Low Tide Of The Night

Editor's Letter

Low Tide Of The Night

ขณะที่ผมกำลังนั่งเขียนต้นฉบับบทบรรณาธิการอยู่นี้ คงเป็นเวลาที่ใครหลายคนอาจจะเข้านอนแล้ว แต่ในกรุงเทพฯ และมหานครใหญ่ทั่วโลก น่าจะยังมีคนอีกหลายล้านที่ยังหลับตาไม่ลง บางคนก็อาจจะยังกลับไม่ถึงบ้านเสียด้วยซ้ำ

ในความง่วงเหงาของยามค่ำคืนที่หลายชีวิตเหนื่อยล้าและอยากทิ้งตัวลงบนฟูกนุ่มๆ มีคนไม่หลับไม่นอนอยู่สองประเภท หนึ่งคือคนที่อยากหลับแต่หลับไม่ได้ เพราะความจำเป็นหรือยังมีภาระและความรับผิดชอบที่ต้องจัดการ กับอีกพวกที่กลางคืนคือช่วงเวลาอันรื่นรมย์ของพวกเขา (เราไม่พูดถึงคนที่นอนไม่หลับเพราะปัญหาสุขภาพในที่นี้ และถ้าคุณเป็นคนกลุ่มนี้ ผมแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อหาทางรักษาดีกว่าครับ) บางคนอาจจะเคยอยู่ในทั้งสองกลุ่ม หรืออาจจะอยู่ในวงเล็บด้วยก็เป็นได้ ส่วนตัวผมเองนั้นวันนี้ก็คงจัดอยู่ในกลุ่มแรก เพราะต้องนั่งเขียนบทบรรณาธิการเพ้อๆดึกๆดื่นๆ แต่ในวันว่างผมคือคนในกลุ่มที่สอง ที่ไม่ยอมหลับยอมนอนเพราะหวงแหนชีวิตกลางคืนของตัวเอง เพราะเป็นช่วงเวลาที่จะได้อยู่นิ่งๆ และใช้เวลาไปกับตัวเอง ป้อนความสุขเล็กๆน้อยๆที่ขาดหายไปในระหว่างวันให้กับตัวเองในเวลาที่คนส่วนใหญ่เขาหลับไปแล้ว

อย่างวันนี้ผมเลือกหยิบเพลงของวง Everything But The Girl มาฟัง และแน่นอนว่าคงไม่มีอัลบั้มไหนที่จะป้อนจิตวิญญาณของคนโสดในเมืองใหญ่กลางคืนเหงาได้ดีไปกว่า อัลบั้มชุด Temparamental ที่ออกมาตั้งแต่ปี 1999 ซึ่งถึงแม้ว่าวงดูโออังกฤษคู่นี้จะออกผลงานชุดใหม่มาเมื่อปีที่แล้ว แต่ผมก็ยังชอบที่จะหยิบ Temperamental มาฟังมากกว่าอยู่ดี ราวกับว่าชีวิตผมสิ้นสุดลงตั้งแต่เมื่อปี 1999 -Temperamental ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าคือความไม่แน่นอนของอารมณ์ ทั้งซาวด์ดนตรี เนื้อเพลง และเสียงร้องของ Tracey Thron นั้นหม่นทึม เหงา แต่งดงาม ไม่ว่าจะเป็นภาพของคนเหงาที่เดินอยู่ท่ามกลางท้องถนนซึ่งเต็มไปด้วยแสงไฟและผู้คนมากมายในยามค่ำคืน หรือคนเหงาที่นั่งหงอยอยู่บ้านนั่งมองโทรศัพท์ จ้องฝ้าเพดาน ประตูหน้าต่างอย่างกับว่ามันคือคู่สนทนา มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกและยากที่จะอธิบายเป็นคำพูดได้ เหงานะ…แต่ก็แอบอบอุ่น เป็นความงดงามเศร้าหงอยที่ปลอมประโลมใจหยาบๆ ในความมืดและเงียบสงบ…อืมม ฟังดูแล้วเหมือนอาการแรกเริ่มของโรคซึมเศร้า แต่ยังครับ ผมยังไม่เป็นโรคซึมเศร้า คิดว่าแค่เป็นมาโซคิสต์เล็กๆ

ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง ภายใต้แสงไฟจากตึกระฟ้าที่ทิ่มแทงขึ้นไปบนฟ้ามืด ผมว่าต้องมีอีกหลายคนในมหานครใหญ่ทั่วโลกที่อยู่ในโหมดเดียวกัน ก็เหมือนโทรศัพท์ที่ชิฟต์เข้าสู่ Night Mode คนเราที่เส้นประสาทและสมองซับซ้อนไม่แพ้แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ก็ต้องมีหลายโหมดเหมือนกัน อย่ากระนั้นเลย สมาคมคนไม่นอนกลางคืนอย่างเราอย่าปล่อยใจให้ดิ่งไปกับความดำมืดมากกว่านี้ กลางคืนมีความสวยงามและเรื่องราวสนุกสนานมากมายให้เราได้เสพย์สม ไม่ผิดที่จะออกไปหาความสุขในยามค่ำคืนนอกบ้านถ้ามันไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ผมเองในวัยหนึ่งก็เคยออกเที่ยวกลางคืนทุกวัน สนุกไปกับแสงสีและเสียงอึกทึกในผับบาร์ จนเมื่อวันหนึ่งกลับรู้สึกว่าในบางอารมณ์เราก็อยากอยู่ภายใต้แสงไฟสลัวๆ ดื่มด่ำกับเครื่องดื่มแก้วโปรดพอให้ผ่อนคลาย มีเสียงเพลงจากศิลปินคนโปรดเป็นซาวด์แทร็กชีวิต (ซึ่งแน่นอนว่าเพลงนั้นไม่เกินปี 1999 -My life ended in 1999, literally)

Volume ล่าสุดของ QoQoon เดือนนี้ เอาใจคนนอนดึกเป็นพิเศษ ซึ่งเมื่อแรกเริ่มที่จะทำเรื่องราวของการใช้ชีวิตยามค่ำคืนนี้ก็แอบกังวลใจเล็กๆว่าใครจะหาว่าเราทำเรื่องมอมเมาหรือเปล่านะ แต่ไม่ต้องห่วง เราไม่สนับสนุนให้ใครทำผิดศีลธรรมอันดีที่เป็นบรรทัดฐานของสังคมแน่ๆ แค่นำเสนอมุมมองของการสรรหาความรื่นรมย์ให้กับชีวิตในยามค่ำคืน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแสงไฟสวยๆ การตกแต่งสถานบันเทิงที่โดดเด่นด้วยงานดีไซน์ ไปจนถึงเครื่องดื่มที่เอาแค่พอกึ่มๆ นัวร์ๆ เหมือนดูหนังฟิล์มนัวร์ชั้นดีสักเรื่องแค่ให้พอหลับสบาย ไม่ใช่ดื่มจนเมาแล้วไปอาละวาดด่านตรวจจนเป็นข่าว

ถ้าคุณยังนอนไม่หลับหรือไม่อยากนอนก็ลองหาความงามของค่ำคืนนี้ให้เจอ ให้ความงามมาแทนความเหงา ใช้ช่วงเวลากลางคืนอย่างคุ้มค่าและมีความสุข แล้วอย่าลืมหาเวลาพักผ่อนให้พอ
แต่สำหรับคืนนี้ ปล่อยใจฝันกันไปก่อน

Wachirapanee Whisky Markdee
Editor In Chief

Share