Japanese Garden)

สวนญี่ปุ่นนั้นเน้นความเป็นธรรมชาติและการจัดวางวัสดุต่างๆอย่างมีศิลปะ มีทั้งสวนหิน สวนมอส หรือสวนที่ใช้บอนไซหรือไม้ดัดเป็นหลัก อาจจะนำมาผสมกับไม้ไผ่ ก้อนกรวด และบ่อน้ำ สวนลักษณะนี้ไม่เน้นความหลากหลายของชนิดหรือประเภทของต้นไม้หายาก แต่เมื่อมองภาพรวมแล้วต้องเกิดความสงบและมีสมาธิ หรือแสดงให้เห็นถึงความงามที่แตกต่างออกไปตามฤดู มักแฝงไปด้วยปรัชญาและข้อคิดจากธรรมชาติตามแนวความคิดของนิกายเซน

Credit: Rachel Ellis/ Unsplash
Credit: Rachel Ellis/ Unsplash
Credit: Joe Smith/ Unsplash
Credit: Joe Smith/ Unsplash
Credit: Micheal Scofield/ Unsplash
Credit: Micheal Scofield/ Unsplash
Credit: Chelsea Essig/ Unsplash
Credit: Chelsea Essig/ Unsplash

สวนเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Garden)

สวนชนิดนี้เป็นสวนรูปแบบใหม่ที่เพิ่งได้รับความนิยมกันในประเทศไทย โดยเกิดขึ้นพร้อมๆกับที่ต้นโอลีฟกลายเป็นกระแสนิยมเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่เดิมนั้นพบได้ทั่วไปแถบประเทศกรีซ สเปน หรือทางตอนใต้ของฝรั่งเศส มีการใช้พรรณไม้ที่ทนร้อนและความแล้งได้ค่อนข้างดี เช่นอากาเว่ มาผสมกับไม้พุ่ม หญ้าประดับ หรือดอกไม้ขนาดเล็กตามฤดูกาล บางแห่งอาจจะสร้างความน่าสนใจให้กับสวนโดยการนำกระถางมาจัดวางเป็นระยะ สวนลักษณะนี้อาจจะต้องมีการตัดแต่งไม้พุ่มหรือเปลี่ยนไม้ดอกบ้างเพื่อให้มองแล้วออกมาดูดีอยู่เสมอ

Credit: Mujo Hasanovic/ Unsplash
Credit: Mujo Hasanovic/ Unsplash
Credit: Irena Kefala/ Unsplash, Pelayo Arbues/ Unsplash
Credit: Irena Kefala/ Unsplash, Pelayo Arbues/ Unsplash
Credit: Zaid Aahmad/ Unsplash, Vincent Wachowiak/ Unsplash
Credit: Zaid Aahmad/ Unsplash, Vincent Wachowiak/ Unsplash
Credit: Ulrike Langner/ Unsplash
Credit: Ulrike Langner/ Unsplash

สวนอังกฤษ (British Garden)

สวนอังกฤษเป็นสวนที่ได้รับความนิยมมากในบ้านเรา เน้นปลูกต้นไม้ที่มีรูปทรงให้เน้นรับกับสถาปัตยกรรม หรือองค์ประกอบอื่นๆในสวนสลับกับดอกไม้หลากสีสัน บางที่อาจมีการใช้อ่าง รูปปั้นสไตล์ยุโรป หรือแท่นปูนปั้นที่มีโทนสีอบอุ่น เช่นขาวหรือสีพาสเทลเพื่อเพิ่มบรรยากาศให้ดูมีอ่อนหวานมากขึ้น แต่ข้อสำคัญคือต้องเลือกชนิดของพรรณไม้ที่ทนร้อน และปรับตัวให้เข้ากับอากาศในเมืองไทยได้ดี เพราะต้นไม้บางชนิดชอบอากาศเย็น หรือเป็นไม้ล้มลุกอายุสั้น ทำให้เกิดปัญหา สิ้นเปลืองเวลาและปัจจัยสำหรับการดูแลในระยะยาว

Credit: Daphné Be Frenchie/ Unsplash
Credit: Daphné Be Frenchie/ Unsplash
Credit: Jean Carlo Emer/ Unsplash
Credit: Jean Carlo Emer/ Unsplash
Credit: Joe Wiedenmeier/Unsplash, Zane Lee/Unsplash
Credit: Joe Wiedenmeier/Unsplash, Zane Lee/Unsplash
Credit: Carrie Borden/ Unsplash
Credit: Carrie Borden/ Unsplash

สวนน้ำ (Water Garden)

สวนน้ำเป็นสวนที่ยังไม่ได้รับความนิยมมากนักในเมืองไทย เพราะต้องขุดพื้นที่สวนใหญ่ของสวนให้กลายเป็นบ่อน้ำ เป็นได้ทั้งรูปแบบทรงเรขาคณิต หรือฟรีฟอร์ม ด้านในปลูกพืชน้ำต่างๆ เช่น บัว ว่านน้ำ สาหร่าย หรือพืชริมน้ำให้เกิดความลดหลั่นกันตามริมตลิ่ง หรือถ้าอยากเพิ่มรายละเอียดก็อาจจะมีน้ำพุ หรือเลี้ยงปลาขนาดเล็กไว้กำจัดลูกน้ำ และสร้างความน่าสนใจขึ้นมาเพิ่มได้เช่นกัน สวนลักษณะนี้ดูแลไม่ยากนัก แต่ต้องคอยเติมน้ำทดแทนน้ำที่ระเหยออกไปทุกวัน รวมทั้งทำระบบกรองไว้ให้ดี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาน้ำขุ่นในภายหลัง


Credit: JR Harris/ Unsplash
Credit: JR Harris/ Unsplash
Credit: Carrie Borden/ Unsplash
Credit: Carrie Borden/ Unsplash
Credit: Jason Street/ Unsplash, Jeff Finley/ Unsplash
Credit: Jason Street/ Unsplash, Jeff Finley/ Unsplash

Story: : Ohm Pavaphon 

Share