Home

A Sacred Nature

การย้ายบ้านไม่เคยอยู่ในแพลนของคู่รักชาวเบลเยียมคู่นี้เลย แต่ก็นั่นแหละ สิ่งที่ดีที่สุดมักเกิดจากความบังเอิญอย่างที่ใครเขาว่ากัน หรือไม่ บางทีก็อาจจะเป็นของขวัญที่โชคชะตาประทานมาให้ก็เป็นได้ 

มุมมองภายในของการฟื้นฟูโบสถ์ด้วยหน้าต่างกระจกสี
มุมมองภายในของการฟื้นฟูโบสถ์ด้วยหน้าต่างกระจกสี

ซึ่งมันได้เกิดขึ้นกับ Els Lambrechts และ Ken Joris สามีของเธอ ขณะกำลังขับรถวินเทจของพวกเขาอยู่ในเขตเทศบาลเมือง Meer ใน Antwerp ทั้งคู่ได้สะดุดเข้ากับโรงกลั่นจูนิเปอร์ที่ติดกับโบสถ์โบราณและสวนสวยแสนอัศจรรย์ที่ปล่อยให้พืชพรรณเติบโตอย่างอิสระและเป็นเอกเทศน์ หกปีต่อมา ทั้งสองได้แปลงโฉมพื้นที่ใน Noorderkempen ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของแอนต์เวิร์ป ใกล้กับชายแดนเนเธอร์แลนด์แห่งนี้ ซึ่งเป็นพื้นที่ราบที่อุดมด้วยป่าไม้และทุ่งเกษตรกรรม ให้กลายเป็นโอเอซิสแสนสงบราวกับสวรรค์ …และนี่คือเรื่องราวของรักแรกพบ

โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกฟื้นฟู ได้รับการอนุรักษ์เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภายใต้การซ่อมแซมอย่างระมัดระวัง
โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกฟื้นฟู ได้รับการอนุรักษ์เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภายใต้การซ่อมแซมอย่างระมัดระวัง

ซึ่งมันได้เกิดขึ้นกับ Els Lambrechts และ Ken Joris สามีของเธอ ขณะกำลังขับรถวินเทจของพวกเขาอยู่ในเขตเทศบาลเมือง Meer ใน Antwerp ทั้งคู่ได้สะดุดเข้ากับโรงกลั่นจูนิเปอร์ที่ติดกับโบสถ์โบราณและสวนสวยแสนอัศจรรย์ที่ปล่อยให้พืชพรรณเติบโตอย่างอิสระและเป็นเอกเทศน์ หกปีต่อมา ทั้งสองได้แปลงโฉมพื้นที่ใน Noorderkempen ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของแอนต์เวิร์ป ใกล้กับชายแดนเนเธอร์แลนด์แห่งนี้ ซึ่งเป็นพื้นที่ราบที่อุดมด้วยป่าไม้และทุ่งเกษตรกรรม ให้กลายเป็นโอเอซิสแสนสงบราวกับสวรรค์ …และนี่คือเรื่องราวของรักแรกพบ

“เมื่อเรามาถึงที่นี่เป็นครั้งแรก จะเห็นได้ถึงสัญญาณแห่งกาลเวลา ผนังเต็มไปด้วยเชื้อรา ถึงขนาดที่มีเห็ดงอกออกมาจากผนังโบสถ์ เราช่วยชีวิตบ้านหลังนี้ไม่ให้ถูกลืมเลือน ฉันเป็นนักฝัน ซึ่งสำหรับตัวเองแล้ว เรื่องราวระหว่างการเดินทางนั้นสำคัญพอๆกับผลลัพธ์ ส่วนสามีของฉันนั้นตรงกันข้าม เขาเป็นพวกใจถึงและเป็นงานเป็นการ นี่เป็นส่วนผสมของความฝันกับความกล้า ความคิดและการลงมือทำ ซึ่งเป็นหัวใจในการแปลงโฉมบ้านหลังนี้ให้เป็นอย่างทุกวันนี้ ถ้าเพียงลำพังอย่างใดอย่างหนึ่ง เราคงทำมันไม่สำเร็จ”

พื้นที่ส่วนรับประทานอาหาร สามารถเชื่อมไปสู่สวนได้
พื้นที่ส่วนรับประทานอาหาร สามารถเชื่อมไปสู่สวนได้

เมื่อ Els Lambrechts คุณแม่ลูกสองชาวเบลเยียม ผู้เป็นทั้งช่างภาพและนักลงทุน และเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะอินฟลูเอนเซอร์และคอนเท้นต์ครีเอเตอร์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านอินทีเรีย และ Ken Joris สามีของเธอ สะดุดเข้ากับโรงกลั่นจูนิเปอร์ใกล้กับบ้านของพวกเขาในปี 2018 พวกเขาก็ตกหลุมรักกับสวนสวยแห่งนี้ทันที

“มันน่าหลงใหลและมีชีวิตชีวามาก ซึ่งหลังจากได้เห็นเป็นครั้งแรก เราก็ไม่สามารถลืมมันได้เลย” ลอมเบรชท์ กล่าว “ทุกวันนี้ฉันสามารถบอกได้เลยว่าฉันรักสวนนี้หัวปักหัวปำ มันเหมือนกับเทพนิยายของฉัน ฉันมักจะจัดปาร์ตี้กับเพื่อนบ่อยๆ ไม่ก็กินมื้อเที่ยงหรือของว่างกับครอบครัว ฉันมักจะอยู่ในสวนเสมอ ถ้าย้อนกลับไปในตอนนั้น สีเขียวขจีนี้เล่นงานเราอย่างจัง เราเลยกลับไปดูบ้านอีกครั้งและตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะลงทุนกับมัน”

พวกเขาพร้อมด้วยหลุยส์และมาร์เซลลูกชายวัย 15 และ 13 ปีตามลำดับ ตัดสินใจที่จะคืนชีวิตใหม่ให้กับบ้านและที่ดินผืนใหญ่ขนาด 70 เอเคอร์นี้ ซึ่งมันไม่ใช่งานง่าย แต่พวกเขาหลงใหลในไอเดียของการใช้ชีวิตในสวนสวรรค์แห่งนี้ พวกเขาเซ็นโฉนดในปี 2018 และเริ่มงานรีโนเวตในสองปีถัดมา และในปี 2021 โปรเจ็กต์ก็เสร็จสมบูรณ์
โซฟา "Togo" ของ Ligne Roset ในห้องนั่งเล่น
โซฟา "Togo" ของ Ligne Roset ในห้องนั่งเล่น

พวกเขาพร้อมด้วยหลุยส์และมาร์เซลลูกชายวัย 15 และ 13 ปีตามลำดับ ตัดสินใจที่จะคืนชีวิตใหม่ให้กับบ้านและที่ดินผืนใหญ่ขนาด 70 เอเคอร์นี้ ซึ่งมันไม่ใช่งานง่าย แต่พวกเขาหลงใหลในไอเดียของการใช้ชีวิตในสวนสวรรค์แห่งนี้ พวกเขาเซ็นโฉนดในปี 2018 และเริ่มงานรีโนเวตในสองปีถัดมา และในปี 2021 โปรเจ็กต์ก็เสร็จสมบูรณ์

Els กับลูกๆและสุนัขของเธอในห้องครัว การตกแต่งภายในเงียบสงบและไม่เป็นทางการมาก ครัวทำด้วยไม้ลาร์ช ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้เดียวกับต้นไม้ที่พบในสวน พื้นคอนกรีตทอดยาวออกไปยังเทอร์เรซ
Els กับลูกๆและสุนัขของเธอในห้องครัว การตกแต่งภายในเงียบสงบและไม่เป็นทางการมาก ครัวทำด้วยไม้ลาร์ช ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้เดียวกับต้นไม้ที่พบในสวน พื้นคอนกรีตทอดยาวออกไปยังเทอร์เรซ

“บ้านหลังนี้มีความปรารถนาเป็นของตนเอง มีประวัติศาสตร์ และบอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง มันทำให้คุณใช้ชีวิตเหมือนกับเป็นตัวละครเอกของเรื่องในบ้านหลังนี้” เจ้าของบ้านกล่าว

พวกเขาไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับคนสร้างบ้านแรกเริ่ม แต่สำหรับผู้อยู่อาศัยดั้งเดิมนั้น ทราบมาว่า ในปี 1853 Maximiliaan Van den Bergh นักอุตสากรรมจากแอนต์เวิร์ป ผู้เป็นลูกหลานตระกูลเจ้าของเรืออันมั่งคั่งซื้อฟาร์มของขุนนางขนาด 1,200 เฮกตาร์ ฟาน เดน เบิร์ก เป็นเจ้าของกิจการโรงกลั่นจูนิเปอร์ที่เจริญรุ่งเรืองในแถบ Eilandje (ตำบลหนึ่งในแอนต์เวิร์ป ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะเมืองท่าประวัติศาสตร์ และในเรื่องของการฟื้นฟูเมืองในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ด้วยการแปรสภาพจากย่านโกดังและท่าเรือมาสู่ย่านที่พักอาศัย ย่านการค้า และแหล่งวัฒนธรรม จนกลายเป็นย่านเทรนดี้ ที่อุดมไปด้วยร้านอาหาร บาร์ และแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยว)

โซฟาสีขาวในห้องนั่งเล่น ที่แยกจากส่วนอื่นของบ้านด้วยผ้าม่านลินินสีขาวผืนใหญ่ ช่วยพื้นที่ลื่นไหลเชื่อมต่อถึงกันอย่างอิสระ พื้นฐานสำคัญของความผ่อนคลายในห้องนั่งเล่นคือเตาแบบลอยตัว
โซฟาสีขาวในห้องนั่งเล่น ที่แยกจากส่วนอื่นของบ้านด้วยผ้าม่านลินินสีขาวผืนใหญ่ ช่วยพื้นที่ลื่นไหลเชื่อมต่อถึงกันอย่างอิสระ พื้นฐานสำคัญของความผ่อนคลายในห้องนั่งเล่นคือเตาแบบลอยตัว
เพดานสูงสร้างความรู้สึกเงียบสงบให้กับบ้าน
เพดานสูงสร้างความรู้สึกเงียบสงบให้กับบ้าน

ฟาน เดน เบิร์ก ย้ายกิจการไปยัง Hoogstraten เทศบาลในเขต Flanders ที่ขึ้นชื่อในเรื่องทุ่งเกษตรกรรมและทิวทัศน์ชนบท และเปลี่ยนมันให้กลายเป็นแหล่งกำไรทางเกษตรกรรมและศูนย์รวมเศรษฐกิจ ต้องขอบคุณความสำเร็จทางเศรษฐกิจนี้ ในปี 1863 ฟาน เดน เบิร์ก สร้างบ้านพักหรูหราสองหลังและอาคารอื่นๆรอบๆโรงกลั่น ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ปราสาท Maxburg ซึ่งตั้งชื่อตามเจ้าของ กลายเป็นไฮไล้ต์สำคัญของสถานที่หรูหราแห่งนี้ Constant Van den Bergh ญาติผู้สืบทอดได้เพิ่มเติมโบสถ์และคอกม้าที่อยู่ติดกันเข้าไป ในปี 1887 ในยุค ‘30s โบสถ์และคอกม้าได้ถูกขายต่อให้กับบาทหลวง Albert Naveau ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติและสถานอนุบาลขึ้นที่นี่ และยังจัดตั้งแคมป์ฤดูร้อนขึ้นด้วย บริเวณปีกขวายังใช้เป็นบ้านของ Rosa ผู้ช่วยของคุณพ่ออัลเบิร์ตอยู่เป็นเวลาหลายปี ในยุค ‘90s ตัวบ้านได้รับการรีโนเวตจากเจ้าของคนก่อนหน้านี้ และได้รับการดูแลอย่างถูกต้องเหมาะสมสม่ำเสมอ ปัจจุบันที่ดินได้ถูกแบ่งสรรและมีของเจ้าของหลายราย

“คุณจะรู้สึกได้ถึงความรุ่มรวยที่มีอยู่ทั่วบริเวณ” แลมเบร็ชท์กล่าว อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนภาพฝันให้กลายเป็นความจริงนั้นเป็นอะไรที่ไม่ง่าย และมันคงไม่ใช่การรีโนเวตธรรมดาๆ อย่างแน่นอน

หน้าต่างบานใหญ่ ผ้าม่านลินิน และเครื่องเรือนจำเป็น และโต๊ะกลางขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้ลาร์ช
หน้าต่างบานใหญ่ ผ้าม่านลินิน และเครื่องเรือนจำเป็น และโต๊ะกลางขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้ลาร์ช
รายละเอียดเล้กๆน้อยๆในงานตกแต่งภายในแบบมินิมัล
รายละเอียดเล้กๆน้อยๆในงานตกแต่งภายในแบบมินิมัล

“ระหว่างการรีโนเวต เราพบรอยกระสุนจากสงครามโลกครั้งที่สองบนผนังโบสถ์ และม้วนตั๋วเข้าชมพิพิธภัณฑ์ ทำให้ค้นพบว่าที่นี่เป็นที่หลบภัยชั่วคราวหลังสงคราม เจ้าของก่อนหน้านี้คือคู่สามีภรรยาสูงวัย ได้สร้างบ้านแบบคลาสสิกไว้ภายในผนังของโครงสร้างเดิม ซึ่งเต็มไปด้วยห้องและประตูมากมาย” แลมเบร็ชท์กล่าว “ไม่เหลือเค้าของคอกม้าเดิม และตัวโบสถ์ก็อยู่ในสภาพทรุดโทรม”

ทั้งคู่หันไปพึ่ง Vera Suls สถาปนิกแห่งสตูดิโอ Vanhecke and Suls ใน Antwerp ที่ก่อนหน้านี้ได้รีโนเวต ปราสาท Castle d’Ursel และ ศาลากลางเมือง Poperinge

“บ้านหลังนี้ต้องการผู้เชี่ยวชาญมานำทาง ถ้าไม่มีวีร่า เราคงจะจบงานนี้ไม่ได้”

เอลส์และเคนเริ่มงานรีโนเวตด้วยความเคารพในประวัติและสไตล์ดั้งเดิมของบ้าน ซึ่งถือว่าเป็นแลนด์มาร์คสำคัญทางประวัติศาสตร์ ทุกอย่างได้รับการอนุรักษ์อย่างดี ไม่ว่าจะเป็น Via Crucis หรือมรรคาศักดิ์สิทธิ์ พื้นหินอ่อน และแท่นบูชา วัสดุดั้งเดิมเองก็ถูกนำมาใช้ภายในตัวบ้านเพื่อสร้างความต่อเนื่องของพื้นที่

มุมมองภายในของการฟื้นฟูโบสถ์ด้วยหน้าต่างกระจกสี
มุมมองภายในของการฟื้นฟูโบสถ์ด้วยหน้าต่างกระจกสี

“บ้านหลังนี้ต้องการผู้เชี่ยวชาญมานำทาง ถ้าไม่มีวีร่า เราคงจะจบงานนี้ไม่ได้”

เอลส์และเคนเริ่มงานรีโนเวตด้วยความเคารพในประวัติและสไตล์ดั้งเดิมของบ้าน ซึ่งถือว่าเป็นแลนด์มาร์คสำคัญทางประวัติศาสตร์ ทุกอย่างได้รับการอนุรักษ์อย่างดี ไม่ว่าจะเป็น Via Crucis หรือมรรคาศักดิ์สิทธิ์ พื้นหินอ่อน และแท่นบูชา วัสดุดั้งเดิมเองก็ถูกนำมาใช้ภายในตัวบ้านเพื่อสร้างความต่อเนื่องของพื้นที่

แท่นบูชาและบันไดหินที่ถูกสร้างขึ้นอย่างประณีตในบ้านโบสถ์แห่งนี้ ในตอนแรกเริ่มของการรีโนเวตจำเป็นที่จะต้องได้รับการปรึกษาเรื่องแผนการรบริหารจัดการในรายละเอียดกับฝ่ายดูแลด้านมรดกทางวัฒนธรรม บริเวณศูนย์กลางที่เป็นโต๊ะชุมนุมของโบสถ์ถูกใช้ในโอกาสพิเศษของครอบครัว
แท่นบูชาและบันไดหินที่ถูกสร้างขึ้นอย่างประณีตในบ้านโบสถ์แห่งนี้ ในตอนแรกเริ่มของการรีโนเวตจำเป็นที่จะต้องได้รับการปรึกษาเรื่องแผนการรบริหารจัดการในรายละเอียดกับฝ่ายดูแลด้านมรดกทางวัฒนธรรม บริเวณศูนย์กลางที่เป็นโต๊ะชุมนุมของโบสถ์ถูกใช้ในโอกาสพิเศษของครอบครัว

Wild outside, relaxed inside

พื้นสีเทา ที่นั่งสีขาว และม่านลินินสีซีด คือเคล็ดลับของความเงียบสงบภายในที่ผสานไปกับธรรมชาติ
พื้นสีเทา ที่นั่งสีขาว และม่านลินินสีซีด คือเคล็ดลับของความเงียบสงบภายในที่ผสานไปกับธรรมชาติ

การตกแต่งภายในของบ้านจัดว่าเป็นสไตล์มินิมัล ให้บรรยากาศแห่งความเงียบสงบ ครัวทำด้วยไม้ลาร์ช ซึ่งเป็นไม้สายพันธุ์เดียวกับที่พบได้ในสวน พื้นคอนกรีตทอดขยายไปยังเทอเรซและเชื่อมต่อภายนอกกับภายในเข้าด้วยกัน ผ้าม่านลินินสีขาวใช้แบ่งพื้นที่ห้องนั่งเล่นและสร้างมุมพักผ่อนแสนสบาย พร้อมด้วย “Togo” โซฟาวินเทจของ Ligne Roset

“การนั่งอยู่บนอาร์มแชร์ ทำให้เราสามารถมองออกไปเห็นสวนโดยตรง ฉันต้องการรักษาความสัมพันธ์กับธรรมชาตินี้ไว้”

สำหรับเฟอร์นิเจอร์ เอลส์เลือกดีไซน์เรียบง่ายสไตล์โมเดิร์น มีของวินเทจกระจายตัวอยู่ทั่วไป เอลส์ดูแลในส่วนของความงาม ในขณะที่เคนรับผิดชอบเรื่องงานเทคนิค พวกเขาเชื่อใจกันแบบไร้ข้อกังขา และด้วยความที่ทั้งคู่ชื่นชอบในวัสดุบริสุทธิ์และออร์แกนิก ผลลัพธ์ที่ได้จึงออกมาน่าทึ่ง ในด้านความงาม การใช้วัสดุที่ไม่หลากหลายจนเกินไปช่วยรักษาความกลมกลืนและเบาสบาย งานดีไซน์ที่คัดสรรมาไม่กี่ชิ้น ซึ่งนอกจากให้ความมินิมัลแล้ว ยังให้ความรู้สึกผ่อนคลาย อย่างที่เจ้าของบ้านอธิบายไว้ว่า “ฉันชอบเวลาที่ไม่รู้ว่าชิ้นไหนมาจากที่ไหน ไม่รู้ว่าใครดีไซน์ บ้านหลังนี้สร้างความรู้สึกเพิกเฉยให้กับคุณ ซึ่งมันตรงกับปรัชญาในการออกแบบของฉัน” แลมเบร็ชท์เล่าต่อ “ฉันไม่ชอบคำว่า ‘ชิค’ ถ้าบางอย่างมัน ‘แวววาว’ เกินไป ฉันจะรู้สึกทันทีว่าต้อง ‘เอากระดาษทรายขัด’ มันหน่อยแล้วล่ะ” มันให้ความรู้สึกถึงความจริงที่ไม่มีวันสมบูรณ์แบบ ความสมบูรณ์แบบมันเหนื่อยและไม่มีอยู่จริง ซึ่งอาจจะตรงกันข้ามกับที่หลายๆคนคิด เพราะเราไม่ได้อาศัยอยู่ในพิพิธภัณฑ์หรือแกลเลอรี่ เหนือสิ่งอื่นใด มันยังต้องเป็นบ้านอยู่”

ห้องน้ำแบบมินิมัลขนาดใหญ่ ติดตั้งอ่างอาบน้ำหินและฝักบัวขนาดใหญ่
ห้องน้ำแบบมินิมัลขนาดใหญ่ ติดตั้งอ่างอาบน้ำหินและฝักบัวขนาดใหญ่

สำหรับเฟอร์นิเจอร์ เอลส์เลือกดีไซน์เรียบง่ายสไตล์โมเดิร์น มีของวินเทจกระจายตัวอยู่ทั่วไป เอลส์ดูแลในส่วนของความงาม ในขณะที่เคนรับผิดชอบเรื่องงานเทคนิค พวกเขาเชื่อใจกันแบบไร้ข้อกังขา และด้วยความที่ทั้งคู่ชื่นชอบในวัสดุบริสุทธิ์และออร์แกนิก ผลลัพธ์ที่ได้จึงออกมาน่าทึ่ง ในด้านความงาม การใช้วัสดุที่ไม่หลากหลายจนเกินไปช่วยรักษาความกลมกลืนและเบาสบาย งานดีไซน์ที่คัดสรรมาไม่กี่ชิ้น ซึ่งนอกจากให้ความมินิมัลแล้ว ยังให้ความรู้สึกผ่อนคลาย อย่างที่เจ้าของบ้านอธิบายไว้ว่า “ฉันชอบเวลาที่ไม่รู้ว่าชิ้นไหนมาจากที่ไหน ไม่รู้ว่าใครดีไซน์ บ้านหลังนี้สร้างความรู้สึกเพิกเฉยให้กับคุณ ซึ่งมันตรงกับปรัชญาในการออกแบบของฉัน” แลมเบร็ชท์เล่าต่อ “ฉันไม่ชอบคำว่า ‘ชิค’ ถ้าบางอย่างมัน ‘แวววาว’ เกินไป ฉันจะรู้สึกทันทีว่าต้อง ‘เอากระดาษทรายขัด’ มันหน่อยแล้วล่ะ” มันให้ความรู้สึกถึงความจริงที่ไม่มีวันสมบูรณ์แบบ ความสมบูรณ์แบบมันเหนื่อยและไม่มีอยู่จริง ซึ่งอาจจะตรงกันข้ามกับที่หลายๆคนคิด เพราะเราไม่ได้อาศัยอยู่ในพิพิธภัณฑ์หรือแกลเลอรี่ เหนือสิ่งอื่นใด มันยังต้องเป็นบ้านอยู่”

หนึ่งในห้องนอนเด็กซึ่งจงใจให้มีขนาดเล็ก ด้วยเหตุผลที่ว่า “ห้องยิ่งกว้างก็จะยิ่งมีแนวโน้มที่จะโยนเสื้อผ้าลงไปกองบนเก้าอี้” เจ้าของบ้านกล่าว
หนึ่งในห้องนอนเด็กซึ่งจงใจให้มีขนาดเล็ก ด้วยเหตุผลที่ว่า “ห้องยิ่งกว้างก็จะยิ่งมีแนวโน้มที่จะโยนเสื้อผ้าลงไปกองบนเก้าอี้” เจ้าของบ้านกล่าว

A home for all seasons

เมื่อมองลอดโค้งช่องหน้าต่างไม้ออกไปยังส่วนที่เคยเป็นคอกม้า จะพบกับเนินสวนที่ถือเป็นหัวใจของบ้าน “ในตอนที่เรามาถึงที่นี่ครั้งแรก สวนมันรกมากจนเราไม่สามารถเดินเท้าเปล่าในนั้นได้ ซึ่งถ้ามันขึ้นอยู่กับฉันคนเดียว ฉันคงจะไม่เปลี่ยนอะไรเลย แต่เรารู้แหละว่า การซ่อมบำรุงมันจำเป็น แต่ทีแรกนั้น ฉันคิดว่าเสน่ห์แบบขบถนี่ไม่สมควรที่จะถูกขัดเกลาเลยด้วยซ้ำ

อิฐสีแดงเด่นบริเวณทางเข้า ชวนให้นึกถึงคอร์ทยาร์ดแบบเมดิเตอเรเนียน
อิฐสีแดงเด่นบริเวณทางเข้า ชวนให้นึกถึงคอร์ทยาร์ดแบบเมดิเตอเรเนียน

สำหรับการออกแบบสวน เอลส์และเคนไม่ได้ปรึกษาภูมิสถาปนิก แต่ทำงานกับคนทำสวน Kris Van Looveren ผลลัพธ์คือส่วนผสมระหว่างทุ่งหญ้าและดอกไม้ที่เต็มไปด้วยพืชพรรณที่เติบโตราวกับผืนป่าบริสุทธิ์ สระน้ำคดเคี้ยวถูกเก็บไว้แต่จัดให้มีทางเดินสำหรับไปตกปลา มีฝักบัวกลางแแจ้งและอ่างจากุชชี่ท่ามกลางกลุ่มสนอายุร่วมศตวรรษ “ถือเป็นการประนีประนอมระหว่างสิ่งที่เราเป็นกับสิ่งที่สวนอยากให้เป็น” 

ฝูงนกมากมายได้พบกับ ‘บ้าน’ ของตัวเองภายในสวนขนาดใหญ่ของบ้านหลังนี้
ฝูงนกมากมายได้พบกับ ‘บ้าน’ ของตัวเองภายในสวนขนาดใหญ่ของบ้านหลังนี้
Els Lambrechts ในห้องนั่งเล่นกับ Louis และ Marcel ลูกชายทั้งสอง พร้อมด้วยสุนัขของพวกเขา
Els Lambrechts ในห้องนั่งเล่นกับ Louis และ Marcel ลูกชายทั้งสอง พร้อมด้วยสุนัขของพวกเขา

ทุกวันนี้ สวนคือธีมเอกสำหรับเอลส์และครอบครัว “ฉันแอบสงสัยอยู่บ่อยๆว่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านฤดูร้อนหรือฤดูหนาวกันแน่ ท้ายที่สุด ฉันก็ตัดสินใจให้มันเป็นบ้านสำหรับทุกฤดูกาล บ้านนี้มีชีวิตอยู่กับธรรมชาติเหมือนกับเราที่อาศัยอยู่ที่นี่ ชีวิตก่อนหน้านี้ฉันเป็นคนเมือง แต่เดี๋ยวนี้ฉันและลูกชายไม่สามารถแยกออกจากสวนได้เลย มันมีชีวิตอยู่กับเรา, ภายในตัวเรา เราผ่อนคลาย ปลดปล่อย และขาร์จพลังงานใหม่ในขณะเดียวกัน บ้านหลังนี้คือการนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงอย่างแรงกล้า บางครั้งฉันยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราจะตื่นขึ้นมาในที่แบบนี้ได้ทุกๆวัน”

มุมมองของบ้านจากสวนกับวิวแม่น้ำ
มุมมองของบ้านจากสวนกับวิวแม่น้ำ
Els Lambrechts ในห้องนั่งเล่นกับ Louis และ Marcel ลูกชายทั้งสอง พร้อมด้วยสุนัขของพวกเขา
Els Lambrechts ในห้องนั่งเล่นกับ Louis และ Marcel ลูกชายทั้งสอง พร้อมด้วยสุนัขของพวกเขา

Story: Benedetta Rossi Albini
Photos: Mr. Frank / Living Inside
Translate: Wachirapanee Markdee

Share

Changing homes wasn’t part of the plans for this Belgian couple, but as often happens, the best things happen by chance. Or maybe not, perhaps because one is ready to receive the gifts of destiny

So it happened to Els Lambrechts and her husband Ken Joris, who, during a ride with their vintage car in the municipality of Meer in the province of Antwerp, stumbled upon an old juniper distillery with an attached ancient chapel and an extraordinary garden, freely wild, grown in autonomy and beauty. Six years later, the two have transformed this area of Noorderkempen – a region located in the northern part of the Belgian province of Antwerp, near the border with the Netherlands and characterized by flat lands, woods, and agricultural fields – into a heavenly oasis of peace. This is the story of love at first sight.

“When we arrived here for the first time, you could really see the signs of time. The walls were full of mold, and mushrooms had even grown on the walls of the chapel. We saved the house from oblivion. I am a dreamer. For me, the journey is as important as the final result. My husband, on the other hand, is the daring one, practical. This blend of dreams and courage, of thought and action, was essential to transform this house into what it is today. Alone, we couldn’t have done it.”

When Els Lambrechts, a Belgian photographer and entrepreneur, mother of two sons, “creative tout court,” as well as an influencer and content creator specializing in interiors, and her husband Ken Joris stumbled upon an old juniper distillery near their home in 2018, they were immediately fascinated by the garden.

“So overwhelming, alive, that after the first visit, we couldn’t forget it,” Lambrechts says. “Today I can really say that I immensely love this garden, it’s my fairy tale. I often organize parties for friends or even just lunches and snacks for the family. I would always be in the garden. But going back to the past: in short, this greenery struck me, struck us, indeed. And so we went back to see the house, determined to make this investment.”

Together with their sons Louis (15) and Marcel (13), they decided to give new life to the immense estate of 70 acres and to restore the house. Not an easy task, but the idea of living in that paradise fascinated them. In 2018 they signed the deed, and two years later the renovation began: in 2021 the project was completed.

“This house has a will of its own. Its history is here, the house tells it itself, indeed it makes you live this story as if you were a protagonist,” says the homeowner.

On the original builder of the house, the couple didn’t find much. But on the original inhabitants, yes. In 1853, Maximiliaan Van den Bergh, an industrialist from Antwerp and descendant of a wealthy shipowner family, bought a ducal farm with 1200 hectares of land. Van den Bergh owned a thriving juniper distillery in the Eilandje neighborhood (a district of Antwerp known for its historic port and for having been the subject of urban regeneration in recent decades, with the transformation of old warehouses and port areas into residential, commercial, and cultural spaces. It has become today a trendy area, with restaurants, bars, and tourist attractions).

Van den Bergh transferred the business to Hoogstraten, a municipality located in the Flanders region, famous for its agricultural fields and rural landscapes, and transformed it into a profitable agricultural and economic complex. Thanks to the economic success, in 1863 Van den Bergh built a couple of luxurious residences and buildings around the distillery on the land. The late 19th-century Maxburg castle, named after the owner, was the “highlight” of these luxurious places. His successor and cousin Constant Van den Bergh added the chapel and adjacent stables in 1887. In the ’30s, the chapel and stables were sold to Father Albert Naveau, who founded a natural history museum and a nursery here, and organized summer camps. The right wing also housed his assistant Rosa for several years. In the ’90s, the house was renovated by the previous owners, albeit with little sense of authenticity. Today the estate is fragmented and belongs to different owners.

“You feel the rich history of the surroundings everywhere,” says Lambrechts. Turning that dream into reality, however, was something different: this was by no means an ordinary renovation.

“During the renovation, we found bullet holes from World War II in the chapel wall. And a roll of entrance tickets from the Natural History Museum, which found temporary refuge here after the war. The previous owners of this house, an elderly couple who had lived here lovingly for years, had created a classic home within the walls of the original structure, with many rooms and even more doors,” explains Lambrechts. “Of the original stables, practically nothing remained, and the chapel was in poor condition.”

The couple turned to architect Vera Suls of the Vanhecke and Suls architecture studio in Antwerp. A studio that had previously renovated the Castle d’Ursel and the town hall of Poperinge.

“This house asked to be ‘guided’ by an expert hand. Without Vera, we couldn’t have completed this work.”

Els and Ken thus began a renovation respecting the history and style of the house. In the chapel, which is a historic landmark, everything has been preserved, including the Via Crucis, the marble floor, and the altar. The existing materials were also “brought” inside the house to give a sense of continuity.

Wild outside, relaxed inside

The interior of the house is characterized by a minimal climate, which infuses great serenity. The kitchen is made of larch wood, a species of tree that is also found in the garden. The concrete floor extends to the terrace and connects the interior with the exterior. White linen curtains divide the living room and create cozy corners. The vintage sofas are Ligne Roset’s “Togo.”

“Sitting on the armchair, we can look directly into the garden. We wanted to maintain this connection with nature.”

For the furnishings, Els chose modern, simple design, interspersed with vintage pieces. Els took care of the “aesthetic” part while Ken took care of the technical part. They trusted each other blindly, and since they both love pure and organic materials, the result is remarkable. In terms of aesthetic yield, the fact of having used a limited number of materials has helped to maintain a sense of conformity and lightness. Few selected design pieces, but rather a minimal, décontracté mood, as the homeowner explains: “I like it when you don’t blatantly know where a piece comes from, when you don’t really know who designed it. This house imposes a certain nonchalance on you, a concept that fits well with my design philosophy,” Lambrechts continues. “I have a dislike for the word ‘chic.’ If something “shines,” I immediately feel the impulse to “sand it down.” The sense it must give you is of truth, it can’t be too perfect. Perfection tires, it doesn’t exist. Contrary to what many think, we don’t live in a museum or a gallery. Above all, it must remain a home!”

A home for all seasons

Through the arched windows of curved wood – a tribute to the original stables – the gaze falls on the beautiful hilly garden. Here is the true heart of the house. “When we arrived here for the first time, the garden was so wild that we couldn’t walk barefoot in it. If it were up to me, we wouldn’t have changed anything, but of course, we knew maintenance was needed. But at first, I admit, the temptation was not to tame this ‘rebellious character.”

For the design of the garden, Els and Ken did not consult a landscape architect but worked with gardener Kris Van Looveren. The result was a mix of “well-behaved” meadows and flower beds where the vegetation is wild, as if you were in an uncontaminated forest. The winding pond was kept but equipped with a walkway for fishing. Among the centuries-old pines, there are now also an outdoor shower and a modern jacuzzi. “It was a compromise between who we are and what the garden wants to be.”

Today the garden is a leitmotif for Els and her family. “I often wondered if this was a more summer or winter home, and in the end, I decided that this is a home for all seasons. The house literally lives with nature. And so do we, since we’ve lived here. In my “previous life,” I was a city dweller, today my sons and I can’t tear ourselves away from the garden. It lives with us, in us. We relax, unload, and recharge at the same time. The house is a radical invitation to change. Sometimes I still can’t believe we can wake up here every day.”