Samui We Love

“Not The White Lotus Issue” -จริงๆ แล้ว เราแอบอยากจะตั้งชื่อ QoQoon ฉบับนี้ว่าอย่างนั้น เพราะถึงแม้ว่าครอบครัว Ratliff และใครๆ จะเช็คเอ้าท์ออกจาก The White Lotus Thailand กันหมดแล้ว แต่ดูเหมือนว่ากระแส The White Lotus Effect จะไม่จางหายไปง่ายๆ โดยเฉพาะในเมืองไทยอันเป็นที่เกิดเหตุของซีรีส์ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ สินค้า หรืออะไรก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรงแรมบัวขาว ล้วนแล้วแต่ได้รับการโปรโมทอย่างหนักหน่วง และได้รับผลพลอยได้ในเรื่องของการตลาดกันถ้วนหน้า ตั้งแต่เสื้อผ้าเครื่องประดับที่ตัวละครสวมใส่ไปจนถึงน้ำยาล้างเท้ากันเลยทีเดียว ส่วนเรื่องสถานที่นั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ได้รับผลประโยชน์จากซีรีส์ดังของ Mike White เรื่องนี้กันไปแบบเต็มๆ ใครๆ ก็อยากที่จะมาตามรอยและสัมผัสกับบรรยากาศแบบในซีรีส์ดังกันทั้งนั้น ตั้งแต่โรงแรมที่ใช้เป็นฉากของโรงแรมบัวขาว โชว์งูที่เชลซีโดนงูกัด วัดที่ไพเพอร์ไปพบหลวงพ่อสุทธิชัย หยุ่น ไปจนถึงร้านชำข้างถนนในฉากเปิดตัวน้องมุก เกาะสมุยที่ใช้เป็นโลเคชั่นหลักของเรื่องจึงกลายเป็นหมุดหมายสำคัญในการท่องเที่ยวของทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งก็นับเป็นผลดีกับเศรษฐกิจโดยรวมของบ้านเรา

ขณะที่ซีรีส์ดำเนินเรื่องไปอย่างเข้มข้น ผมเองก็อยู่ที่สมุยพอดี ไปทางไหนก็เห็นแต่ป้าย The White Lotus โรงแรม ร้านอาหาร และสปา หลายแห่งจัดธีมและโปรโมชั่นแพคเพจ The White Lotus กันถ้วนทั่วแบบไม่มีใครน้อยหน้ากัน นอกจากนี้ยังมีเหล่ายูทูบเบอร์ คอนเทนต์ครีเอเตอร์ต่างๆ หลั่งไหลกันเข้ามาผลิตคอนเทนต์ตามรอยซีรีส์กันไม่น้อย QoQoon เองก็มีโอกาสมาทำคอนเทนต์ที่เกาะสมุยเช่นกัน แต่เราไม่ได้จะมาตามรอยซีรีส์อย่างใครๆ (ถึงแม้ว่าจะมีบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับซีรีส์ก็ตาม) ไอเดียเรื่องการทำเนื้อหาเกี่ยวกับเกาะสมุยของโคคูนนี้ถูกวางแผนไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ก่อนที่ซีรีส์จะออนแอร์เสียด้วยซ้ำ

ขอเล่าย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นเหมือนฉากแฟลชแบ็คในหนังแล้วกัน -ผมรู้จักคุณมทินา สุขะหุต หรือน้องแอ้ หนึ่งในสามสาวผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Sretsis เป็นการส่วนตัวมานาน แม้จะไม่ได้สนิทสนมกันมาก แต่เราก็เจอหน้าค่าตากันบ่อยๆ เราเป็นเพื่อนร่วมวงการที่ต้องติดต่อไปมาหาสู่กันในฐานะสื่อและแบรนด์ที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน จนวันหนึ่งเมื่อหลายเดือนก่อน ผมทราบว่าน้องแอ้มีบ้านอยู่ที่สมุย ผมจึงพูดทีเล่นว่าถ้าไปเที่ยวสมุยคราวหน้าขอพักที่บ้านน้องแอ้นะ แต่แอ้ตอบกลับแบบทีจริงว่า “พี่วิสกี้มาได้นะคะ แอ้ทำบ้านไว้ให้อาร์ติสต์มาพักเพื่อสร้างสรรค์งานศิลปะ พี่ก็ถือว่าเป็นอาร์ติสต์คนหนึ่ง มาพัก มาทำงานที่นี่ได้ค่ะ” แอ้เรียกบ้านหลังที่ว่านี้ว่า “บ้านคุณปู่” (grandfather_house_samui) เป็นบ้านเก่าที่เธอนำมารีโนเวทใหม่จนกลายเป็น Artist in Residence ไว้ให้ศิลปินมาพักและหาแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานบนเกาะสมุย ด้วยเหตุนี้ผมจึงได้ไอเดียในการที่จะสร้างสรรค์คอนเทนต์ประจำซัมเมอร์นี้ว่าด้วยเรื่องราวของเกาะสมุยในแง่มุมต่างๆ ผ่านการใช้ชีวิตที่นี่เป็นเวลาสองสัปดาห์ เพื่อออกไปค้นหาเสน่ห์ความเป็นสมุยในแบบที่อาจจะไม่ได้เห็นในซีรีส์ดัง

ผมแพคกระเป๋าบินจากกรุงเทพฯ มาใช้ชีวิตคนเดียวในบ้านที่ค่อนข้างห่างไกลจากนักท่องเที่ยว มีเพียงมอเตอร์ไซค์ 1 คันเป็นยานพาหนะหลักในการใช้ชีวิตที่นี่ ทริปนี้ไม่ได้มีการวางแผนอะไรมากมาย เป็นการเดินทางและท่องเที่ยวแบบ Eat Pray Love ของ Elizabeth Gilbert แต่ละวันผมซิ่งมอเตอร์ไซค์ออกไปสำรวจ ค้นหา และตามหา สิ่งที่คิดว่าน่าสนใจและจุดประกายไฟให้กับตัวเองเพื่อที่จะสร้างสรรค์เนื้อหาสำหรับโคคูนส่งผ่านแรงบันดาลใจมาให้กับคนอ่าน ไม่มีการตั้งเป้าล่วงหน้า ใช้สัญชาตญาณและแรงบันดาลใจจากสมุยโดยมีการมาลองใช้ชีวิตในบ้านคุณปู่หลังนี้เป็นจุดเริ่มต้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณจะได้เห็นได้อ่านตลอดเดือนนี้จึงเกิดขึ้นในช่วงเวลา 14 วันบนเกาะสมุยแบบออร์แกนิกจริงๆ

ส่วนตัวแล้วผมไม่ได้มีความทรงจำหรือภาพจำเกี่ยวกับสมุยที่ชัดเจนนัก ครั้งสุดท้ายที่มาเยือนเกาะนี้ก็น่าจะเกินสิบปีเข้าไปแล้ว ก่อนหน้านั้นทุกครั้งก็คือมาเพื่อท่องเที่ยวหรือทำงานเท่านั้น การมาลองใช้ชีวิตที่นี่จึงหรือเป็นเรื่องที่เปิดประสบการณ์และเปิดโลกใบใหม่ให้กับตัวเองเป็นอย่างมาก เป็นการออกจากเซฟโซนประมาณหนึ่ง ซึ่งนอกจากการได้ใช้ชีวิตในต่างถิ่นคนเดียว ได้เที่ยว ได้ลองกินอาหารแปลกๆ แล้ว ยังได้พบปะพูดคุยกับผู้คนมากหน้าหลายตา ทั้งคนในท้องถิ่นและคนจากกรุงเทพฯ ไปจนถึงจากอีกซีกโลกที่ต่างมีความผูกพันกับสมุยในต่างรูปแบบ ทำให้ผมกล้าที่จะเอ่ยปากถามและขอความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้ามากขึ้น เกิดเป็นมิตรภาพใหม่ๆ ในขณะเดียวกันก็ได้กลับมาติดต่อสื่อสารกับเพื่อนฝูงคนรู้จักหลายคนเพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับสมุย หลายคนอาจจะห่างเหินกันไปบ้างตามกาลเวลา แต่การได้กลับมาเจอมาพูดคุยกันอีกครั้งก็เหมือนได้รื้อฟื้นและกระชับความสัมพันธ์ของกันและกัน ทุกคนที่ได้เจอบนเกาะสมุยล้วนแล้วแค่เป็นคนน่ารักกันทั้งนั้น ขอขอบคุณทุกคนตรงนี้ ซึ่งถ้าจะให้เอ่ยชื่อก็คงต้องเขียนรายชื่อยาวไปอีกหนึ่งหน้ากระดาษ ถ้าเป็นสปีชก็คงยาวไม่แพ้สปีชของเอเดรียน โบรดี้ ที่งานออสการ์ปีล่าสุด ยังไม่นับอีกหลายคนที่คุยกันทางโทรศัพท์แบบไม่ได้เจอตัว

14 วันที่ใช้ชีวิตบนเกาะสมุย ดูเหมือนจะยังไม่เพียงพอสำหรับการนำเสนอเรื่องราวและแง่มุมที่งดงามของเกาะแห่งนี้ เพราะสมุยยังมีอะไรดีๆ มากมายกว่าที่เห็นใน The White Lotus ที่รอให้เราค้นพบ

แล้วเราจะกลับมาใหม่

Wachirapanee Whisky Markdee
Editor In Chief

Share