Mind Blooming

คุณจุฑารัตน์ พรมุณีสุนทร ผู้ก่อตั้ง Flowering Mind Studio ได้บอกเล่ากับ QoQoon ถึงเรื่องราว แนวคิดของ Flowering Mind ซึ่งรับเอาส่วนหลักของโคริงกะมาถ่ายทอด รวมทั้งเสนอแนะเคล็ดง่ายๆ สำหรับผู้ที่สนใจนำแนวทางนี้ไปจัดเองที่บ้าน ซึ่งไม่เพียงแต่จะเป็นการเติมเต็มบรรยากาศของบ้านเท่านั้น หากยังเติมเต็มบางอย่างในใจได้เช่นกัน

“โคริงกะ แปลว่าดอกไม้แห่งแสงสว่าง เป็นอีกแนวทางหนึ่งของอิเคบานะ เป็นการจัดดอกไม้ที่ให้ความสำคัญกับธรรมชาติเป็นหลัก ไม่ได้มีกฎตายตัว เป็นการที่เราใช้ใจสัมผัส เชื่อมโยงกับธรรมชาติ มองที่ความงามของสิ่งนั้นๆ แล้วนำเสนอออกมาในแจกัน โดยทำด้วยความเพลิดเพลิน นับว่าเป็นมุมมองที่เรียกว่ามินิมัลก็ได้ เพราะเรามองเรื่องของพื้นที่ว่างที่จะทำให้เกิดความงามได้ต่างจากการมองแบบตะวันตกที่มองการจัดดอกไม้เป็นองค์ประกอบ มีช่องว่างตรงไหนก็ใส่ให้เต็มองค์ประกอบ แต่เราค้นหาความงามของสิ่งนั้นแล้วนำเสนอออกมาบนพื้นที่ว่าง ซึ่งพื้นที่ว่างนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของงานด้วย เพราะหากมีหลายอย่างในพื้นที่ก็จะชิงความเด่นกัน ดังนั้นพื้นที่ว่างจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อนำเสนอความงามออกมาให้ดีที่สุด”

อีกมุมมองสำคัญคือ ดอกไม้ ใบไม้ พืชทุกอย่าง ล้วนมีชีวิต นอกจากความงามแล้ว เราต้องคำนึงถึงพลังชีวิตที่อยู่ในดอกไม้ดอกนี้ด้วย เราจะไม่ไปดัดแปลงโครงสร้าง หรือเอาลวดมาดัดให้เป็นไปตามใจเรา ต้องให้ความสำคัญกับธรรมชาติ เหมือนเป็น co-creation หรือการร่วมทำงานกับดอกไม้หรือพืชนั้นๆ ทำงานกับดอกไม้ด้วยความเคารพ ชื่นชมในความงามเขา และนำเสนอออกมา ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรคงทนถาวร บางดอกเหี่ยวโรยราในไม่กี่วัน ทำให้เรารู้จักการชื่นชมความงามที่อยู่ตรงหน้า ณ ขณะนั้นโดยที่ไม่ไปคาดหวังอยากให้ดอกไม้สวยอยู่เป็นเดือนซึ่งมันเป็นการฝืนธรรมชาติ แนวคิดเหล่านี้ที่เราได้เรียนรู้จากการจัดดอกไม้ ก็เป็นแนวคิดที่เราหยิบมาใช้กับมุมมองในเรื่องอื่นๆของชีวิตและจิตใจได้เช่นกัน

เริ่มจากเลือกดอกไม้ในบ้าน ถ้าเรามีไม้ดอกไม้ใบที่ปลูกอยู่แล้ว ก็ใช้ดอกไม้ในบ้านเหล่านั้น หรือจะไปเลือกซื้อหามาก็ได้ แนะนำให้เป็นช่วงเช้าหรือเย็นที่อากาศไม่ร้อน ลองเดินดูด้วยจิตใจผ่อนคลาย สบายๆ เห็นดอกไม้หรือพืชอะไรที่เรารู้สึกว่าสื่อสารกับเรา หรือเราอยากทำความรู้จักให้มากขึ้น ก็เลือกมาแล้วจัดลงในแจกันที่เหมาะสมกับดอกนั้นๆ ต้องไม่ลืมตระหนักว่าพืชมีชีวิตเช่นเดียวกับเรา เวลาอยู่กับพืช ลองสื่อสาร พูดคุยในใจ หรือส่งความรู้สึกไป จะทำให้เรารู้สึกเชื่อมโยงกับธรรมชาติ และกลับมาเห็นความงามเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน เราไม่จำเป็นต้องถึงกับเข้าป่าเพื่อไปรับพลังจากธรรมชาติ เพราะในชีวิตจริง หลายคนคงไม่ได้มีเวลาขนาดนั้น แค่เราเดินออกไปหน้าบ้าน เดินไปตามทาง แล้วมองดอกไม้ ดอกหญ้า วัชพืชสักดอกที่อยู่ข้างทาง แล้วเราเห็นความงามได้ มันก็ให้พลังงานกับเราได้เหมือนกัน ธรรมชาติเป็นสิ่งที่แบ่งปันพลังงานให้เราอยู่ตลอดเวลา ขึ้นกับว่าเราจะสามารถรับรู้ได้หรือไม่