Home
Living Green
ถนนลูกรังทอดยาวผ่านป่าสนอัลไพน์นำเราไปสู่รั้วไม้ทำมือยาวตลอดแนวทิวสนและทิวทัศน์ที่งดงามของฟาร์มในหมู่บ้านเล็กๆ ของ Rappersbühl ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงตัวอย่างของฟาร์มที่ทันสมัย หากแต่ยังเป็นบ้านพักและเกสต์เฮ้าส์แบบพอเพียงที่อยู่ได้ด้วยตัวเองแทบทั้งหมด บนทำเลที่ตั้งที่เป็นเนินเขา (Bühl แปลว่า เนินเขา) ท่ามกลางธรรมชาติของเทือกเขาแอลป์บนที่ราบสูงที่มีแดดจ้าในแคว้น Alto Adige ของอิตาลีแห่งนี้ Rappersbühl ถือเป็นโปรเจ็กต์แห่งสายสัมพันธ์ระหว่างพ่อและลูกสาวอย่างแท้จริง
Heiner Oberrauch หนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของท้องที่ และ Maria ลูกสาวนักสร้างสรรค์ผู้มีวิสัยทัศน์ของเขา ได้สานฝันที่สะท้อนแพสชั่นของทั้งคู่ที่มีร่วมกันต่อธรรมชาติ การเกษตร ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และชีวิตที่เรียบง่าย
ตัวอาคารที่ออกแบบโดยสตูดิโอ BergmeisterWolf เป็นเหมือนเพชรเม็ดงามทางสถาปัตยกรรมที่ถูกแชร์โดยเจ้าของบ้านกับครอบครัว เพื่อนฝูง แขกผู้มาพัก และสัตว์เลี้ยงของพวกเขา ทั้งหมดประกอบด้วยสามส่วน คือบ้านของ Maria Oberrauch, เกสต์เฮ้าส์ที่แชร์กับบ้านชาวนา และคอกปศุสัตว์ ฝูงวัว แพะ และแกะ ละเลียดเล็มหญ้าในทุ่งหญ้ารอบบริเวณไร่ธัญพืชและบนหลังคาที่ปกคลุมไปด้วยหญ้าของอาคารหลังกลาง ในขณะที่ฝูงไก่คุ้ยเขี่ยจิกหาอาหารอยู่ในสวนผักและผลไม้ ปลาและกบแหวกว่ายอยู่ในสระใกล้ๆ ที่มีเด็กๆ วิ่งเล่นอยู่ริมฝั่ง
นอกเหนือจากอาชีพหลักของเขาแล้ว Heiner มีความผูกพันกับธรรมชาติที่ได้หล่อเลี้ยงเขามาตั้งแต่วัยเยาว์ในฐานะที่เติบโตมากับฟาร์ม “ใจผมมันพองฟูเมื่ออยู่กับธรรมชาติ” เขากล่าว ไฮเมอร์เติบโตมาในฟาร์มและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง ความฝันที่จะสร้างฟาร์มแบบพึ่งพาตัวเองในเฟสที่สามของชีวิตนั้นมีมายาวนานแล้ว ในขณะที่มาเรียนั้นชอบทำเลที่ตั้งของ Rappersbühl ที่ซึ่งเธอใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วงฤดูร้อนของวัยเด็กที่นี่ “ก็เหมือนกับพ่อของฉันนั่นแหละ ฉันรู้สึกดีเวลามือเปื้อนดิน ซึ่งฉันแทบจะลืมเวลาไปเลย” มาเรียอธิบายว่า “ฉันถามตัวเองว่า ฉันจะให้อะไรกับลูกๆ แล้วก็ได้คำตอบว่าหนึ่งในของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือการได้ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับธรรมชาติ และมีสถานที่ที่รู้สึกว่าเป็นบ้านอย่างแท้จริง” เธอเล่าต่ออย่างขบขันว่า “การแวะเยี่ยมชมสวนผักก่อนไปทำงานคือสิ่งที่พ่อต้องทำเป็นประจำ คุณจะเจอเขาในชุดสูทผูกเนคไทสวมรองเท้าหนังเงาวับยืนอยู่บนดินโคลนในสวน หรือถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไร เขาก็จะนั่งอยู่บนรถแทร็กเตอร์”
ในขณะที่มาเรียนั้นชอบทำเลที่ตั้งของ Rappersbühl ที่ซึ่งเธอใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วงฤดูร้อนของวัยเด็กที่นี่ “ก็เหมือนกับพ่อของฉันนั่นแหละ ฉันรู้สึกดีเวลามือเปื้อนดิน ซึ่งฉันแทบจะลืมเวลาไปเลย” มาเรียอธิบายว่า “ฉันถามตัวเองว่า ฉันจะให้อะไรกับลูกๆ แล้วก็ได้คำตอบว่าหนึ่งในของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือการได้ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับธรรมชาติ และมีสถานที่ที่รู้สึกว่าเป็นบ้านอย่างแท้จริง” เธอเล่าต่ออย่างขบขันว่า “การแวะเยี่ยมชมสวนผักก่อนไปทำงานคือสิ่งที่พ่อต้องทำเป็นประจำ คุณจะเจอเขาในชุดสูทผูกเนคไทสวมรองเท้าหนังเงาวับยืนอยู่บนดินโคลนในสวน หรือถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไร เขาก็จะนั่งอยู่บนรถแทร็กเตอร์”
เมื่อเข้าสู่เนินของ Rappersbühl จะเห็นอาคารหลังแรกกลมกลืนไปกับธรรมชาติและกลายเป็นส่วนหนึ่งของภูมิทัศน์โดยรอบ งานสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและต้นไม้อายุเก่าแก่สร้างเอกลักษณ์ให้กับบ้านของมาเรียที่อาศัยอยู่กับคู่ชีวิตและลูกชายทั้งสองของเธอ ในขณะที่โครงสร้างไม้ทั้งหมดถูกคลุมด้วยแผ่นไม้มุงหลังคา กระจกบานใหญ่เปิดมุมมองแบบพาโนรามาโดยรอบเชื่อมพื้นที่ในร่มและพื้นที่กลางแจ้งเข้าด้วยกัน วัสดุก่อสร้างแบบอีโคถูกเลือกมาใช้อย่างพิถีพิถันในทุกส่วนของการตกแต่งภายใน เช่น สีทาผนังออร์แกนิกเอิร์ธโทน ที่เพิ่มความอบอุ่นและมิติความงามด้วยน้ำหนัก โทนสี และผิวสัมผัส และช่วยในเรื่องของการกักเก็บความร้อน ควบคุมคุณภาพอากาศและอุณหภูมิที่เหมาะสมภายใน, ไม้ธรรมชาติที่ปราศจากการตกแต่งซึ่งส่วนใหญ่มาจากป่าในพื้นที่ถูกใช้อย่างคุ้มค่าภายในบ้าน น้ำอุ่นและระบบทำความร้อนที่พื้นก็มาจากพลังงานโซล่าเซลล์
วัสดุก่อสร้างแบบอีโคถูกเลือกมาใช้อย่างพิถีพิถันในทุกส่วนของการตกแต่งภายใน เช่น สีทาผนังออร์แกนิกเอิร์ธโทน ที่เพิ่มความอบอุ่นและมิติความงามด้วยน้ำหนัก โทนสี และผิวสัมผัส และช่วยในเรื่องของการกักเก็บความร้อน ควบคุมคุณภาพอากาศและอุณหภูมิที่เหมาะสมภายใน, ไม้ธรรมชาติที่ปราศจากการตกแต่งซึ่งส่วนใหญ่มาจากป่าในพื้นที่ถูกใช้อย่างคุ้มค่าภายในบ้าน น้ำอุ่นและระบบทำความร้อนที่พื้นก็มาจากพลังงานโซล่าเซลล์
ตัวบ้านมีห้องนั่งเล่นแบบเปิด ห้องอาหาร ส่วนของครัว ห้องน้ำที่ชั้นหลัก และ ห้องนอนเล็กสองห้อง ห้องนอนใหญ่หนึ่งห้อง กับห้องน้ำอีกห้องที่ชั้นล่าง ดีไซน์แบบเปิดแสนเชื้อเชิญของงานอินทีเรียผสมผสานความงามของธรรมชาติกับความร่วมสมัยของการออกแบบ สร้างความกลมกลืนด้วยส่วนประกอบที่มาจากธรรมชาติ เส้นสายเรียบกริบ และงานดีไซน์แบบโมเดิร์น มาเรียให้ความสำคัญกับการสร้างความรู้สึกสมดุลและเงียบสงบ โดยการผสานวัสดุออร์แกนิก แสงสว่างจากธรรมชาติที่เพียงพอ และเน้นความเรียบง่าย การปล่อยมุมมองโล่งๆ ทำให้สิ่งที่เด่นสะดุดตาที่สุดคือธรรมชาติโดยรอบ “มันเป็นที่ที่ทำให้ชีวิตเดินช้าลง มีดวงอาทิตย์เป็นนาฬิกา โทรทัศน์ถูกแทนที่ด้วยหน้าต่างบานใหญ่ที่เผยให้เห็นวิวของป่าสุดลูกหูลูกตา ทุ่งหญ้า และภูเขา” มาเรียกล่าว เฟอร์นิเจอร์แบบโมเดิร์นที่เป็นงานคราฟต์ของท้องถิ่นอยู่ร่วมกันกับของตกแต่งที่เป็นมรดกอันเป็นที่รักของครอบครัวภายในบ้าน
มาเรียให้ความสำคัญกับการสร้างความรู้สึกสมดุลและเงียบสงบ โดยการผสานวัสดุออร์แกนิก แสงสว่างจากธรรมชาติที่เพียงพอ และเน้นความเรียบง่าย การปล่อยมุมมองโล่งๆ ทำให้สิ่งที่เด่นสะดุดตาที่สุดคือธรรมชาติโดยรอบ “มันเป็นที่ที่ทำให้ชีวิตเดินช้าลง มีดวงอาทิตย์เป็นนาฬิกา โทรทัศน์ถูกแทนที่ด้วยหน้าต่างบานใหญ่ที่เผยให้เห็นวิวของป่าสุดลูกหูลูกตา ทุ่งหญ้า และภูเขา” มาเรียกล่าว เฟอร์นิเจอร์แบบโมเดิร์นที่เป็นงานคราฟต์ของท้องถิ่นอยู่ร่วมกันกับของตกแต่งที่เป็นมรดกอันเป็นที่รักของครอบครัวภายในบ้าน
บ้านพักชาวนาที่อยู่ติดกันเป็นอพาร์ตเม้นต์ห้ายูนิตที่จะมอบประสบการณ์วันหยุดอย่างมีคุณภาพภายในฟาร์ม บางส่วนประสานไปกับภูมิทัศน์ลาดชันกลายเป็นส่วนหนึ่งของของภูมิประเทศจนเกือบมองไม่เห็น นั่นเป็นเพราะหญ้าและดอกไม้ป่าที่ปกคลุมอยู่บนหลังคา มีแพะแองโกร่าและแกะขนปุกปุยเป็นเครื่องตัดหญ้าแบบ Sustainable
ห่างไปเพียงไม่กี่ก้าวก็จะพบกับอาคารหลังใหญ่และน่าเกรงขามที่สุดในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงนาพร้อมคอกม้าและโรงเก็บฟางขนาดใหญ่ ขนาดอันยิ่งใหญ่สะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาการทำฟาร์มที่เป็นมิตรกับสัตว์ ช่วยให้สัตว์เลี้ยงมีพื้นที่มากมายในการใช้ชีวิต อาคารตั้งอยู่ท่ามกลางต้นไม้ที่มีอายุนับร้อยปีถูกสร้างขึ้นตามข้อกำหนดของสถาปัตยกรรมชนบทท้องถิ่น พื้นที่สำหรับตั้งเตาบาร์บีคิวเล็กๆ ซาวน่า และสระน้ำเล็กๆ เป็นพื้นที่อบอุ่นสำหรับการอยู่ร่วมกันที่เปิดกว้าง ทำให้ Rappersbühl เป็นที่พบปะสังสรรค์ในอุดมคติของครอบครัว
ห่างไปเพียงไม่กี่ก้าวก็จะพบกับอาคารหลังใหญ่และน่าเกรงขามที่สุดในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงนาพร้อมคอกม้าและโรงเก็บฟางขนาดใหญ่ ขนาดอันยิ่งใหญ่สะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาการทำฟาร์มที่เป็นมิตรกับสัตว์ ช่วยให้สัตว์เลี้ยงมีพื้นที่มากมายในการใช้ชีวิต อาคารตั้งอยู่ท่ามกลางต้นไม้ที่มีอายุนับร้อยปีถูกสร้างขึ้นตามข้อกำหนดของสถาปัตยกรรมชนบทท้องถิ่น พื้นที่สำหรับตั้งเตาบาร์บีคิวเล็กๆ ซาวน่า และสระน้ำเล็กๆ เป็นพื้นที่อบอุ่นสำหรับการอยู่ร่วมกันที่เปิดกว้าง ทำให้ Rappersbühl เป็นที่พบปะสังสรรค์ในอุดมคติของครอบครัว “การทำฟาร์มที่นี่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ กระทัดรัด และหลากหลาย เราจึงสามารถผลิตอาหารได้เองสำหรับครอบครัวที่เพิ่มขึ้นและแขกของเรา Rappersbühl กลายเป็นสถานที่สำหรับจิตวิญญาณอย่างแท้จริง” มาเรียกล่าว “และมันช่างเป็นของขวัญแสนพิเศษ เมื่อมานึกว่าโปรเจ็กต์ในฝันของผมกับลูกสาว เป็นการหลอมรวมความฝันของเราเข้าไว้ด้วยกัน” ไฮเนอร์กล่าวเสริมทิ้งท้าย
Photos: Mads Mogensen
Story & Styling: Martina Hunglinger
Translate: Wachirapanee Markdee