Home

When Minimalist Meets Brutalist

เปิดประสบการณ์แห่งประสาทสัมผัสของพื้นที่และการรับรู้ระยะทาง เมื่อคู่หูสถาปนิกผู้อยู่เบื้องหลัง Pezo von Ellrichshausen ได้นำเสนอบ้านและศูนย์วัฒนธรรมแห่งล่าสุดของพวกเขาที่ชื่อว่า “Luna”
Casa Luna
“เราได้สำรวจถึงจุดร่วมของศิลปะ, สถาปัตยกรรม และธรรมชาติเสมอมา ซึ่งได้แสดงออกอย่างลึกซึ้งผ่านอาคารของเราเอง ในแง่หนึ่ง บ้านหลังนี้เป็นผลมาจากสิ่งที่ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว” โซเฟียกล่าว
ท่ามกลางทุ่งเขียวขจีบริเวณเชิงเขา Andes ณ ใจกลางของชิลี, สถาปนิกและศิลปิน Sofia von Ellrichshausen และ Mauricio Pezo ได้สร้างบ้านหลังใหม่ในพื้นที่ส่วนตัวที่รายล้อมไปด้วยป่าไม้และสายน้ำซึ่งไหลผ่านลำธารที่ทอดลงมาจากเทือกเขาแอนดีส โครงสร้างอาคารหลังใหญ่ที่น่าประทับใจและเงียบสงบถูกสร้างขึ้นมาโดยปราศจากการรบกวนธรรมชาติโดยรอบ
Casa Luna
“เราได้สำรวจถึงจุดร่วมของศิลปะ, สถาปัตยกรรม และธรรมชาติเสมอมา ซึ่งได้แสดงออกอย่างลึกซึ้งผ่านอาคารของเราเอง ในแง่หนึ่ง บ้านหลังนี้เป็นผลมาจากสิ่งที่ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว” โซเฟียกล่าว
สถาปัตยกรรมแบบบรูทัลลิสต์ของ Casa Luna
สถาปัตยกรรมแบบบรูทัลลิสต์ของ Casa Luna
“พวกเราเรียกสิ่งนี้ว่าบ้าน แต่นั่นคือคำจำกัดความที่กว้างมาก มันคือบ้านส่วนตัวของพวกเรา แต่เรายังคงมองว่าที่แห่งนี้คือศูนย์วัฒนธรรมด้วย เนื่องจากคุณค่าที่มีมากกว่าแค่ประโยชน์ใช้สอยของการเป็นบ้าน มันยังเป็นที่ที่เราได้แสดงออกซึ่งความคิดสร้างสรรค์และอุดมการณ์ที่จะอยู่ไปอีกยาวนานเกินกว่าช่วงชีวิตของเรา เพื่อเป็นพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับนักมนุษยนิยมและนักสร้างสรรค์คนอื่น” โซเฟียกล่าว
Casa Luna
เกือบสามในสี่ของ LUNA เป็นพื้นที่กลางแจ้งที่มีมุมและห้องมากมายที่เปิดรับอารมณ์แห่งธรรมชาติ

สำรวจตัวตนผ่านสถาปัตยกรรม

ในฐานะคู่รักที่ใช้ชีวิตและทำงานร่วมกัน ชีวิตของพวกเขาได้หลอมรวมเข้าด้วยกันเป็นเวลากว่าสองทศวรรษแล้ว ทั้งคู่แบ่งปันชีวิตร่วมกันทั้งในโลกวิชาการและศิลปะ รวมไปถึงสตูดิโอศิลปะและสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติอย่าง Pezo von Ellrichshausen

“ในตอนต้น พวกเราได้ตระหนักว่าเรานั้นมีวิธีการทำสิ่งต่างๆที่เป็นส่วนตัวอย่างมาก และเราต้องการทดสอบในสิ่งที่เราทำผ่านอาคารที่เราสร้างขึ้น ด้วยเหตุนี้ บ้านหลังนี้จึงเป็นเหมือนผลพวงของสิ่งที่ได้เริ่มมาตั้งแต่เมื่อ 20 ปีที่แล้วนั่นเอง”โซเฟียกล่าว

ในฐานะคู่รักที่ใช้ชีวิตและทำงานร่วมกัน ชีวิตของพวกเขาได้หลอมรวมเข้าด้วยกันเป็นเวลากว่าสองทศวรรษแล้ว ทั้งคู่แบ่งปันชีวิตร่วมกันทั้งในโลกวิชาการและศิลปะ รวมไปถึงสตูดิโอศิลปะและสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติอย่าง Pezo von Ellrichshausen
สตูดิโอศิลปะ
เป็นเวลากว่าสองทศวรรษแล้วที่สถาปนิกทั้งสองใช้ชีวิตและทำงานร่วมกัน ทั้งคู่ทำงานในด้านวิชาการ ศิลปะ และสถาปัตยกรรมร่วมกัน โดยบ้านใหม่ของพวกเขามีห้องสำหรับเป็นสตูดิโอผลิตผลงานสร้างสรรค์ที่แตกต่างกันออกไปในสเกลที่เล็กกว่าบ้านหลังก่อนหน้านี้

“ในตอนต้น พวกเราได้ตระหนักว่าเรานั้นมีวิธีการทำสิ่งต่างๆที่เป็นส่วนตัวอย่างมาก และเราต้องการทดสอบในสิ่งที่เราทำผ่านอาคารที่เราสร้างขึ้น ด้วยเหตุนี้ บ้านหลังนี้จึงเป็นเหมือนผลพวงของสิ่งที่ได้เริ่มมาตั้งแต่เมื่อ 20 ปีที่แล้วนั่นเอง”โซเฟียกล่าว

สตูดิโอศิลปะ
เป็นเวลากว่าสองทศวรรษแล้วที่สถาปนิกทั้งสองใช้ชีวิตและทำงานร่วมกัน ทั้งคู่ทำงานในด้านวิชาการ ศิลปะ และสถาปัตยกรรมร่วมกัน โดยบ้านใหม่ของพวกเขามีห้องสำหรับเป็นสตูดิโอผลิตผลงานสร้างสรรค์ที่แตกต่างกันออกไปในสเกลที่เล็กกว่าบ้านหลังก่อนหน้านี้
คอร์ทยาร์ดเล็กๆ ที่แยกอาคารทั้ง 12 หลังในบ้านออกจากกัน
เมื่อมองลงไปที่โครงสร้างจะมีช่องเปิดหลายช่องไปยังลานคอร์ทยาร์ดเล็กๆ ที่แยกอาคารทั้ง 12 หลังในบ้านออกจากกัน

Permeable Architecture

อาคารแปลนเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสหลังนี้ คือการผสมผสานวิสัยทัศน์สมัยใหม่ของสถาปัตยกรรมแบบมินิมัลลิสต์และบรูทัลลิสต์เข้าด้วยกัน
แปลนบ้านรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
บ้านหลังนี้ถูกจัดวางลงบนโลเคชั่นที่เงียบสงบอย่างระมัดระวัง สถาปนิกสร้างบ้านหลังนี้ไปตามความลาดชันของเนินเขาตามสภาพภูมิประเทศ โอบล้อมไปด้วยต้นไม้ที่มีอยู่เดิม
แปลนอาคารรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
แปลนอาคารรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
โครงสร้างที่เผยออกมาของคอนกรีตกลายเป็นจุดรวมความสนใจของตัวมันเอง อีกทั้งสกายไลท์รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าและวงกลม รวมถึงการเจาะช่องหน้าต่างช่วยเติมเต็มประสบการณ์แห่งการรับรู้ ด้วยการสร้างอาคารแบบ permeable ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ตรงกลางระหว่างห้องที่เชื่อมต่อถึงกันอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด
โครงสร้างที่เผยออกมาของคอนกรีตกลายเป็นจุดรวมความสนใจของตัวมันเอง อีกทั้งสกายไลท์รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าและวงกลม รวมถึงการเจาะช่องหน้าต่างช่วยเติมเต็มประสบการณ์แห่งการรับรู้
ตัวอาคารผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบมินิมัลลิสต์และบรูทัลลิสต์
ตัวอาคารผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบมินิมัลลิสต์และบรูทัลลิสต์ที่ทำให้โดดเด่นด้วยวัสดุคอนกรีตเปลือยและรูปลักษณ์ที่สะอาดตา
ด้วยการสร้างอาคารแบบ permeable ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ตรงกลางระหว่างห้องที่เชื่อมต่อถึงกันอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด
ตัวอาคารผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบมินิมัลลิสต์และบรูทัลลิสต์
ตัวอาคารผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบมินิมัลลิสต์และบรูทัลลิสต์ที่ทำให้โดดเด่นด้วยวัสดุคอนกรีตเปลือยและรูปลักษณ์ที่สะอาดตา
ห้องครัว
โทนสีแบบโมโนโครมต่อเนื่องไปยังห้องครัวเพื่อบรรยากาศที่กลมกลืน
“สำหรับพวกเราแล้ว มันไม่ใช่เพียงแค่การสร้างพื้นที่ใช้สอยอย่างห้องนอน, ห้องสมุด, สตูดิโดสำหรับวาดภาพและงานช่างไม้เพียงอย่างเดียว แต่มันยังเกี่ยวกับความสัมพันธ์หรือความเป็นหนึ่งเดียวกันกับธรรมชาติด้วย เพราะเหตุนี้ พื้นที่ภายในบ้านส่วนใหญ่จึงไม่ได้เป็นพื้นที่การใช้งานแบบอินดอร์จริงๆ มันคือห้องกลางแจ้งที่มีลานคอร์ทยาร์ดอยู่ตรงกลาง” พวกเขาอธิบายเสริม
ห้องกลางแจ้ง
จากการอาศัยบนแถบชายฝั่งเป็นเวลาหลายปี สถาปนิกรู้สึกถึงความต้องการที่จะขยายอาณาเขตไปยังดินแดนอื่น หัวใจสำคัญในการสร้างโปรเจ็คต์ Luna คือความปรารถนาที่จะสร้างบ้านในบรรยากาศที่ปลอดภัยและเงียบสงบบนเชิงเขาแอนดีส

“พวกเราใช้สถาปัตยกรรมเพื่อเชื่อมต่อสิ่งที่มีอยู่เดิม และเพื่อทดสอบว่าสเปซในบ้านสามารถกระตุ้นให้เกิดประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสและความรู้สึกในการรับรู้ได้อย่างไร สำหรับเราแล้ว สถาปัตยกรรมเป็นเรื่องของการรับรู้และความเข้าใจในระยะทาง ซึ่งป็นหนึ่งในสิ่งที่ปรากฏชัดเจนที่สุด”

ส่วนหนึ่งของการทดสอบผ่านสถาปัตยกรรมของพวกเขาคือการเบลอเส้นรอยต่อและเจือจางความแตกต่างระหว่างสิ่งประดิษฐ์และธรรมชาติ พวกเขาได้สร้างความสัมพันธ์กับธรรมชาติและใส่ใจสิ่งแวดล้อมโดยรอบ ด้วยการสร้างบ้านล้อมรอบต้นไม้เดิมที่มีอยู่

“พวกเราใช้สถาปัตยกรรมเพื่อเชื่อมต่อสิ่งที่มีอยู่เดิม และเพื่อทดสอบว่าสเปซในบ้านสามารถกระตุ้นให้เกิดประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสและความรู้สึกในการรับรู้ได้อย่างไร สำหรับเราแล้ว สถาปัตยกรรมเป็นเรื่องของการรับรู้และความเข้าใจในระยะทาง ซึ่งป็นหนึ่งในสิ่งที่ปรากฏชัดเจนที่สุด”
Casa Luna
ช่องเสียงและทางเชื่อมที่ทะลุถึงกัน เชื่อมต่อธรรมชาติและพื้นที่กลางแจ้งในบ้าน

ส่วนหนึ่งของการทดสอบผ่านสถาปัตยกรรมของพวกเขาคือการเบลอเส้นรอยต่อและเจือจางความแตกต่างระหว่างสิ่งประดิษฐ์และธรรมชาติ พวกเขาได้สร้างความสัมพันธ์กับธรรมชาติและใส่ใจสิ่งแวดล้อมโดยรอบ ด้วยการสร้างบ้านล้อมรอบต้นไม้เดิมที่มีอยู่

Casa Luna
ช่องเสียงและทางเชื่อมที่ทะลุถึงกัน เชื่อมต่อธรรมชาติและพื้นที่กลางแจ้งในบ้าน
บ้านหลังนี้มีโครงสร้างคล้ายวิหารขนาดใหญ่
บ้านหลังนี้มีโครงสร้างคล้ายวิหารขนาดใหญ่ที่ชวนให้นึกถึงการปลีกตัวและชีวิตที่เงียบสงบ

Luna

ตัวอาคารที่ประกอบไปด้วยโครงสร้างที่แตกต่างกัน มีลานส่วนตัวที่เชื่อมเข้าสู่ลานคอร์ทยาร์ดที่ใหญ่กว่า แต่ละห้องถูกกั้นด้วยอุปกรณ์ข้อต่อป้องกันแผ่นดินไหวซึ่งดูคล้ายกับวิหาร ซึ่งเป็นไอเดียในการสร้างพื้นที่ส่วนตัว แต่ในขณะเดียวกันก็ควรให้ความรู้สึกว่ายังอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน:
ลานที่เชื่อมเข้าสู่ลานคอร์ทยาร์ด
โครงสร้างคล้ายวิหารแบ่งออกเป็น 12 บล็อก ที่แบ่งออกจากกันและคั่นด้วยข้อต่อป้องกันแผ่นดินไหว
Casa Luna
สถาปนิกมีความสนใจในแนวคิดและการรับรู้ของระยะทาง ซึ่งพวกเขาสื่อด้วยไดนามิกของแต่ละห้องและโครงสร้างโดยทั่วไปของตัวบ้าน
“ฉันเปรียบมันเหมือนกับการอาศัยอยู่ในอาคารอพาร์ตเมนต์ที่ทุกคนจะมีที่อยู่ของตัวเองในขณะที่คุณใช้อาคารร่วมกับผู้อื่น ซึ่งโดยหลักการนี้ มันก็เหมือนกับคุณใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันนั่นเอง” สถาปนิกกล่าว ซึ่งมันใหญ่พอที่คุณจะสามารถมีพื้นที่ส่วนตัวเมื่อคุณต้องการมัน และเล็กพอที่จะรู้สึกถึงความสัมพันธ์กับผู้อยู่อาศัยคนอื่น
“ฉันเปรียบมันเหมือนกับการอาศัยอยู่ในอาคารอพาร์ตเมนต์ที่ทุกคนจะมีที่อยู่ของตัวเองในขณะที่คุณใช้อาคารร่วมกับผู้อื่น ซึ่งโดยหลักการนี้ มันก็เหมือนกับคุณใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันนั่นเอง” สถาปนิกกล่าว
ห้องนอน
แต่ละอาคารมีพื้นที่ภายในส่วนตัวและใช้พื้นที่ภายนอกร่วมกัน ซึ่งให้ความรู้สึกต่อเนื่องและปลอดภัย
ซึ่งมันใหญ่พอที่คุณจะสามารถมีพื้นที่ส่วนตัวเมื่อคุณต้องการมัน และเล็กพอที่จะรู้สึกถึงความสัมพันธ์กับผู้อยู่อาศัยคนอื่น
ห้องนอน
แต่ละอาคารมีพื้นที่ภายในส่วนตัวและใช้พื้นที่ภายนอกร่วมกัน ซึ่งให้ความรู้สึกต่อเนื่องและปลอดภัย
เงาจากช่องแสง
ห้องต่างๆทั่วทั้งบ้านมีทิศทางที่แตกต่างกัน ส่งเสริมเรื่องการรับรู้ระยะทางที่คลุมเครือ
พวกเขาเรียกบ้านนี้ว่า Luna โดยอ้างอิงถึงประเภทของสนามกีฬาโรดิโอชิลีแบบดั้งเดิมในชนบทที่เรียกว่า Medialuna มีเดียลูนา เป็นโครงสร้างทรงกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 45 เมตร ที่สร้างจากไม้กระดาน ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับลานกว้างขนาด 45×45 เมตร ที่มีบึงน้ำอยู่ตรงกลาง สำหรับเป็นที่กักเก็บน้ำตามธรรมชาติ

โลเคชั่นแสนพิเศษ

“พวกเราอยู่ในยุคที่สามารถไปได้ทุกแห่งหนและอาศัยอยู่ที่แห่งใดก็ได้ ในแง่นี้ Luna ถือได้ว่าเป็นโลกที่ห่างไกลและเงียบสงบ ซึ่งซ้อนทับกับแนวปฏิบัติที่สร้างสรรค์ของเรา ซึ่งขยายการสร้างความเข้าใจเรื่องวัฒนธรรม ตามอย่างข้อความใน Candide ที่กล่าวว่า to cultivate our garden ทั้งในความหมายทางตรงและในเชิงอุปมาเปรียบเปรย” พวกเขากล่าว

Luna คือบ้านหลังที่สามที่พวกเขาสร้างขึ้นมา มันมีความคล้ายคลึงกับบ้านหลังก่อนๆของพวกเขา รวมไปถึงห้องทำงานด้านศิลปะและสตูดิโอในรูปแบบของหอคอย แต่มีขนาดใหญ่กว่ามากและสถานที่ก็แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

“พวกเราอยู่ในยุคที่สามารถไปได้ทุกแห่งหนและอาศัยอยู่ที่แห่งใดก็ได้ ในแง่นี้ Luna ถือได้ว่าเป็นโลกที่ห่างไกลและเงียบสงบ ซึ่งซ้อนทับกับแนวปฏิบัติที่สร้างสรรค์ของเรา ซึ่งขยายการสร้างความเข้าใจเรื่องวัฒนธรรม ตามอย่างข้อความใน Candide ที่กล่าวว่า to cultivate our garden ทั้งในความหมายทางตรงและในเชิงอุปมาเปรียบเปรย” พวกเขากล่าว
Minimalist Meets Brutalist
ภายในอาคารที่เป็นเหมือนนอกอาคาร กับโครงสร้างแบบบรูทัลลิสต์และวิถิชีวิตแบบมินิมัล
Luna คือบ้านหลังที่สามที่พวกเขาสร้างขึ้นมา มันมีความคล้ายคลึงกับบ้านหลังก่อนๆของพวกเขา รวมไปถึงห้องทำงานด้านศิลปะและสตูดิโอในรูปแบบของหอคอย แต่มีขนาดใหญ่กว่ามากและสถานที่ก็แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
Minimalist Meets Brutalist
ภายในอาคารที่เป็นเหมือนนอกอาคาร กับโครงสร้างแบบบรูทัลลิสต์และวิถิชีวิตแบบมินิมัล
Sofia ในห้องทำงานศิลปะ
Sofia ในห้องทำงานศิลปะหนึ่งของพวกเขา สำหรับพวกเขาแล้ว ช่องเปิดบนผนังและหลังคาคือสิ่งจำเป็นของบ้าน แนวคิดด้านสถาปัตยกรรมของพวกเขานั้นสร้างสรรค์เกินกว่ารูปทรงของสิ่งต่างๆ

“เราทั้งคู่เติบโตขึ้นมาในภาคใต้ของทวีปอเมริกาใต้ด้วยความผูกพันอย่างแน่นแฟ้นกับป่าเขา ตั้งแต่เราพบกัน เราก็คาดเดาได้ถึงแนวคิดแบบโรแมนติกของการปลีกวิเวก หวนคืนสู่องค์ประกอบพื้นฐานของชีวิต ที่ดินผืนนี้ตั้งอยู่ในภูมิประเทศพรมแดนที่เป็นหุบเขาและภูเขา ด้วยความงดงามนี้เราจึงมีภาพในหัวของอาคารที่มีพื้นที่สำหรับงานเขียน วาดรูป และสร้างสรรค์จินตนาการทางสถาปัตยกรรมภายในสถานที่สวยงามแห่งนี้” โซเฟียกล่าวทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้ม

Production and Photos: Mads Mogensen
Story: Guðrun Henrysdóttir
Translate: Lerthiya Nantasen
Share

In the green hills at the feet of the Andes in central Chile, architects and artists Sofia von Ellrichshausen and Mauricio Pezo have built their new home in a secluded area surrounded by forest and freshwater channelled through small streams coming down from the Andes. Impressively big and calm at the same time the structure is built without disturbing the natural surroundings.

We call it a house but it is a very broad definition of the term. It is our private home, but we also consider it a cultural centre, as it is meant for more than domestic use. It is a place for our creative expression, and ideally, it will live on beyond our lifetime to become a creative space for other humanist and creative people”, says Sofia.

Exploring who they are through architecture 

As a couple who live and work together, their lives have seamlessly merged for two decades, sharing their academic and artistic lives and the internationally renowned art and architecture studio Pezo von Ellrichshausen.

“Early on, we realised that we had a very personal way of doing things. And we wanted to explore what we were doing through our own buildings. In that sense, the house is a consequence of something that started 20 years ago”, says Sofia.

Permeable architecture

The square-plan building is a visionary combination of a modern take on minimalist and brutalist architecture. The exposed structure in concrete becomes the focal point in itself, and rectangular and circular skylights and window cut-outs fill the rooms with sensory experiences. Built like a permeable building, you are always in a threshold between the connecting rooms to where there is no endpoint.

“For us, it is not only about making functional space in the pragmatic sense of saying we need bedrooms, a library, and studios for painting and carpentry, but it’s also about our relationship or our ethos to nature. Because of that, most spaces are really not functional indoor spaces. They are outdoor rooms with all these intermediate courtyards”, they explain, adding:

“We use architecture to articulate what is already there and to test how space can induce sensory experiences and feelings of recognition. For us, architecture is about perceiving and understanding distance, which in fact is one of the most concrete manifestations of time.”

Part of their way of exploring through architecture has been about blurring the lines and diluting the difference between artificial and natural. They have worked on cultivating a relationship with nature and been mindful of the surrounding area in building the house around existing trees.

Luna

The building consists of different structures that have a private courtyard with access to larger courtyards. The rooms are separated by seismic joints, much like a cloister. The idea has been to create private spaces, but at the same time, one should feel a sense of being in the same house:

“I compare it to living in an apartment building where each has their own space as well as you share the building with others, so in a way you are living together”, explain the architects.

Big enough to find your own space when you need it, small enough to feel connection with the other guests.

They call the house Luna in referral to the typology of rural traditional Chilean rodeo arena, called medialuna. The medialuna is a circular structure about 45 meters in diameter, made of wooden boards. It has inspired the big courtyard that is 45×45 meters with a lagoon in the centre inside where water naturally collects.

The off-beat location

“We are at an age now where we realise that we can go everywhere and live anywhere. In that sense, Luna can be understood as a remote and secluded world, that overlaps our creative practice expanding the notion of culture, following Candide, to cultivate our garden in a literal and metaphorical sense”, they say

Luna is the third house that they have built for themselves. It has similarities to their previous houses, including their atelier and studio in the format of a tower. But it is much bigger, and the location is entirely different.

“We both grew up in the south of south America, with a strong connection to wilderness. Since we met we had speculated with the romantic idea of a voluntary exile, a return to a more elemental form of life. The property is at a frontier point between valley and mountain landscape. Within this picturesque setting the building articulates all the possible spaces we had in mind for our own work writing, drawing, painting and imagining architecture”, Sofia concludes while smiling.