Home

Everyday Is Christmas

หลายคนรู้จัก อรประพันธ์ สุทธินรเศรษฐ์ หรือ แป้ง ในฐานะ Creative Director ของ Vikteerut แบรนด์แฟชั่นชั้นนำของไทย ส่วนใครที่ติดตามอินสตาแกรมแอคเค้าท์ pamelapowder_rei ก็อาจจะคุ้นเคยกับภาพไลฟ์สไตล์ของการท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆ ทั่วโลกของเธอ วันนี้ QoQoon จะพาทุกคนไปเยี่ยมชมบ้านที่เป็นเสมือนสถานที่ที่รวมเอาโลกของแฟชั่นและโลกแห่งการท่องเที่ยวที่เธอได้พานพบมารวมไว้ด้วยกัน ซึ่งทั้งหมดถูกถ่ายทอดออกมาผ่านรายละเอียดของการตกแต่งและข้าวของเครื่องใช้ ของสะสมภายในบ้านของเธอ

“บ้านหลังนี้อยู่ในบริเวณที่ครอบครัวใหญ่อยู่ด้วยกันค่ะ เมื่อก่อนญาติๆ อยู่กันในบริเวณนี้เป็นร้อยคนเลย เดิมทีบ้านหลังนี้เป็นของคุณยายคนเล็ก ซึ่งต่อมาคุณน้าก็เข้ามาอยู่แทน ลักษณะบ้านเมื่อก่อนเป็นบ้านสองชั้นสไตล์ไม้ผสมปูน ภายในเป็นพื้นไม้ทั้งหมดซึ่งเก่ามากแล้ว พอคุณน้าย้ายออกไป บ้านก็ถูกทิ้งไว้ประมาณ 4-5 ปีค่ะ พอดีช่วงนั้นของของคุณพ่อคุณแม่ที่เก็บสะสมไว้เริ่มเยอะมาก แป้งเลยรู้สึกว่าอยากได้พื้นที่สำหรับจัดเก็บของเหล่านั้นให้เป็นระเบียบ เลยไปขอบ้านหลังนี้จากคุณน้ามาปรับปรุงใหม่ค่ะ” แป้งเล่าให้เราฟังถึงความเป็นมาของบ้านหลังนี้ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับบ้านอีกหลายหลังของญาติๆ ทั้งหมดถูกสร้างขึ้นมาแบบตัวบ้านแทบจะติดกัน แต่กลับดูแตกต่างกันออกไปคนละแบบตามสไตล์ของเจ้าของบ้านแต่ละหลัง

“ตอนที่ได้บ้านมา เขาขนของออกไปหมดแล้วค่ะ เหลือแค่โครงสร้างบางส่วนกับซากเดิมๆ มันเลยเหมือนเป็นพื้นที่โล่งๆ ให้เราเริ่มต้นได้เลย ตอนนั้นก็เริ่มคิดแล้วว่าเราอยากจะมีบ้านแบบไหน”

บ้านแบบของแป้งที่เธอพูดถึง ได้แรงบันดาลใจมาจากการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งที่เธอโปรดปรานที่เราเห็นตามสื่อโซเชียลส่วนตัวของเธอ “จริงๆ แล้วแป้งเป็นคนชอบท่องเที่ยวและได้เห็นบ้านมาเยอะมากค่ะ เราชอบไปหมดทุกสไตล์เลย ไม่ได้มีแบบไหนที่ชอบเป็นพิเศษ ประกอบกับตอนเด็กๆ เคยอยากเป็นสถาปนิก เลยมีภาพบ้านในหัวที่พัฒนามาเรื่อยๆ ตลอดค่ะ บ้านหลังนี้เลยไม่มีสไตล์ที่ชัดเจน แต่เป็นการผสมผสานหลายๆ อย่างที่เราชอบเข้าไว้ด้วยกัน”

บ้านแบบของแป้งที่เธอพูดถึง ได้แรงบันดาลใจมาจากการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งที่เธอโปรดปรานที่เราเห็นตามสื่อโซเชียลส่วนตัวของเธอ “จริงๆ แล้วแป้งเป็นคนชอบท่องเที่ยวและได้เห็นบ้านมาเยอะมากค่ะ เราชอบไปหมดทุกสไตล์เลย ไม่ได้มีแบบไหนที่ชอบเป็นพิเศษ ประกอบกับตอนเด็กๆ เคยอยากเป็นสถาปนิก เลยมีภาพบ้านในหัวที่พัฒนามาเรื่อยๆ ตลอดค่ะ บ้านหลังนี้เลยไม่มีสไตล์ที่ชัดเจน แต่เป็นการผสมผสานหลายๆ อย่างที่เราชอบเข้าไว้ด้วยกัน”

จุดเริ่มต้นหลักๆ คือเธอเป็นคาทอลิก เลยอยากให้บ้านมีบรรยากาศเหมือนโบสถ์ มีความรู้สึกสงบและอบอุ่น “เคยไปเที่ยวทางใต้ของฝรั่งเศสแล้วเห็นเขาเอาโบสถ์เก่ามาทำเป็นบ้าน เราชอบความรู้สึกแบบนั้นมาก” เธอกล่าว

เมื่อเราเปิดประตูบานเล็กๆ เข้ามาภายในบ้านจึงได้พบกับโถงที่มีทางเดินตรงกลางและมีบันไดแยกขึ้นไปสองฝั่ง การมีบันไดสองฝั่งก็เพื่อความสะดวกในการใช้งาน ฝั่งซ้ายจะเป็นโซนของแป้ง (ห้องรับแขก) ส่วนฝั่งขวาจะเป็นของคุณแม่ (ห้องทานข้าว) ทำให้แต่ละคนมีพื้นที่ส่วนตัวและเดินขึ้นลงได้สะดวก

สิ่งหนึ่งที่เห็นได้เด่นชัดในบ้านคือการก่อปูนเป็นช่องที่มีความโค้งมน ซึ่งเธอบอกว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Friedensreich Hundertwasser สถาปนิกและศิลปินชาวออสเตรีย “รูปทรงโค้งมนต่างๆ ในบ้าน ได้แรงบันดาลใจมาจากสถาปนิกที่ชื่อ ฮุนเดอร์ทวัสเซอร์ (Hundertwasser) ที่งานของเขาจะดูเหมือนบ้านในจินตนาการ เหมือนของเล่น เราอยากได้บ้านที่เดินเชื่อมทะลุถึงกันได้ มีการเล่นระดับ แต่สุดท้ายก็ต้องปรับให้ง่ายลงตามงบประมาณและความเป็นจริงค่ะ”

สิ่งหนึ่งที่เห็นได้เด่นชัดในบ้านคือการก่อปูนเป็นช่องที่มีความโค้งมน ซึ่งเธอบอกว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Friedensreich Hundertwasser สถาปนิกและศิลปินชาวออสเตรีย “รูปทรงโค้งมนต่างๆ ในบ้าน ได้แรงบันดาลใจมาจากสถาปนิกที่ชื่อ ฮุนเดอร์ทวัสเซอร์ (Hundertwasser) ที่งานของเขาจะดูเหมือนบ้านในจินตนาการ เหมือนของเล่น เราอยากได้บ้านที่เดินเชื่อมทะลุถึงกันได้ มีการเล่นระดับ แต่สุดท้ายก็ต้องปรับให้ง่ายลงตามงบประมาณและความเป็นจริงค่ะ”

เมื่อเราถามถึงต้นคริสต์มาสและบรรดาคริสต์มาสออร์นาเม้นต์ต่างๆ ที่ตกแต่งอยู่ในบ้าน แป้งให้ความกระจ่างกับเราว่า บ้านนี้ชื่อ “Christmas House” เพราะโดยส่วนตัวเธอเป็นคนชอบเทศกาลคริสต์มาสมากๆ และหลายๆ อย่างในชีวิต ก็ผูกพันกับคริสต์มาส ในบ้านจึงมีของตกแต่งและต้นคริสต์มาสตั้งไว้ตลอดทั้งปีเลย “แต่ก็จะเปลี่ยนการตกแต่งไปเรื่อยๆ ตามความรู้สึก” เธอกล่าว

ของประดับชิ้นสำคัญอีกอย่างที่กระจายตัวอยู่ในหลายมุมของบ้านคือไม้กางเขนหลากรูปแบบซึ่งเป็นหนึ่งในของสะสมที่ได้จากการเดินทางไปยังที่ต่างๆ ของเธอ รวมไปถึงของตกแต่งอื่นๆ ของเธอเองด้วยเช่นกัน “ของตกแต่งในบ้านจะมาจากหลายที่เลยค่ะ คุณพ่อท่านเป็นคนชอบเก็บของเก่า ของไทยโบราณ ทั้งตู้ หัวโขน เครื่องดนตรีไทย เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ในบ้านเลยเป็นของคุณพ่อ ส่วนของแป้งเองจะเป็นของที่ได้มาจากการเดินทางค่ะ เป็นคนชอบซื้อของที่ระลึก ของพื้นเมืองของแต่ละที่ที่ไปเที่ยว แล้วก็แบกกลับมาแต่งบ้านนี่แหละค่ะ ประตูหน้าต่างบางบานก็มาจากสเปน จากอินเดีย คือหามาจากทั่วทุกมุมโลกเท่าที่เราจะหาได้ในราคาที่เรารับไหว” ความที่คุณพ่อเป็นพุทธส่วนแป้งและคุณแม่เป็นคาธอลิก เราจึงเห็นข้าวของที่ได้รับอิทธิพลมาจากต่างพื้นฐานความเชื่อที่อยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน และไม่เคอะเขิน ด้วยใจที่เปิดกว้างของสมาชิกในบ้าน

ของประดับชิ้นสำคัญอีกอย่างที่กระจายตัวอยู่ในหลายมุมของบ้านคือไม้กางเขนหลากรูปแบบซึ่งเป็นหนึ่งในของสะสมที่ได้จากการเดินทางไปยังที่ต่างๆ ของเธอ รวมไปถึงของตกแต่งอื่นๆ ของเธอเองด้วยเช่นกัน “ของตกแต่งในบ้านจะมาจากหลายที่เลยค่ะ คุณพ่อท่านเป็นคนชอบเก็บของเก่า ของไทยโบราณ ทั้งตู้ หัวโขน เครื่องดนตรีไทย เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ในบ้านเลยเป็นของคุณพ่อ ส่วนของแป้งเองจะเป็นของที่ได้มาจากการเดินทางค่ะ เป็นคนชอบซื้อของที่ระลึก ของพื้นเมืองของแต่ละที่ที่ไปเที่ยว แล้วก็แบกกลับมาแต่งบ้านนี่แหละค่ะ ประตูหน้าต่างบางบานก็มาจากสเปน จากอินเดีย คือหามาจากทั่วทุกมุมโลกเท่าที่เราจะหาได้ในราคาที่เรารับไหว” ความที่คุณพ่อเป็นพุทธส่วนแป้งและคุณแม่เป็นคาธอลิก เราจึงเห็นข้าวของที่ได้รับอิทธิพลมาจากต่างพื้นฐานความเชื่อที่อยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน และไม่เคอะเขิน ด้วยใจที่เปิดกว้างของสมาชิกในบ้าน

เมื่อขึ้นบันไดมาที่ชั้นสองจะพบกับห้องแต่งตัวที่ใหญ่มาก เรียกได้ว่าเป็นหัวใจของบ้าน ซึ่งเป็นส่วนที่แป้งให้ความสำคัญมากในฐานะคนทำงานเกี่ยวกับแฟชั่น “ห้องนี้เป็นสิ่งแรกๆ ที่คิดถึงตอนจะสร้างบ้านเลย เพราะด้วยงานที่เราเป็นทั้งดีไซเนอร์และสไตลิสต์ ทำให้มีเสื้อผ้าเยอะมาก แป้งชอบซื้อของมือสอง ของวินเทจ เก็บสะสมไว้ ของเกินครึ่งในห้องนี้ไม่เคยใส่เลยค่ะ แต่มันเหมือนเป็นงานศิลปะและคลังแรงบันดาลใจที่เราใช้ในการทำงาน ในห้องก็จะจัดระเบียบโดยการแบ่งเสื้อผ้าตามตัวอักษรของชื่อแบรนด์ไปเลยเพื่อให้หาง่ายค่ะ” ส่วนชั้นบนสุดคือห้องนอนซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวจริงๆ ไม่มีอะไรแฟนซีมากมาย นอกจากที่นอนและของใช้จำเป็นกับไม้กางเขนบนผนัง

เมื่อถามถึงพื้นที่ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ในบ้าน แป้งตอบทันทีว่า “ถามว่ามัน represent ความเป็นเราที่สุดนี่ มันก็คงห้องแต่งตัว แต่ถ้าถามว่าอยู่ห้องไหนมากที่สุด อยู่ห้องครัวค่ะ หลังๆ มานี้แป้งชอบทำขนมปัง ทำอาหารมาก มันเหมือนเป็นการทำสมาธิอย่างหนึ่ง เวลาทำงานมาเหนื่อยๆ พอได้มานวดแป้ง ได้หั่นผัก มันทำให้เรารู้สึกสงบและสบายใจค่ะ บางทีตีสี่ตีห้าก็ยังทำอยู่เลย เป็นพื้นที่ที่รู้สึกว่าเราได้อยู่กับตัวเองจริงๆ” ส่วนของครัวที่เป็นส่วนเปิดนี้เชื่อมต่อไปยังห้องนั่งเล่นด้านหลัง ซึ่งเคยเป็นบ่อน้ำมาก่อน

“ตรงนี้มันจะเป็นเหมือนบ่อน้ำบาดาลมั้ง เป็นบ่อปูน เหมือนเป็นอิฐสี่เหลี่ยมก่อขึ้นมา แล้วข้างล่างเขาจะเก็บน้ำเอาไว้ใช้ทั้งหมดสำหรับในบ้าน แต่ว่าหลังๆ พอมันเก่า เขาก็เลยเลิกใช้ ตอนแรกเลยแป้งอยากให้ตรงนี้เป็นบ่อน้ำ แต่มันทำไม่ได้ เพราะว่าข้างล่างมันไม่แข็งแรง ก็เลยบอกโอเค ถ้าอย่างงั้นก็ไม่เอาเป็นบ่อน้ำก็ได้ งั้นก็ขุดเป็นที่นั่งละกัน” ส่วนนี้จึงกลายเป็นทั้งห้องหนังสือ ห้องนั่งดูทีวี และห้องสันทนาการทั้งหลาย ด้วยความสะดวกเพราะอยู่ติดกับส่วนครัว

“บ้านนี้มันเหมือนก็เหมือนกับว่า ตรงนี้ทำอะไรได้ก็ทำแบบนั้น คือก็คุยกับสถาปนิกไปเรื่อยๆ ว่าถ้าตรงไหนทำอะไรได้ เขาก็ทำให้ หลายอย่างไม่ได้อยู่ในแพลนตั้งแต่แรก ค่อยๆ ทำเป็นส่วนๆ ไป คุยไปเรื่อยๆ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ในส่วนของโครงสร้างหลักๆ ถือว่าจบแล้ว แต่การตกแต่งภายในยังไม่จบเลย ยังรู้สึกว่าอยากจะเติมอะไรอีกเยอะ อย่างเช่น เพดานที่ยังไม่อยากได้เป็นปูนเปลือยแบบนี้ หรือห้องแต่งตัวก็รู้สึกว่าสีสันมันสามารถจัดจ้านได้มากกว่านี้อีก จริงๆ ยังมีไอเดียอยากจะเพ้นต์ตามส่วนโค้งต่างๆ ในบ้านด้วย แต่ยังไม่มีเวลาทำค่ะ ก็คงค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ ค่ะ”

ด้วยไอเดียสร้างสรรค์ที่หลากหลายการปรับปรุงบ้านเก่าของครอบครัวที่ใส่สปิริตและตัวตนของแป้ง อรประพันธ์ สุทธินรเศรษฐ์ ลงไปในทุกดีเทล จึงเป็นบ้านที่ ‘ตามใจผู้อยู่’ อย่างแท้จริง

ด้วยไอเดียสร้างสรรค์ที่หลากหลายการปรับปรุงบ้านเก่าของครอบครัวที่ใส่สปิริตและตัวตนของแป้ง อรประพันธ์ สุทธินรเศรษฐ์ ลงไปในทุกดีเทล จึงเป็นบ้านที่ ‘ตามใจผู้อยู่’ อย่างแท้จริง

QoQoon Talks Fashion

คุณแป้ง อรประพันธ์ สุทธินรเศรษฐ์ คุณแป้ง อรประพันธ์ สุทธินรเศรษฐ์ Creative Director ของ Vikteerut
คุณแป้ง อรประพันธ์ สุทธินรเศรษฐ์ คุณแป้ง อรประพันธ์ สุทธินรเศรษฐ์ Creative Director ของ Vikteerut

Q: คำว่าแฟชั่นมีความสำคัญอย่างไรกับแป้ง
P: แฟชั่นก็เหมือนความรัก มันก็มีทั้งอินสุดๆ และเบื่อและอยากหนีสุดๆ แต่มันมีบุญคุญค่ะ มันคือสิ่งที่ทำให้เรามีวันนี้ แฟชั่นเป็นทั้งพลังงานและแรงขับเคลื่อนในชีวิต ทำให้เราได้สนุกกับการสร้างสรรค์ ได้คิด ได้ปะทะกับสมอง ได้ท้าทายขีดจำกัดของตัวเอง ได้พบเจอผู้คนและในเวลาเดียวกันก็สอนให้เรารู้จักความอดทนและการเติบโต ทุกอย่างที่เราเป็นในวันนี้ ล้วนเกิดจากเส้นทางที่แฟชั่นพาเรามา

Q: แรงบันดาลใจและสิ่งที่ช่วยเป็นแรงขับเคลื่อนในการทำงานทุกวันนี้คืออะไร
P: ถ้ามีคนถามคำถามนี้กับแป้งตอนอายุ 30 คำตอบคงเป็นอีกแบบไปเลย แต่พอเวลาผ่านไป ความคิดก็เปลี่ยน แรงบันดาลใจของตอนนี้น่าจะมาจาก “ความอยาก” — อยากเห็นสิ่งใหม่ อยากสร้างภาพจำบางอย่างที่มีความหมาย อยากเห็นคนที่มีความหลากหลาย ใส่เสื้อผ้าแล้วสวย มากกว่า เสื้อผ้าสวยแต่คนใส่ไม่ได้จริงค่ะ

Q: คิดว่าแฟชั่นกับอินทีเรียและงานออกแบบตกแต่ง มีความเหมือนหรือต่างหรือไม่ และมีความสัมพันธ์กันอย่างไร
P: แป้งมองว่าแฟชั่นกับอินทีเรีย จริงๆ คล้ายกันเลย ทั้งคู่คือ “ภาษา” ที่ใช้สะท้อนตัวตนของคนๆ หนึ่ง เพียงแค่รูปแบบต่างกัน แฟชั่นคือการเล่าผ่านเสื้อผ้า บนร่างกาย และการเคลื่อนไหว ขณะที่อินทีเรียคือการเล่าผ่านพื้นที่ที่เราใช้ชีวิตอยู่ แต่สุดท้ายแล้วมันก็คือเรื่องเดียวกัน คือการแสดงออกว่า เราเป็นคนแบบใด ผ่านงานออกแบบที่คนอื่นสามารถมองเห็นและสัมผัสได้

Q: ซิกเนเจอร์ของ Vickteerut และความเป็น “แป้ง”
P: ซิกเนเจอร์ของ Vickteerut คือ minimalism ที่มีความคมชัด แต่ไม่แข็งกร้าว – เป็นเส้นสายที่ดูเรียบง่าย แต่ซ่อนดีเทล ความประณีต และความรู้สึก feminine ที่ understated อยู่ข้างใน การออกแบบของ Vickteerut มักจะไม่ใช่แฟชั่นที่ “ตะโกน” แต่เป็นแฟชั่นที่ กระซิบอย่างมีพลัง ทำให้คนที่ใส่ดูมั่นใจและสงบในเวลาเดียวกัน

ในแง่ความเป็นแป้ง ตัวตนของแป้งไม่ได้ชอบความ perfect แบบเป๊ะทุกจุด แต่เป็นคนที่เชื่อในความงามของ “ความพอดี” และ “ความไม่สมบูรณ์แบบที่มีเสน่ห์” ซึ่งสิ่งนี้สะท้อนกับแบรนด์ในเชิงสมดุลระหว่าง perfectionist ของแบรนด์ กับ imperfection ที่เป็นธรรมชาติของตัวเรา สุดท้ายแล้วทั้งสองสิ่งนี้ converge เข้าที่เดียวกัน — คือการมองเห็น “ความสวย” และ “กาลเทศะ” ที่ลงตัว

Q: โปรเจ็กต์ในอนาคต
P: ในอนาคต Vickteerut อยากขยับไปสู่การเชื่อมโยงแฟชั่นกับวิถีชีวิต (lifestyle) มากขึ้น อาจจะไม่ได้จำกัดอยู่แค่เสื้อผ้า ready-to-wear แต่รวมไปถึง collaboration กับงานออกแบบอื่นๆ เช่น อินทีเรีย อาร์ต หรือแม้แต่วัฒนธรรมท้องถิ่นไทยที่ตีความใหม่ในมุมที่ร่วมสมัย สิ่งเหล่านี้จะช่วยขยายจักรวาลของแบรนด์ให้กว้างขึ้น แต่ยังคงรักษา DNA ของความเรียบ เท่ และ sophisticated

ส่วนโปรเจ็กต์ส่วนตัว แป้งสนใจงานที่ได้ explore ความเป็นตัวเองในมิติใหม่ เช่น การทำ art project เล็กๆ การทำคอลเล็กชันพิเศษที่มีการทดลองกว่าเดิม หรือการทำงานร่วมกับศิลปินต่างวงการ เพราะเชื่อว่าการออกจาก comfort zone จะทำให้ทั้งตัวเราและ Vickteerut เติบโตไปอีกขั้น

Story & Styling: Wachirapanee Whisky Markdee
Photos: Manoo Manookulkit
Video: Jirapat Panichakul

Share

Aurapraphan “Pang” Sudhinaraset is well-known to many as the Creative Director of Vickteerut, a leading Thai fashion brand. Those who follow her Instagram account, pamelapowder_rei, might also be familiar with her globetrotting lifestyle. Today, QoQoon takes you to a tour of her home, a place that merges the worlds of fashion and travel she has experienced. These influences are expressed through the design details, furnishings, and a collection of objects within her home.

This house has no single style, but rather a unique blend inspired by her global travels and childhood dream of becoming an architect. A primary influence is her Catholic faith, which led her to create a space that feels calm and church-like, with curved archways inspired by the architect Friedensreich Hundertwasser.

The house is fittingly named the “Christmas House,” as it’s decorated for the holiday year-round due to her deep love for the season. It also displays her vast collection of crosses and other souvenirs from her travels, alongside her father’s collection of Thai antiques. The blend of these items from different faiths and cultures creates a harmonious and open atmosphere.

The heart of the home is a massive walk-in closet, a testament to her career in fashion. Here, she organizes her extensive collection of vintage and designer clothes, which serve as a source of inspiration for her work.
However, the space where she spends the most time is the kitchen. Lately, she has discovered a passion for baking, which she finds to be a meditative and calming activity after a long day of work. The kitchen connects to a versatile living area that was once a well, which she converted into a seating and recreation space.

Pang describes her home as a constant work in progress. While the main structure is complete, she continues to add small details and decorative touches, reflecting her creative and evolving spirit. Her home is a true reflection of her life, a place that genuinely “pleases the dweller.”

QoQoon Talks Fashion

Q: What is the significance of fashion to you?
P: Fashion is like love. There are times you’re completely into it, and times you’re totally bored and want to run away. But I owe it a debt of gratitude. It’s the reason I am where I am today. Fashion is both an energy and a driving force in my life. It allows me to enjoy being creative, to think, to challenge my mind, and to push my own limits. It has helped me connect with people, and at the same time, it has taught me patience and personal growth. Everything I am today is a result of the path that fashion has led me on.

Q: What is your inspiration and driving force in your work today?
P: If someone had asked me this question when I was 30, my answer would have been completely different. But as time goes by, my thoughts hasve changed. My inspiration now probably comes from “desire”—the desire to see something new, to create meaningful memories, and to see a diverse range of people looking beautiful in their clothes, rather than just having beautiful clothes that no one can actually wear.

Q: Do you think fashion and interior design are similar or different? How are they related?
P: I see fashion and interiors as very similar. They are both “languages” used to reflect a person’s identity, just in different forms. Fashion tells a story through clothing, the body, and movement, while interiors tell a story through the space we live in. Ultimately, it’s the same thing: an expression of who we are, through a design that others can see and feel.

Q: The signature of Vickteerut and the essence of “Pang.”
P: The signature of Vickteerut is a sharp minimalism that isn’t harsh—it’s simple lines that hide intricate details, craftsmanship, and an understated feminine feeling within. Vickteerut’s is not a “shouting” fashion; it whispers with power, making the wearer feel confident and calm at the same time.
In terms of my own essence, I don’t love perfection in every single detail. I am someone who believes in the beauty of “just right” and “charming imperfection.” This is reflected in the brand as a balance between the brand’s perfectionism and my own natural imperfection. Ultimately, these two things converge into the same place—the vision of a “beauty” and “appropriateness” that are perfectly in sync.

Q: Future projects?
P: In the future, Vickteerut wants to move toward connecting fashion with lifestyle more. It might not be limited to just ready-to-wear clothing but could also include collaborations with other design fields, such as interiors, art, or even reinterpreting local Thai culture in a contemporary way. These things will help expand the brand’s universe while still maintaining its DNA of being simple, cool, and sophisticated.

As for my personal projects, I’m interested in work that allows me to explore new dimensions of myself, such as creating small art projects, special experimental collections, or working with artists from different fields. I believe that stepping out of my comfort zone will help both me and Vickteerut grow to the next level.