Design

PLAY+LEARN
Design For Kids’ Community

ต่างรูปแบบ หลายบทบาท หลายประสบการณ์ของผู้สร้าง “พื้นที่เล่นและเรียนรู้” สำหรับเด็กๆ ที่มิได้จำกัดหมายความเพียงพื้นที่ทางกายภาพเท่านั้น หากสำคัญยิ่งกว่า คือ พื้นที่แห่งพัฒนาการที่กว้างไกล พร้อมด้วยความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการในทุกมิติ

Facebook Page: พากันเล่น

จากจุดเริ่มต้น เพียงคำเดียว คือ คำว่า “เล่น”

ห้วงเวลาและบรรยากาศแห่งการเรียนรู้แบบพากันเล่น ท่ามกลางธรรมชาติโอบล้อม ในกิจกรรมนิทาน อ่าน เล่น กับครูชีวัน วิสาสะ มีเรื่องราว มีเรื่องเล่า และหลากหลายกิจกรรม ที่มาพร้อมด้วยพื้นที่แห่งจินตนาการในความคิดสร้างสรรค์อันไร้ขีดจำกัดของเด็กๆ ที่จะต่อยอดเติบโตได้ดีด้วยการเล่นและเรียนรู้ในวัยเยาว์
ห้วงเวลาและบรรยากาศแห่งการเรียนรู้แบบพากันเล่น ท่ามกลางธรรมชาติโอบล้อม ในกิจกรรมนิทาน อ่าน เล่น กับครูชีวัน วิสาสะ มีเรื่องราว มีเรื่องเล่า และหลากหลายกิจกรรม ที่มาพร้อมด้วยพื้นที่แห่งจินตนาการในความคิดสร้างสรรค์อันไร้ขีดจำกัดของเด็กๆ ที่จะต่อยอดเติบโตได้ดีด้วยการเล่นและเรียนรู้ในวัยเยาว์
ห้วงเวลาและบรรยากาศแห่งการเรียนรู้แบบพากันเล่น ท่ามกลางธรรมชาติโอบล้อม ในกิจกรรมนิทาน อ่าน เล่น กับครูชีวัน วิสาสะ มีเรื่องราว มีเรื่องเล่า และหลากหลายกิจกรรม ที่มาพร้อมด้วยพื้นที่แห่งจินตนาการในความคิดสร้างสรรค์อันไร้ขีดจำกัดของเด็กๆ ที่จะต่อยอดเติบโตได้ดีด้วยการเล่นและเรียนรู้ในวัยเยาว์
ห้วงเวลาและบรรยากาศแห่งการเรียนรู้แบบพากันเล่น ท่ามกลางธรรมชาติโอบล้อม ในกิจกรรมนิทาน อ่าน เล่น กับครูชีวัน วิสาสะ มีเรื่องราว มีเรื่องเล่า และหลากหลายกิจกรรม ที่มาพร้อมด้วยพื้นที่แห่งจินตนาการในความคิดสร้างสรรค์อันไร้ขีดจำกัดของเด็กๆ ที่จะต่อยอดเติบโตได้ดีด้วยการเล่นและเรียนรู้ในวัยเยาว์

ใครเลยจะรู้ว่า จากการนึกคิดหากิจกรรมให้สมาชิกตัวจิ๋วในครอบครัว จะต่อยอด เติบโตสู่กลุ่มก้อนความสนุก จนกลายมาเป็นชุมชนแห่งการเล่นอย่างสร้างสรรค์ ที่กลุ่มพ่อแม่ผู้ปกครองซึ่งมีจริตจิตใจพ้องกัน มองเห็นกิจกรรมในเวลาว่างของลูกๆ เป็นการเสริมสร้างห้วงวัยสำคัญผ่านการทดลอง เรียนรู้ ที่ไม่เพียงแต่เด็กๆ จะได้สนุกสนานมาพร้อมพัฒนาการกันอย่างสมวัยเท่านั้น หากในเวลาเดียวกัน ผู้ใหญ่เองก็ได้พัฒนาความสุขกับเวลาคุณภาพที่ได้ใช้เวลาร่วมกันกับอีกหลายครอบครัว พร้อมทั้งขยับขยายแวดวงมิตรภาพไปด้วยในตัว และที่สำคัญคือ ความสุข ความสนุกสนานที่จำเป็นเสมอ ดังที่แม่ๆ และพ่อๆ ทีมแอดมินเพจ “พากันเล่น”ย้ำว่า แต่ละกิจกรรมสนุกตั้งแต่คิด และทุกครั้งที่คิดกิจกรรม พ่อแม่ต้องสนุกก่อน ไม่เช่นนั้น ไม่ทำ! ใจความสำคัญนี้ คงเป็นเครื่องการันตีได้ดีไม่น้อยถึงกิจกรรมวันสนุกของเด็กๆ สไตล์เพจพากันเล่นที่จัดเสิร์ฟกันแบบเต็มคุณภาพและความเพลิน

ขึ้นต้นด้วยพา “กาญจน์” (ลูกเรา) เล่น ขยายสู่การชวนกันเพลินเป็นหมู่คณะ เล่นด้วยกัน เรียนรู้ไปด้วยกัน

“เฟซบุคเพจ ‘พากันเล่น’ เริ่มต้นจากการรวมตัวของกลุ่มผู้ปกครองที่อยากทำกิจกรรมกับลูกๆ ค่ะ ชื่อ ‘พากันเล่น’ จริงๆ แล้วเพี้ยนมาจากคำว่า “พากาญจน์ไปเล่น” (น้องกาญจน์คือชื่อลูกของแม่อัจและพ่อหนุ่ย) ตอนแรกๆ ก็ทำกิจกรรมกันเองเล็กๆ ในกลุ่มเพื่อนผู้ปกครอง แล้วจึงพัฒนามาเป็นเพจและกิจกรรมที่เปิดกว้างให้ครอบครัวอื่นๆ เข้าร่วมด้วย จากเพจเดิมที่เป็นโครงการหนังสือดี ปรับเปลี่ยนมาเน้นกิจกรรมสร้างสรรค์สำหรับเด็กโดยตรง” แม่อัจ อัจฉรา กาญนาภรณ์ หนึ่งในทีมแอดมินเล่าให้ฟังถึงที่มาของเพจ

แม่อัจ พ่อหนุ่ย และน้องกาญจน์
แม่อัจ พ่อหนุ่ย และน้องกาญจน์
แม่แครอท พ่อป้อม และน้องอลิน
แม่แครอท พ่อป้อม และน้องอลิน

“เฟซบุคเพจ ‘พากันเล่น’ เริ่มต้นจากการรวมตัวของกลุ่มผู้ปกครองที่อยากทำกิจกรรมกับลูกๆ ค่ะ ชื่อ ‘พากันเล่น’ จริงๆ แล้วเพี้ยนมาจากคำว่า “พากาญจน์ไปเล่น” (น้องกาญจน์คือชื่อลูกของแม่อัจและพ่อหนุ่ย) ตอนแรกๆ ก็ทำกิจกรรมกันเองเล็กๆ ในกลุ่มเพื่อนผู้ปกครอง แล้วจึงพัฒนามาเป็นเพจและกิจกรรมที่เปิดกว้างให้ครอบครัวอื่นๆ เข้าร่วมด้วย จากเพจเดิมที่เป็นโครงการหนังสือดี ปรับเปลี่ยนมาเน้นกิจกรรมสร้างสรรค์สำหรับเด็กโดยตรง” แม่อัจ อัจฉรา กาญนาภรณ์ หนึ่งในทีมแอดมินเล่าให้ฟังถึงที่มาของเพจ

จากครอบครัวแรกของน้องกาญจน์ ที่มีแม่อัจและพ่อหนุ่ยเป็นหัวขบวน ขยายวงไปชวนครอบครัวน้องอลิน ที่มีความสนใจคล้ายกัน ทั้งแม่แครอท ซึ่งเป็นฟรีแลนซ์ ทำงานแนวแฮนด์เมด และพ่อป้อม ผู้มีอาชีพเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ ที่ได้แทคทีมร่วมกับแม่อัจและพ่อหนุ่ย ครอบครัวน้องกาญจน์ จนต่อมากลายเป็นตัวยืนในการคิดและสร้างสรรค์กิจกรรมการ “เล่น” ของเพจพากันเล่น สำหรับเด็กๆ และครอบครัวที่สนใจกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านการเล่นและประสบการณ์ตรง ในปัจจุบัน เพจพากันเล่น มีอายุได้ 1 ปีหมาดๆ โดยมีทีมแอดมิน 4 คน จาก 2 ครอบครัว ได้แก่ อัจฉรา กาญจนาภรณ์ (แม่อัจ) จิโรจ กาญจนาภรณ์ (พ่อหนุ่ย) ญาณี อรุณเพ็ง (แม่แครอท) และพุทธิพงษ์ อรุณเพ็ง (พ่อป้อม) เป็นหลักในการคิดสร้างสรรค์กิจกรรมทั้งในนามของเพจพากันเล่นเอง รวมถึงมีการต่อยอดไปร่วมมือในการร่วมเล่นอย่างสร้างสรรค์กับกลุ่ม องค์กร หรือหน่วยงานต่างๆ ที่มีทิศทางแนวคิดในเรื่องเล่นที่พ้องกันด้วย

ออกแบบกิจกรรมดีเด็ดสำหรับเด็ก เติมเต็มเวลาสนุกเล่น ให้เป็นประโยชน์

รวมตัวกันเล่น แบ่งปันเวลาความสุข และเรียนรู้ไปด้วยกัน ในห้องเล่นวิชาประวัติศาสตร์ ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์ ครูมะ มนัสศักดิ์ รักอู่ (นักวิชาการอิสระ) และครูว่าน อ.สุพิชฌาย์ แสงสุขเอี่ยม (อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ ศิลปากร) พาเด็กๆ เที่ยวชมวัตถุจัดแสดง พร้อมเล่าที่มา เรื่องราว ประวัติ หรือกระทั่งนิทานชาดกของวัตถุจัดแสดงชิ้นนั้นๆ อย่างสนุกสนาน
รวมตัวกันเล่น แบ่งปันเวลาความสุข และเรียนรู้ไปด้วยกัน ในห้องเล่นวิชาประวัติศาสตร์ ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์ ครูมะ มนัสศักดิ์ รักอู่ (นักวิชาการอิสระ) และครูว่าน อ.สุพิชฌาย์ แสงสุขเอี่ยม (อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ ศิลปากร) พาเด็กๆ เที่ยวชมวัตถุจัดแสดง พร้อมเล่าที่มา เรื่องราว ประวัติ หรือกระทั่งนิทานชาดกของวัตถุจัดแสดงชิ้นนั้นๆ อย่างสนุกสนาน

“หัวใจหลักของเราคือการให้เด็กได้ ‘สังเกต เรียนรู้ สื่อสาร’ ผ่านการเล่นและลงมือทำจริง (Experiential Learning & Hands-on Activities) เพราะเราเชื่อว่า กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการรอบด้าน ทั้งความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ ทักษะการแก้ปัญหา และการทำงานร่วมกับผู้อื่น โดยเราจะดึงความถนัดและความสนใจของผู้ปกครองแต่ละคนมาช่วยกันออกแบบกิจกรรม” คำตอบจากแม่อัจ มาพร้อมกับ 4 กิจกรรมที่ “พากันเล่น” เคยชวนกันคิด ช่วยกันออกแบบและจัดให้เกิดขึ้นในระหว่างช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมา โดยแต่ละกิจกรรมก็จะมีแนวคิดและกระบวนการที่แตกต่างกันไปตามเป้าหมายและธีม

กิจกรรม "ผังเมืองและโมเดลบ้านจากกระดาษ" (Mapping & Model Making) โดยแม่อัจและพ่อหนุ่ย
จากประสบการณ์ร่วม ต่างทักษะ ผสานหลายความคิดสร้างสรรค์ สู่ผลงานแผนผังพื้นที่รอบองค์พระปฐมเจดีย์ ที่เด็กๆ ร่วมกันทำขึ้นมา
จากประสบการณ์ร่วม ต่างทักษะ ผสานหลายความคิดสร้างสรรค์ สู่ผลงานแผนผังพื้นที่รอบองค์พระปฐมเจดีย์ ที่เด็กๆ ร่วมกันทำขึ้นมา

แนวคิด: ชวนเด็กๆ เรียนรู้และสังเกตสภาพแวดล้อมรอบตัว (เช่น บริเวณรอบองค์พระปฐมเจดีย์) และสื่อสารผ่านการวางผังพื้นที่ การทำแผนที่ และการสร้างโมเดลสามมิติ
กระบวนการ: ให้ผู้ปกครองขับรถพาลูกๆ วนรอบองค์พระปฐมเจดีย์ เพื่อให้เด็กๆ สังเกตและจดจำรายละเอียดของพื้นที่จริง แล้วกลับมาเล่าสิ่งที่เห็น ต่อด้วยการสร้างแผนที่และโมเดลบ้านของตัวเองจากอุปกรณ์ที่เตรียมไว้ให้ สุดท้าย นำมาประกอบกันเป็นเมืองจำลองของกลุ่ม

จากประสบการณ์ร่วม ต่างทักษะ ผสานหลายความคิดสร้างสรรค์ สู่ผลงานแผนผังพื้นที่รอบองค์พระปฐมเจดีย์ ที่เด็กๆ ร่วมกันทำขึ้นมา
จากประสบการณ์ร่วม ต่างทักษะ ผสานหลายความคิดสร้างสรรค์ สู่ผลงานแผนผังพื้นที่รอบองค์พระปฐมเจดีย์ ที่เด็กๆ ร่วมกันทำขึ้นมา

แนวคิด: ชวนเด็กๆ เรียนรู้และสังเกตสภาพแวดล้อมรอบตัว (เช่น บริเวณรอบองค์พระปฐมเจดีย์) และสื่อสารผ่านการวางผังพื้นที่ การทำแผนที่ และการสร้างโมเดลสามมิติ
กระบวนการ: ให้ผู้ปกครองขับรถพาลูกๆ วนรอบองค์พระปฐมเจดีย์ เพื่อให้เด็กๆ สังเกตและจดจำรายละเอียดของพื้นที่จริง แล้วกลับมาเล่าสิ่งที่เห็น ต่อด้วยการสร้างแผนที่และโมเดลบ้านของตัวเองจากอุปกรณ์ที่เตรียมไว้ให้ สุดท้าย นำมาประกอบกันเป็นเมืองจำลองของกลุ่ม

กิจกรรม "วาดภาพองค์พระปฐมเจดีย์" (Sketching & Drawing) โดยครูอั๊ง อังคณา สิริวรรณศิลป์
บรรยากาศระหว่างกิจกรรมการเรียนรู้หลากมิติ ทั้งสำรวจ สังเกตสถาปัตยกรรมท้องถิ่น และสื่อสาร ผ่านภาพวาด โดยครูอั๊ง อังคณา สิริวรรณศิลป์
บรรยากาศระหว่างกิจกรรมการเรียนรู้หลากมิติ ทั้งสำรวจ สังเกตสถาปัตยกรรมท้องถิ่น และสื่อสาร ผ่านภาพวาด โดยครูอั๊ง อังคณา สิริวรรณศิลป์

แนวคิด: ส่งเสริมทักษะการสังเกต การถ่ายทอดสิ่งที่เห็นสู่ภาพวาด และเรียนรู้เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมท้องถิ่น
กระบวนการ: เริ่มจากการพาเด็กๆ ไปเดินชมพิพิธภัณฑ์นครปฐมเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและความรู้เบื้องต้น จากนั้นครูอั๊งช่วยสอนเทคนิคการวาดภาพ โดยให้เด็กๆ เลือกมุมมองขององค์พระปฐมเจดีย์ที่ตัวเองสนใจแล้ววาดออกมา

ผลงาน “พระปฐมเจดีย์” ต่างสีสัน มุมมอง และเรื่องราว จากฝีไม้ลายเส้นของเด็กๆ
ผลงาน “พระปฐมเจดีย์” ต่างสีสัน มุมมอง และเรื่องราว จากฝีไม้ลายเส้นของเด็กๆ

แนวคิด: ส่งเสริมทักษะการสังเกต การถ่ายทอดสิ่งที่เห็นสู่ภาพวาด และเรียนรู้เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมท้องถิ่น
กระบวนการ: เริ่มจากการพาเด็กๆ ไปเดินชมพิพิธภัณฑ์นครปฐมเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและความรู้เบื้องต้น จากนั้นครูอั๊งช่วยสอนเทคนิคการวาดภาพ โดยให้เด็กๆ เลือกมุมมองขององค์พระปฐมเจดีย์ที่ตัวเองสนใจแล้ววาดออกมา

กิจกรรม "ปั้นดินสร้างสรรค์" (Clay Sculpting) โดยครูจูน อรวรรณ แสงแก้ว
งานเล่น เห็น แล้วปั้น อีกกิจกรรมสร้างสรรค์กับครูจูน อรวรรณ แสงแก้ว ที่ชวนเด็กๆ สังเกตสัดส่วน รูปทรงขององค์พระปฐมเจดีย์ ก่อนจะชวนสัมผัสกับดินที่ใช้ปั้น ทั้งสีสัน อุณหภูมิ ต่อด้วยช่วงเวลาแห่งการสร้างสรรค์งานปั้นของเด็กๆ
งานเล่น เห็น แล้วปั้น อีกกิจกรรมสร้างสรรค์กับครูจูน อรวรรณ แสงแก้ว ที่ชวนเด็กๆ สังเกตสัดส่วน รูปทรงขององค์พระปฐมเจดีย์ ก่อนจะชวนสัมผัสกับดินที่ใช้ปั้น ทั้งสีสัน อุณหภูมิ ต่อด้วยช่วงเวลาแห่งการสร้างสรรค์งานปั้นของเด็กๆ

แนวคิด: พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก จินตนาการ และการทำงานกับวัสดุสามมิติ
กระบวนการ: ครูจูนมาสอนเทคนิคการปั้นพื้นฐาน ให้เด็กๆ ได้ทดลองปั้นตามจินตนาการของตัวเอง หรือปั้นตามโจทย์ที่กำหนด เช่น ปั้นองค์พระปฐมเจดีย์

นวดๆ ปั้นๆ ต่อสานสิ่งที่เด็กๆ เห็น ให้เป็นรูปลักษณ์ “องค์พระปฐมเจดีย์” และยังเปิดกว้างให้แต่ละคนสามารถถ่ายทอดแต่งเติมผลงานได้ตามเรื่องราวและจินตนาการที่มีได้โดยอิสระ
นวดๆ ปั้นๆ ต่อสานสิ่งที่เด็กๆ เห็น ให้เป็นรูปลักษณ์ “องค์พระปฐมเจดีย์” และยังเปิดกว้างให้แต่ละคนสามารถถ่ายทอดแต่งเติมผลงานได้ตามเรื่องราวและจินตนาการที่มีได้โดยอิสระ

แนวคิด: พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก จินตนาการ และการทำงานกับวัสดุสามมิติ
กระบวนการ: ครูจูนมาสอนเทคนิคการปั้นพื้นฐาน ให้เด็กๆ ได้ทดลองปั้นตามจินตนาการของตัวเอง หรือปั้นตามโจทย์ที่กำหนด เช่น ปั้นองค์พระปฐมเจดีย์

กิจกรรม "แต่งหน้าผี Special Effects" (SFX Makeup for Kids) โดยพ่อป้อมและเพื่อนๆ สายงานภาพยนตร์
เพลินพบกับผี ช่วงเฉลยความจริงในกิจกรรมตอนต้น เมื่อเด็กๆ ได้พบปะพูดคุยกับผีที่จำลองขึ้นมาด้วยเทคนิคแต่งหน้าผีจากวัสดุอุปกรณ์ใกล้ตัว
เพลินพบกับผี ช่วงเฉลยความจริงในกิจกรรมตอนต้น เมื่อเด็กๆ ได้พบปะพูดคุยกับผีที่จำลองขึ้นมาด้วยเทคนิคแต่งหน้าผีจากวัสดุอุปกรณ์ใกล้ตัว

แนวคิด: อยากให้เด็กๆ เข้าใจว่า “ผี” ในภาพยนตร์ที่เด็กๆ หลายคนหวาดกลัวนั้น สร้างขึ้นจากเทคนิคพิเศษ เพื่อลดความกลัวและเปิดโลกจินตนาการด้านการสร้างสรรค์ไปในตัว
กระบวนการ: สร้างบรรยากาศและจำลองฉาก พร้อมนักแสดงที่แต่งเป็นผีให้เด็กๆ ดู ก่อนจะเฉลย พร้อมชวนเด็กๆ ทำ Special Effects แต่งหน้าผีกันอย่างง่ายๆ ด้วยวัสดุที่ปลอดภัยและหาได้ใกล้ตัว

เด็กๆ ได้ทดลองลงมือทำเองด้วย เป็นการแทนที่ความหวาดกลัว ด้วยความสนุกและสร้างสรรค์กันอย่างมีสีสัน ที่สำคัญ เด็กๆ ได้แสดงความรู้สึกที่มี พร้อมทำความเข้าใจกับบางแง่มุมเกี่ยวกับความกลัว โดยมีคำแนะนำจากครอบครัว และผู้ใหญ่รอบตัว
เด็กๆ ได้ทดลองลงมือทำเองด้วย เป็นการแทนที่ความหวาดกลัว ด้วยความสนุกและสร้างสรรค์กันอย่างมีสีสัน ที่สำคัญ เด็กๆ ได้แสดงความรู้สึกที่มี พร้อมทำความเข้าใจกับบางแง่มุมเกี่ยวกับความกลัว โดยมีคำแนะนำจากครอบครัว และผู้ใหญ่รอบตัว

แนวคิด: อยากให้เด็กๆ เข้าใจว่า “ผี” ในภาพยนตร์ที่เด็กๆ หลายคนหวาดกลัวนั้น สร้างขึ้นจากเทคนิคพิเศษ เพื่อลดความกลัวและเปิดโลกจินตนาการด้านการสร้างสรรค์ไปในตัว
กระบวนการ: สร้างบรรยากาศและจำลองฉาก พร้อมนักแสดงที่แต่งเป็นผีให้เด็กๆ ดู ก่อนจะเฉลย พร้อมชวนเด็กๆ ทำ Special Effects แต่งหน้าผีกันอย่างง่ายๆ ด้วยวัสดุที่ปลอดภัยและหาได้ใกล้ตัว

“หลังจากที่เด็กๆ ทำกิจกรรมแต่งหน้าผีแล้ว มีหลากหลายปฏิกิริยา บางคนก็ตื่นเต้น สนุกกับการได้ทดลองแต่งหน้าผีให้ตัวเองหรือเพื่อนๆ แต่ก็มีเด็กบางคนที่ยังคงกลัวอยู่บ้าง ร้องไห้ หรือช็อคไปเลยก็มีค่ะ แต่พอเราค่อยๆ เฉลยและอธิบายว่า นี่คือการสร้างขึ้น พวกเขาค่อยๆ เข้าใจและผ่อนคลายมากขึ้น บางคนถึงกับบอกว่า ‘ฉันรู้ทันแล้ว!’ ซึ่งน่ารักดีค่ะ สิ่งสำคัญคือการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้เด็กๆ ได้แสดงออกถึงความรู้สึกของตัวเองไปด้วยในตัว”

วัตถุดิบใช้ในการปรุงเวลาเล่นอย่างสร้างสรรค์ อยู่ที่การคิดและออกแบบกิจกรรมเสริมความสนุก สร้างจินตนาการ จากเรื่องราวรอบตัว และส่งเสริมการเรียนรู้อย่างเปิดกว้างมากที่สุด

เด็กและผู้ใหญ่ ได้ใช้เวลาเพลินร่วมกัน ไม่เพียงเด็กๆ ได้เล่น เรียนรู้ และพัฒนาเท่านั้น หากในการทำกิจกรรมร่วมกัน ผู้ใหญ่เอง ก็ได้เล่น เรียนรู้ และพัฒนามุมมอง ความคิด ประสบการณ์ร่วมไปกับเด็กๆ เพื่อเชื่อมสานความคิด ความเข้าใจ และพัฒนาการสื่อสารต่อกันไปในตัวด้วย
เด็กและผู้ใหญ่ ได้ใช้เวลาเพลินร่วมกัน ไม่เพียงเด็กๆ ได้เล่น เรียนรู้ และพัฒนาเท่านั้น หากในการทำกิจกรรมร่วมกัน ผู้ใหญ่เอง ก็ได้เล่น เรียนรู้ และพัฒนามุมมอง ความคิด ประสบการณ์ร่วมไปกับเด็กๆ เพื่อเชื่อมสานความคิด ความเข้าใจ และพัฒนาการสื่อสารต่อกันไปในตัวด้วย

เพจพากันเล่นออกแบบกิจกรรมอย่างมีกระบวนคิดและทำที่ชัดเจน จับต้องได้ และมีหลากหลายแง่มุมแห่งการเรียนรู้ โดยมีโจทย์ตั้งต้นคือความสนุก ผนวกด้วยความเพลิดเพลินอย่างสร้างสรรค์ เด็กๆ ได้เล่นและเรียนรู้จากกิจกรรมที่ไม่ซ้ำแบบใคร ส่วนผลลัพธ์นั้น มีทั้งสิ่งที่ตั้งใจตั้งแต่ต้น พร้อมด้วยผลแบบปลายเปิดตามแต่การเรียนรู้ อย่างสร้างสรรค์ อีกทั้งจินตนาการและประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในสถานการณ์จริงในแต่ละกิจกรรมจะนำพาให้ได้พบ หรือเกิดขึ้นตามมา ท่ามกลางบรรยากาศสนุกสนาน เป็นกันเอง เปิดโอกาสกว้างให้เด็กๆ ได้ทดลอง เรียนรู้ และสร้างสรรค์ ขยายขอบเขตแห่งจินตนาการ และเชื่อมสานกับของจริงที่ได้ทำ ได้แสดงความคิดเห็น ลองผิดลองถูก โดยไม่มีการตัดสิน และที่ขาดไม่ได้ คือ การได้ทำงานร่วมกันกับเพื่อนๆ ซึ่งเป็นกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาทักษะทางสังคมและการแก้ปัญหาร่วมกันไปในตัวด้วย

ด้วยประสบการณ์ของ “พากันเล่น” ทำให้เห็น “หัวใจ” ของการสร้างสรรค์กิจกรรมสำหรับเด็กๆ

เรื่องเล่นและเรียนรู้ ไม่จำเป็นต้องยาก หรือยิ่งใหญ่ ตัวอย่างน่ารัก กับรถกระดาษ ล้อหมุน ของเล่นเพลินได้ จากสิ่งเหลือใช้ใกล้ตัว
เรื่องเล่นและเรียนรู้ ไม่จำเป็นต้องยาก หรือยิ่งใหญ่ ตัวอย่างน่ารัก กับรถกระดาษ ล้อหมุน ของเล่นเพลินได้ จากสิ่งเหลือใช้ใกล้ตัว

“ความเข้าใจในตัวเด็ก คือ สิ่งสำคัญที่สุด ธรรมชาติของเด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ทั้งความสนใจ ความถนัด และจังหวะการเรียนรู้ เราพยายามที่จะสังเกตและปรับกิจกรรมให้เข้ากับพวกเขามากที่สุด ด้วยบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ เพราะเราเชื่อว่า เด็กจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดเมื่อเขารู้สึกสนุก ปลอดภัย และเป็นตัวของตัวเอง เราจึงพยายามสร้างบรรยากาศที่เป็นกันเอง ไม่ตัดสิน และเปิดโอกาสให้เขาได้ทดลองทำสิ่งต่างๆ ให้ความสำคัญกับ ‘กระบวนการ’ มากกว่า ‘ผลลัพธ์’ ค่ะ การที่เด็กได้ลงมือทำ ได้คิด ได้แก้ปัญหา และได้เรียนรู้จากความผิดพลาด เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากกว่าการได้ผลงานที่สวยงามสมบูรณ์แบบ และที่จะลืมไม่ได้เลย คือ ผู้ปกครองคือ ‘พาร์ทเนอร์’ ที่สำคัญในการเรียนรู้ของเด็ก การที่ผู้ปกครองได้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรม ไม่ใช่แค่ในฐานะผู้สังเกตการณ์ แต่เป็นผู้ร่วมเรียนรู้และผู้สนับสนุน จะช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับเด็กๆ ได้มากยิ่งขึ้น” แนวคิด กระบวนการ และผลลัพธ์ประทับใจ แม่อัจช่วยรวบใจความสำคัญของการสร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อการเรียนรู้สำหรับเด็ก ให้ยิ่งครบถ้วนสมบูรณ์

ไขความลับเล็กๆ เสริมเวลาเล่นอย่างสร้างสรรค์ได้ในทุกครอบครัว

อะไรกันนะ คือจุดที่เด็กๆ ให้ความสนใจ ในเรื่องเล่าจากนิทานโดยครูชีวัน
อะไรกันนะ คือจุดที่เด็กๆ ให้ความสนใจ ในเรื่องเล่าจากนิทานโดยครูชีวัน
อะไรกันนะ คือจุดที่เด็กๆ ให้ความสนใจ ในเรื่องเล่าจากนิทานโดยครูชีวัน
อะไรกันนะ คือจุดที่เด็กๆ ให้ความสนใจ ในเรื่องเล่าจากนิทานโดยครูชีวัน

นอกเหนือจากแบ่งปันไอเดีย กิจกรรม เรื่องราวประสบการณ์ตรงของเพจแล้ว ทีมพากันเล่นยังมีแถมพกฝากแบ่งปันถึงคุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองท่านอื่นๆ ที่อาจจะกำลังมองหากิจกรรมดีๆ ให้กับลูกๆ ที่ทุกครอบครัวสามารถทำได้ โดยมีกุญแจสำคัญ 4 ประการ

  • เริ่มต้นจากสิ่งใกล้ตัว ด้วยกิจกรรมง่ายๆ ในชุมชนหรือที่บ้านก็สามารถสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีคุณค่าให้กับเด็กๆ ได้ ลองสังเกตสิ่งที่ลูกสนใจ แล้วชวนกันทำกิจกรรมนั้นๆ ร่วมกัน
  • ให้ความสำคัญกับ “การเล่น” เพราะ “การเล่น” คือการเรียนรู้ที่ดีที่สุดสำหรับเด็ก เปิดโอกาสให้เขาได้เล่นอย่างอิสระ ได้สำรวจ ได้ทดลอง และได้ใช้จินตนาการอย่างเต็มที่
  • เป็น “เพื่อนเล่น” ของลูก พยายามใช้เวลาร่วมกับลูกอย่างมีคุณภาพ เป็นทั้งผู้สอน ผู้สนับสนุน และที่สำคัญที่สุด เป็น “เพื่อนเล่น” ที่พร้อมจะสนุกไปกับเขา
  • สร้างเครือข่ายกับผู้ปกครองคนอื่นๆ การได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้ปกครองท่านอื่นๆ จะช่วยให้เราได้เรียนรู้แนวคิดใหม่ๆ และแบ่งปันกำลังใจในการดูแลลูกให้แก่กัน

ฝันของ "พากันเล่น" คือเป็นพื้นที่พากันเพลิน เพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีๆ และส่งต่อแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนทุกเพศวัย

หนึ่งในผลงานจากการเล่นของเด็กๆ ที่มากกว่าความสำเร็จออกมาเป็นผลงาน คือคุณค่าแห่งการเรียนรู้และประสบการณ์ที่ได้รับและสั่งสม จากกิจกรรมและสิ่งแวดล้อมรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นการคิด การวางแผน ทักษะงานประดิษฐ์ การสื่อสาร การทำงานเป็นกลุ่ม และความเพียรพยายามในการถ่ายทอดจินตนาการ ให้เกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรม
หนึ่งในผลงานจากการเล่นของเด็กๆ ที่มากกว่าความสำเร็จออกมาเป็นผลงาน คือคุณค่าแห่งการเรียนรู้และประสบการณ์ที่ได้รับและสั่งสม จากกิจกรรมและสิ่งแวดล้อมรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นการคิด การวางแผน ทักษะงานประดิษฐ์ การสื่อสาร การทำงานเป็นกลุ่ม และความเพียรพยายามในการถ่ายทอดจินตนาการ ให้เกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรม

“เราอยากให้ ‘พากันเล่น’ เป็นมากกว่าแค่กลุ่มจัดกิจกรรม เราฝันว่าอยากจะสร้าง ‘ชุมชนแห่งการเรียนรู้’ ที่แข็งแรง ที่ผู้ปกครอง เด็กๆ และคนในชุมชนได้มารวมตัวกัน เพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ร่วมกัน อยากให้เป็นพื้นที่ที่ทุกคนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง ได้แบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ และแรงบันดาลใจให้กันและกัน เราเชื่อว่า ถ้าเราสามารถสร้างชุมชนแบบนี้ขึ้นมาได้ มันจะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ในการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กๆ และสร้างสังคมที่ดีขึ้นในอนาคต”

ญารินดา บุนนาค แห่ง Imaginary Objects

กับงานออกแบบ “เรื่องเล่น” ให้เป็นมากกว่าความสนุก คือการส่งเสริมความสุขอย่างสร้างสรรค์ผลงานของดีไซน์ออฟฟิศที่มาพร้อมสมดุลในการใช้งานพื้นที่ให้เกิดประโยชน์ ด้วยอินเนอร์ของพ่อแม่ที่เข้าใจลูก และผู้ใหญ่ที่เห็นความสำคัญของพื้นที่การเรียนรู้สำหรับเด็ก

สนามเด็กเล่นที่โรงเรียนทอสี ที่มีแนวคิดเปิดโลกของการเล่นสำหรับเด็กๆ อย่างเป็นอิสระและเชื่อมโยงไปกับธรรมชาติรอบตัว
สนามเด็กเล่นที่โรงเรียนทอสี ที่มีแนวคิดเปิดโลกของการเล่นสำหรับเด็กๆ อย่างเป็นอิสระและเชื่อมโยงไปกับธรรมชาติรอบตัว

เมื่อว่ากันด้วยเรื่องของพื้นที่การเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ และเวลาความสนุก เสริมสร้างจินตนาการสำหรับเด็ก ทาง QOQOON ไม่รอช้าที่จะติดต่อขอสอบถามมุมมองความคิดและแบ่งปันประสบการณ์จากคุณญารินดา บุนนาค ด้วยหัวใจของคุณแม่ และสถาปนิก ผู้ร่วมก่อตั้งดีไซน์สตูดิโอ Imaginary Objects ที่มีผลงานสร้างชื่อมากมาย ทั้งในประเทศไทยและระดับสากล โดยเฉพาะงานออกแบบ “สนามเด็กเล่น” เครื่องมือสำคัญแห่งการเรียนรู้ ที่ช่วยส่งเสริมและผลักดันพัฒนาการและศักยภาพของเด็กๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“เรื่องเล่น” ที่เหมือนจะเป็นเรื่องเล็ก แต่มีความสำคัญยิ่งยวด ทั้งสำหรับเด็ก ผู้ใหญ่ และชุมชน

คุณญารินดา บุนนาค และคุณโรเบร์โต้ เรเกโฮ เบเล็ตต์ (Roberto Requejo Belette) ผู้ร่วมก่อตั้ง Imaginary Objects
คุณญารินดา บุนนาค และคุณโรเบร์โต้ เรเกโฮ เบเล็ตต์ (Roberto Requejo Belette) ผู้ร่วมก่อตั้ง Imaginary Objects

“ช่วงปี 2020 ออฟฟิศออกแบบ ‘Imaginary Objects’ (IO) ซึ่งร่วมกันก่อตั้งกับหุ้นส่วน คุณโรเบร์โต้ เรเกโฮ เบเล็ตต์ (Roberto Requejo Belette) ได้มีโอกาสร่วมงานกับ CEA (สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) Creative Economy Agency) ในงาน Bangkok Design Week จึงได้สังเกตเห็นว่า กรุงเทพฯ มีพื้นที่ว่าง/พื้นที่รกร้าง ที่ไม่ได้ถูกใช้งานค่อนข้างเยอะ และการขาดแคลนสนามเด็กเล่นในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะช่วงโควิด ทำให้เห็นว่า กรุงเทพฯ มีสนามเด็กเล่นและพื้นที่ Outdoor (Public Space) น้อยมาก คนส่วนใหญ่มักไปเที่ยวห้าง ไม่ค่อยมีพื้นที่ธรรมชาติหรือพื้นที่ทางวัฒนธรรม (พิพิธภัณฑ์, แกลเลอรี่) ความที่แต่ละคนต่างมีลูกในวัยไล่เลี่ยกัน จึงเห็นความสำคัญของพื้นที่การเรียนรู้สำหรับเด็ก ที่ไม่ได้มีแค่เพียงบ้านกับโรงเรียน แต่ควรมี ‘Third Place’ หรือพื้นที่ที่ 3 ซึ่งเด็กสามารถทดลองการเข้าสังคม ฝึกทักษะต่างๆ ได้ สนามเด็กเล่นคือสิ่งสำคัญมากที่ขาดหายไป เพราะเด็กเล็กเรียนรู้ผ่านการเล่น”

งานออกแบบเรื่องเล่น เด็กเล่นสนุก
งานออกแบบเรื่องเล่น เด็กเล่นสนุก
ผู้ใหญ่ได้ใช้เวลากับลูกหลาน เสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว ที่สามารถต่อยอดไปถึงความแน่นแฟ้นของชุมชน
ผู้ใหญ่ได้ใช้เวลากับลูกหลาน เสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว ที่สามารถต่อยอดไปถึงความแน่นแฟ้นของชุมชน

นี่เอง เป็นที่มาของแนวคิดการผูกโยง 2 ประเด็นสำคัญ 1. การใช้พื้นที่รกร้างในกรุงเทพฯ 2. การสร้างสนามเด็กเล่นในพื้นที่เหล่านั้น เพื่อให้พื้นที่ที่เคยถูกมองว่าอันตรายหรือสกปรก กลับกลายเป็น “แม่เหล็กของชุมชน” ให้ผู้คนได้มาเจอกัน พาลูกเล่นด้วยกัน พ่อแม่รู้จักกัน สังคมของย่านแน่นแฟ้นขึ้น ปู่ย่าตายายมาดูลูกหลานเล่น เป็นการสร้างประโยชน์ให้ชุมชน โดยนำเสนอเป็นโครงการต่อสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จนได้รับการอนุมัติ พร้อมการสนับสนุนจากบริษัท เวสปิอาริโอ (ประเทศไทย) จํากัด (ผู้นำเข้า Vespa ในประเทศไทย) ทำให้เกิดการนำร่องสร้างสนามเด็กเล่น 3 แห่งแรกขึ้นมา

สนามเด็กเล่น Vespa Play Objects ต้นแบบสนามเด็กเล่นชุมชน ผลงานของ Imaginary Objects ใน Bangkok Design Week 2020
สนามเด็กเล่น Vespa Play Objects ต้นแบบสนามเด็กเล่นชุมชน ผลงานของ Imaginary Objects ใน Bangkok Design Week 2020

“สนามเด็กเล่น” ที่ผู้ใหญ่ได้สนุกคิด และเด็กได้สนุกเล่น

เครื่องเล่นต่างรูปทรง ผิวสัมผัส หลากฟังก์ชั่น ที่มอบเวลาสนุกเล่น พร้อมเสริมสร้างการเรียนรู้ พัฒนาทักษะ และเติมเต็มจินตนาการให้แก่เด็กๆ
เครื่องเล่นต่างรูปทรง ผิวสัมผัส หลากฟังก์ชั่น ที่มอบเวลาสนุกเล่น พร้อมเสริมสร้างการเรียนรู้ พัฒนาทักษะ และเติมเต็มจินตนาการให้แก่เด็กๆ

หลังจากโปรเจ็กต์สนามเด็กเล่น Imaginary Objects ได้รับหลายโจทย์งานออกแบบสำหรับเด็กๆ ตามมา พร้อมเป็นโอกาสกระตุกต่อมความคิดสู่งานสถาปัตยกรรมสุดสร้างสรรค์ ซึ่งมอบประโยชน์ใช้สอยแสนสนุก และเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ของเด็กๆ โดยมีแนวทางการคิดและออกแบบแตกต่างไป ด้วยสถาปัตยกรรมทั่วไป พื้นที่ใช้สอย คนเดินบนพื้น แต่สถาปัตยกรรมของสนามเด็กเล่นต้องคิดแบบ 3 มิติ เพราะเด็กไม่ได้แค่เดิน แต่มีการปีน โหน ห้อยหัว ทุกส่วนของพื้นที่ (ผนัง, หลังคา) ถูกนำมาใช้ประโยชน์ เหมือนออกแบบงานประติมากรรม ทั้งยังเป็นงานสเกลเล็ก เสร็จไว เห็นผลลัพธ์เร็ว ด้วยผู้ใช้งานเป็นเด็ก เมื่อเห็นเด็กๆ สนุกและมีความสุข ทำให้รู้สึกอิ่มเอมใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความที่คุณญารินดาเคยเป็นอาจารย์มาก่อน อีกทั้งคุณโรเบร์โต้ ผู้เป็นหุ้นส่วนเองก็สอนอยู่ที่ Hong Kong University ทั้งสองต่างมีความสนใจในด้านการเรียนการสอนอยู่แล้ว จึงมองว่า สนามเด็กเล่น เป็น “เครื่องมือสำคัญ” ในการเรียนรู้และพัฒนาการสำหรับเด็กๆ จึงนำมาซึ่งผลงานการออกแบบที่ต่อยอดจากสนามเด็กเล่น ไปสู่หลายชิ้นงานกับการออกแบบพื้นที่ครอบคลุมเรื่องการเรียนรู้ พัฒนาการ และการสร้างสรรค์อีกมากมาย

ผลงานออกแบบบ้านต้นไม้ ส่วนหนึ่งในสนามเด็กเล่นของโรงเรียนทอสี ที่ต่อเติมเวลาสนุกไว้ใต้ร่มเงาของต้นไม้จริง
ผลงานออกแบบบ้านต้นไม้ ส่วนหนึ่งในสนามเด็กเล่นของโรงเรียนทอสี ที่ต่อเติมเวลาสนุกไว้ใต้ร่มเงาของต้นไม้จริง
เวลาสนุก ที่เป็นมากกว่าความสุขแห่งวัยเยาว์ เพราะพื้นที่เล่นสำหรับเด็ก คือ พื้นที่แห่งการเรียนรู้ ที่นำไปสู่พัฒนาการ ความคิดสร้างสรรค์ และจินตนาการได้อย่างไร้ขอบเขตจำกัด
เวลาสนุก ที่เป็นมากกว่าความสุขแห่งวัยเยาว์ เพราะพื้นที่เล่นสำหรับเด็ก คือ พื้นที่แห่งการเรียนรู้ ที่นำไปสู่พัฒนาการ ความคิดสร้างสรรค์ และจินตนาการได้อย่างไร้ขอบเขตจำกัด

จากงานออกแบบพื้นที่เล่นตามโจทย์ สู่การสร้างสรรค์ Kitblox ต่อเติมการสร้างพื้นที่เล่นที่เด็กๆ สร้างเองได้ตามใจ

ภาพจากสนามเด็กเล่น ที่เด็กๆ สร้างจากชุด Kitblox พร้อมผลตอบรับของวันสนุกจากเด็กๆ ผู้ใช้งานจริง
ภาพจากสนามเด็กเล่น ที่เด็กๆ สร้างจากชุด Kitblox พร้อมผลตอบรับของวันสนุกจากเด็กๆ ผู้ใช้งานจริง

อีกโจทย์ใหม่ในเวลาต่อมา คืองานออกแบบสนามเด็กเล่นแบบเคลื่อนที่ได้สำหรับงาน Festival สำหรับเด็กของสสส. (สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ) สู่การพลิกมุมคิดและใช้งาน “แทนที่จะสร้างสนามเด็กเล่นให้เด็ก ทำไมไม่ให้เด็กๆ สร้างสนามเด็กเล่นเองเลย” จนเป็นที่มาของคอนเซ็ปต์ Kitblox ของเล่นที่ให้เด็กเป็นคนสร้างสนามเด็กเล่นของตัวเอง มาพร้อมรูปลักษณ์โดดเด่นเป็นที่จดจำ ทั้งรูปทรง สีสัน และขนาด โดยบล็อกแต่ละชิ้น ที่มีขนาดใหญ่มาก เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ชวนกันเล่น ช่วยกันยก ช่วยกันสร้าง เป็นดังกุศโลบายเล็กๆ ช่วยส่งเสริมการทำงานเป็นทีม (Teamwork) และการประสานงาน (Coordinate) ไปในตัว นอกจากนี้ ยังกระตุ้นการใช้พลังและความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเด็กๆ สามารถสร้างพื้นที่ที่เขาเข้าไปเล่นอยู่ ซ่อน หรือปืนขึ้นไปได้ เป็นงานทดลองสร้างขนาดใหญ่ ที่เห็นผลลัพธ์ สัมผัสถึงพลังของการลงมือทำได้ทันที อีกทั้งถ้าสร้างแล้วล้ม ก็ยังได้เรียนรู้ความไม่สำเร็จ อันนำมาซึ่งการพยายามและทดลองต่อไป ไม่ต้องกลัว อีกทั้งวิธีเล่นแบบปลายเปิด ไม่จำกัดหรือกำหนดตายตัวอย่างนี้ ยังช่วยให้เด็กๆ เพลิดเพลินกับการเล่นและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้ยาวนานขึ้นด้วย “ระหว่างการทำงานออกแบบสำหรับเด็ก ลูกๆ มีส่วนร่วมเสมอ ทั้งทดลองเล่น เป็นผู้ให้ความคิดเห็น ทั้งสเกลของชิ้นงาน หรือความยากง่ายในการใช้งาน รวมถึงบางโครงการ มีการสอบถามถึงความชอบ และความต้องการ จากเด็กๆ ซึ่งเป็นผู้ใช้งานจริงด้วย”

Kitblox ของเล่นที่ให้เด็กเป็นคนสร้างสนามเด็กเล่นของตัวเอง ด้วยรูปลักษณ์เด่น ทั้งขนาด รูปทรง สีสัน เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ชวนกันเล่น ช่วยกันยก ช่วยกันสร้าง เด็กๆ ได้เล่น สื่อสาร และเกิดการเรียนรู้การทำงานเป็นทีมไปในตัว
Kitblox ของเล่นที่ให้เด็กเป็นคนสร้างสนามเด็กเล่นของตัวเอง ด้วยรูปลักษณ์เด่น ทั้งขนาด รูปทรง สีสัน เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ชวนกันเล่น ช่วยกันยก ช่วยกันสร้าง เด็กๆ ได้เล่น สื่อสาร และเกิดการเรียนรู้การทำงานเป็นทีมไปในตัว

เมื่องานออกแบบพื้นที่สำหรับเด็กเล่น เป็นเครื่องบันดาลใจในการคิดและสร้างสรรค์สำหรับผู้ใหญ่

อีกหนึ่งไอเดียของ Imaginary Objects ที่นำเสนอการใช้พื้นที่ว่างในเมืองให้มีประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ ปลอดภัย ให้ผู้คนได้ใช้เป็นที่นั่งพักผ่อนคลาย หรือพบปะกันอย่างมีเอกลักษณ์
อีกหนึ่งไอเดียของ Imaginary Objects ที่นำเสนอการใช้พื้นที่ว่างในเมืองให้มีประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ ปลอดภัย ให้ผู้คนได้ใช้เป็นที่นั่งพักผ่อนคลาย หรือพบปะกันอย่างมีเอกลักษณ์

ผลพลอยได้จากการทำงานออกแบบสำหรับเด็กที่ผ่านมา ทำให้ได้เห็นถึงศักยภาพของพื้นที่และรูปแบบการใช้งานใหม่ๆ ที่เติมเต็มกระบวนการเรียนรู้ของเด็กๆ ผ่านการเล่นอย่างสนุกสนาน ให้มีความหมายมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน ยังต่อขยายมุมมองในการทำงานออกแบบในภาพรวมให้กับคุณญารินดาอีกด้วย “การเรียนรู้จากมุมมองของเด็ก ทำให้ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่ผู้ใหญ่มักคาดไม่ถึง เด็กมีความคิดสร้างสรรค์สูง และไม่ถูกตีกรอบด้วยกฎเกณฑ์ ในขณะที่ผู้ใหญ่มักมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่กำหนดไว้ หรือมีข้อจำกัดมากกว่าในเรื่องความปลอดภัย และมารยาท เป็นต้น การทำงานกับเด็กทำให้คิดถึงการใช้พื้นที่ที่ไม่ปกติ นำมาสู่การใช้พื้นที่ได้เต็มศักยภาพได้มากขึ้น กระตุ้นการคิดนอกกรอบซึ่งได้ปรับใช้กับงานอื่นๆ มากขึ้นด้วย เพราะทุกโจทย์มีความท้าทาย พยายามตีโจทย์ให้ไม่เป็นไปตามแบบแผนเดิมๆ เพื่อให้เกิดการคิดและสร้างสรรค์ใหม่ๆ เสมอ”

Little Treehouse บ้านต้นไม้ขนาดกะทัดรัดที่รวมพื้นที่เล่นสำหรับเด็กๆ พร้อมชิงช้า และเปลญวนน่าสบาย ไว้ในสวนหลังบ้าน
Little Treehouse บ้านต้นไม้ขนาดกะทัดรัดที่รวมพื้นที่เล่นสำหรับเด็กๆ พร้อมชิงช้า และเปลญวนน่าสบาย ไว้ในสวนหลังบ้าน

ผลพลอยได้จากการทำงานออกแบบสำหรับเด็กที่ผ่านมา ทำให้ได้เห็นถึงศักยภาพของพื้นที่และรูปแบบการใช้งานใหม่ๆ ที่เติมเต็มกระบวนการเรียนรู้ของเด็กๆ ผ่านการเล่นอย่างสนุกสนาน ให้มีความหมายมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน ยังต่อขยายมุมมองในการทำงานออกแบบในภาพรวมให้กับคุณญารินดาอีกด้วย “การเรียนรู้จากมุมมองของเด็ก ทำให้ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่ผู้ใหญ่มักคาดไม่ถึง เด็กมีความคิดสร้างสรรค์สูง และไม่ถูกตีกรอบด้วยกฎเกณฑ์ ในขณะที่ผู้ใหญ่มักมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่กำหนดไว้ หรือมีข้อจำกัดมากกว่าในเรื่องความปลอดภัย และมารยาท เป็นต้น การทำงานกับเด็กทำให้คิดถึงการใช้พื้นที่ที่ไม่ปกติ นำมาสู่การใช้พื้นที่ได้เต็มศักยภาพได้มากขึ้น กระตุ้นการคิดนอกกรอบซึ่งได้ปรับใช้กับงานอื่นๆ มากขึ้นด้วย เพราะทุกโจทย์มีความท้าทาย พยายามตีโจทย์ให้ไม่เป็นไปตามแบบแผนเดิมๆ เพื่อให้เกิดการคิดและสร้างสรรค์ใหม่ๆ เสมอ”

คุณญารินดา และลูกๆ ที่ Kid Cabin ผลงานการออกแบบที่ผสานความเรียบง่าย ธรรมชาติ พร้อมพื้นที่เล่นและเรียนรู้ ไว้ในโครงสร้างไม้สักซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากบ้านไทย ซึ่งฟังก์ชั่นการอยู่อาศัยเชื่อมระหว่างพื้นที่ในร่มและกลางแจ้งเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน
คุณญารินดา และลูกๆ ที่ Kid Cabin ผลงานการออกแบบที่ผสานความเรียบง่าย ธรรมชาติ พร้อมพื้นที่เล่นและเรียนรู้ ไว้ในโครงสร้างไม้สักซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากบ้านไทย ซึ่งฟังก์ชั่นการอยู่อาศัยเชื่อมระหว่างพื้นที่ในร่มและกลางแจ้งเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน

BAAN MAEW MAEW

เวลาเล่น เวลาครอบครัว เวลาคุณภาพ
บ่อเกิดแรงบันดาลใจสุดสร้างสรรค์ กับของใช้ของที่ระลึกจากคาแรคเตอร์แมวในนาม “BAAN MAEW MAEW”

ภาพวาดรูปแมว ซึ่งถ่ายทอดจากมุมมองและลายเส้นของน้องเวลา โชคดีทวีอนันต์
ภาพวาดรูปแมว ซึ่งถ่ายทอดจากมุมมองและลายเส้นของน้องเวลา โชคดีทวีอนันต์
ภาพวาดรูปแมว ซึ่งถ่ายทอดจากมุมมองและลายเส้นของน้องเวลา โชคดีทวีอนันต์
ภาพวาดรูปแมว ซึ่งถ่ายทอดจากมุมมองและลายเส้นของน้องเวลา โชคดีทวีอนันต์

พลังแห่งจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ที่ก่อประกายและจุดติดได้ด้วยเวลาคุณภาพสำหรับการเรียนรู้ผ่านการเล่นในครอบครัว จนเป็นที่มาของหนังสือนิทานจากไอเดียนักสร้างสรรค์ตัวน้อยร่วมกับครอบครัว ที่ไม่เพียงมีส่วนร่วมในกระบวนการคิดและทำในทุกขั้นตอน จนเป็นรูปเล่มเสร็จสมบูรณ์ แบ่งปันความสุขกับแมวเหมียวไปยังคนรักแมวเท่านั้น หากภาพที่ชัดเจนจากจินตนาการ ซึ่งผสานด้วยมุมคิดและความใส่ใจเก็บรายละเอียดของงาน ยังเป็นที่มาของคาแรคเตอร์แมวที่ปรากฏทั้งในหนังสือนิทาน ผลงานของที่ระลึกหลากชนิด ไปจนการดำเนินไปสู่ธุรกิจสร้างสรรค์ต่อยอดอีกหลากหลาย ในนาม BAAN MAEW MAEW

หนังสือนิทาน “แมวกัดฉัน” สานจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของเด็กน้อยแบบครบกระบวน

จากจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ สู่ผลงานแห่งความภาคภูมิใจ น้องเวลากับนิทานแมวกัดฉัน
จากจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ สู่ผลงานแห่งความภาคภูมิใจ น้องเวลากับนิทานแมวกัดฉัน
จากจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ สู่ผลงานแห่งความภาคภูมิใจ น้องเวลากับนิทานแมวกัดฉัน
จากจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ สู่ผลงานแห่งความภาคภูมิใจ น้องเวลากับนิทานแมวกัดฉัน

ย้อนกลับไปหลายปีก่อน ในช่วงระหว่างการแพร่ระบาดของโควิด คุณวิ-วิชชุกร โชคดีทวีอนันต์ แฟชั่นดีไซเนอร์ และครอบครัว ซึ่งประกอบด้วยคุณแม่ คือคุณวิเอง คุณพ่อ (คุณบอน-วีรภัฎ โชคดีทวีอนันต์ สามีคุณวิ) ลูกชายคนโต และลูกสาวคนเล็ก มีโอกาสได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ร่วมกัน ผ่านกิจกรรมหลากหลาย โดยเฉพาะการอ่านหนังสือนิทาน และการสร้างงานประดิษฐ์จากข้าวของรีไซเคิล ซึ่งในครอบครัวมีการแยกขยะรีไซเคิลอย่างละเอียด และนำกล่องต่างๆ มาประดิษฐ์เป็นของเล่น เช่น ครั้งหนึ่งที่ร่วมกันสร้างบ้านของเล่น พร้อมเครื่องใช้จากกล่องรีไซเคิลด้วยกัน จนเมื่อต้องย้ายบ้าน เด็กๆ ยังคงคิดถึงและประทับใจของเล่นฝีมือของตนเองมาถึงทุกวันนี้

เด็กๆ กับบ้านที่ทำจากกล่องกระดาษรีไซเคิล
เด็กๆ กับบ้านที่ทำจากกล่องกระดาษรีไซเคิล

เวลาความสุขเต็มคุณภาพ นอกจากสร้างความผูกพันในครอบครัว ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถรับรู้และสังเกตบุคลิกตัวตนความสนใจของลูกๆ แต่ละคนที่ต่างกันไปแล้ว ยังเป็นเวลาและพื้นที่สำหรับเด็กๆ ได้เรียนรู้ผ่านการเล่น การลงมือทำ พร้อมไปกับการพัฒนาทักษะรอบด้าน ทั้งการสร้างสรรค์ ความคิดเชิงกลยุทธ การทำงานร่วมกัน ไปจนถึงการแก้ปัญหา และต่อเติมจินตนาการเต็มศักยภาพแห่งวัยเยาว์ และไม่เพียงเท่านั้น หากต่อมา ยังเกิดดอกผลงอกงามเกินคาดหมายสู่ผลงานสร้างสรรค์ซึ่งริเริ่มโดยสมาชิกตัวน้อยในครอบครัว กับหนังสือนิทานเล่มแรก ในชื่อ แมวกัดฉัน

“หนังสือนิทานแมวกัดฉัน เกิดจากน้องเวลา ลูกสาวคนเล็ก ที่เขียนไว้ตั้งแต่ยังอยู่อนุบาล 2 โดยเป็นคนคิดเรื่องราวและบอกเล่าจินตนาการในแต่ละหน้าของนิทาน และให้แม่ช่วยสะกดคำเป็นข้อความ วาดรูป และลงสี จากนั้นได้คุณเป็ด และคุณยูน (เป็ด–ภาคภูมิ ลมูลพันธ์ และยูน-พยูณ วรชนะนันท์ แห่ง Routine Studio) มาช่วยกันพัฒนาต่อยอด ปั้นคาแรคเตอร์ออกมา”

หนังสือนิทานสองภาษา เรื่องแมวกัดฉัน
หนังสือนิทานสองภาษา เรื่องแมวกัดฉัน

“หนังสือนิทานแมวกัดฉัน เกิดจากน้องเวลา ลูกสาวคนเล็ก ที่เขียนไว้ตั้งแต่ยังอยู่อนุบาล 2 โดยเป็นคนคิดเรื่องราวและบอกเล่าจินตนาการในแต่ละหน้าของนิทาน และให้แม่ช่วยสะกดคำเป็นข้อความ วาดรูป และลงสี จากนั้นได้คุณเป็ด และคุณยูน (เป็ด–ภาคภูมิ ลมูลพันธ์ และยูน-พยูณ วรชนะนันท์ แห่ง Routine Studio) มาช่วยกันพัฒนาต่อยอด ปั้นคาแรคเตอร์ออกมา”

ต้นฉบับร่างแรกของหนังสือนิทานแมวกัดฉัน
ต้นฉบับร่างแรกของหนังสือนิทานแมวกัดฉัน

ในระหว่างกระบวนการ น้องเวลามีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน เช่น การออกแบบตัวละคร การจัดหน้า โดยเป็นผู้ให้ความคิดเห็นที่หลายครั้งสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ใหญ่ได้ไม่น้อย เพราะเด็กๆ มักมองเห็นรายละเอียดที่ผู้ใหญ่อาจมองข้าม หรือเข้าไม่ถึง เช่น สัดส่วนของตัวละคร หรือจุดที่เด็กๆ ให้ความสนใจ เป็นต้น “กว่าจะเป็นรูปเล่มได้ แม้จะใช้เวลานาน แต่สุดท้ายก็ทำสำเร็จ เวลาดีใจมากที่เรื่องของตัวเองได้ตีพิมพ์เป็นหนังสือ และนำไปให้คุณครูที่โรงเรียนดูด้วยความภาคภูมิใจ”

ส่วนหนึ่งในเรื่องเล่าแห่งเวลาความสุข จากแมวกัดฉัน
ส่วนหนึ่งในเรื่องเล่าแห่งเวลาความสุข จากแมวกัดฉัน

แบรนด์ผลิตภัณฑ์ของใช้ของที่ระลึกที่ถือกำเนิดจากพื้นที่แห่งความคิดสร้างสรรค์ในครอบครัว เพื่อเสริมสร้างความสุขและส่งเสริมความยั่งยืนในสังคมคนรักแมว

ติดหูแล้ว ติดตาต่อ ก่อนสองมือน้อยๆ จะค่อยๆ ประกอบร่างเป็นเข็มกลัดแมวที่สมบูรณ์ตามจินตนาการ
ติดหูแล้ว ติดตาต่อ ก่อนสองมือน้อยๆ จะค่อยๆ ประกอบร่างเป็นเข็มกลัดแมวที่สมบูรณ์ตามจินตนาการ

ด้วยความรักในแมว ที่เริ่มจากได้เลี้ยงแมวตัวแรก “โมจิ” และต่อมาคือ “โนริ” แมวหาบ้าน ซึ่งกลายมาเป็นตัวละครหลักในนิทาน ผนวกด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่ครอบครัวได้แบ่งปันกันเสมอมา ต่อยอดมาสู่ไอเดียการสร้างแบรนด์ BAAN MAEW MAEW ซึ่งนำเสนอเรื่องราวและคาแรคเตอร์แมวผ่านผลิตภัณฑ์หลากหลาย อาทิ เสื้อผ้า ของใช้ และของที่ระลึก อย่างพวงกุญแจ หมวก กระเป๋า ในดีไซน์น่ารัก มีเอกลักษณ์ ผลิตด้วยวัสดุและกระบวนการที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพ ในราคาสมเหตุสมผล อีกทั้งยังผสานแนวคิดความใส่ใจในสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันด้วย และที่สำคัญที่สุด คือความตั้งใจให้ BAAN MAEW MAEW มอบประสบการณ์ความสุข สร้างรอยยิ้มให้กับทุกคน เช่นเดียวกันกับประสบการณ์ความสุขในครอบครัวของน้องเวลา ที่ต่อสานความรักจากกิจกรรมและสัตว์เลี้ยง ต่อยอดมาจนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และทักษะในหลายมิติ ควบคู่ไปกับการเติบโตของแบรนด์ จนเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ “BAAN MAEW MAEW” มีเอกลักษณ์และเข้าถึงใจคนรักแมวและครอบครัวได้อย่างแท้จริง

หน้าไหนดีนะ? ตัวอย่างบรรดาหน้าแมวๆ ที่เวิร์คช็อปของ BAAN MAEW MAEW
หน้าไหนดีนะ? ตัวอย่างบรรดาหน้าแมวๆ ที่เวิร์คช็อปของ BAAN MAEW MAEW
น้องเวลาใช้เข็มเย็บผ้าในการประกอบชิ้นงานฝีมือ ในเวิร์คช็อปประดิษฐ์เข็มกลัดรูปแมว
น้องเวลาใช้เข็มเย็บผ้าในการประกอบชิ้นงานฝีมือ ในเวิร์คช็อปประดิษฐ์เข็มกลัดรูปแมว

ในปัจจุบัน BAAN MAEW MAEW กำลังผลิตงานสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง ทั้งผลงานนิทานลำดับที่ 3, กิจกรรมหลากหลายที่จัดขึ้นในโอกาสต่างๆ รวมถึงแผนการพัฒนาคาแรคเตอร์แมวๆ ที่หลายคนชื่นชอบและติดตาม ไปสู่ธุรกิจรูปแบบ Intellectual Property Licensing เพื่อให้คาแรคเตอร์เป็นที่รู้จักกันในวงกว้างยิ่งขึ้น จากประเทศไทยไปสู่ตลาดสากล

เล่าเรื่องของเรื่องเล่า กับนักสร้างสรรค์ตัวน้อย ที่งาน Open House of Cat
เล่าเรื่องของเรื่องเล่า กับนักสร้างสรรค์ตัวน้อย ที่งาน Open House of Cat
น้องเวลาและแม่วิ วิชชุกร โชคดีทวีอนันต์ กับผลงานนิทานเล่มแรก แมวกัดฉัน และเล่มที่ 2 แมวน้อยหาบ้าน ที่งานสัปดาห์หนังสือ
น้องเวลาและแม่วิ วิชชุกร โชคดีทวีอนันต์ กับผลงานนิทานเล่มแรก แมวกัดฉัน และเล่มที่ 2 แมวน้อยหาบ้าน ที่งานสัปดาห์หนังสือ

MULAMATI

MULAMATI บนเส้นทางสายรุ้งแห่งจินตนาการ
พื้นที่แห่งการเรียนรู้และสร้างสรรค์สำหรับ “เด็ก” ที่อยู่ในหัวใจของทุกคน

รอยยิ้มแห่งความสุข กับวัยวันแห่งความสดใส ที่เด็กๆ ได้ใช้เวลาไปกับกิจกรรมเสริมสร้างจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ร่วมกัน ที่ชุมชนหมู่บ้านสายรุ้งมูลามาติ (Mulamati)
รอยยิ้มแห่งความสุข กับวัยวันแห่งความสดใส ที่เด็กๆ ได้ใช้เวลาไปกับกิจกรรมเสริมสร้างจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ร่วมกัน ที่ชุมชนหมู่บ้านสายรุ้งมูลามาติ (Mulamati)

เพราะความฝัน (dreams) นั้นไร้ขีดจำกัด (limitless) เหมือนกับการปั้นดินน้ำมันที่สามารถสร้างสรรค์ให้เป็นบ้านจริงๆ ได้ ดังเช่น “มูลามาติ” (Mulamati) รูปธรรมแห่งความฝันของคุณแอ้ คุณมทินา สุขะหุต 1 ในพี่น้อง 3 สาวผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Sretsis ที่ปลุกปั้นความตั้งใจในจินตนาการ สู่ชุมชนหมู่บ้านสายรุ้ง พื้นที่เล่น สร้างเสริมจินตนาการ และเรียนรู้ต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ ที่ไม่เป็นเพียงพื้นที่สำหรับเด็กๆ หรือประชากรตัวจิ๋ววัยเยาว์เท่านั้น หากยังต้อนรับ “เด็ก” ที่อยู่ในตัวของผู้ใหญ่ทุกคน เพื่อตอกย้ำว่า “ในหนึ่งชีวิต วันเวลาแห่งการเรียนรู้ ไม่มีวันหมดอายุ หรือขอบเขตสิ้นสุด”

วัยเด็ก คือห้วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับเล่นสนุก เรียนรู้ เพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ

คุณแอ้ มทินา สุขะหุต และเด็กๆ ในกิจกรรมวันสนุกท่ามกลางสายลมทะเล และแดดงาม
คุณแอ้ มทินา สุขะหุต และเด็กๆ ในกิจกรรมวันสนุกท่ามกลางสายลมทะเล และแดดงาม

“เพราะแอ้เชื่อว่า ถ้าเด็กมีความสุขในวัยเด็ก พวกเขาจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มั่นคง แอ้ไม่มีพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับเด็กนัก แต่เป็นคนช่างฝัน ที่มีความฝันอยากสร้างพื้นที่แห่งจินตนาการ ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ ได้เป็นในสิ่งที่พวกเขาเป็น โดยไม่ต้องมีกฎเกณฑ์อะไร” คำตอบเมื่อ QOQOON ถามถึงแรงบันดาลใจในการสร้างพื้นที่สำหรับเด็ก ที่ชื่อมูลามาติ “แอ้อยากเป็นผู้ใหญ่แบบที่ตัวเองต้องการเป็นตอนเด็ก ผู้ใหญ่ที่รู้ว่า เด็กต้องการเล่นและเรียนรู้ อีกทั้ง ‘ความเป็นเด็ก’ มีอยู่ในทุกคน แม้จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตาม”

ปั้นความฝันบนผืนดินริมทะเล ให้เป็นภาพจริงจากจินตนาการ

ลานใต้ต้นไทร จุดกำเนิดแรกของมูลามาติ ในปัจจุบัน เป็นพื้นที่เล่นและเรียนรู้ ที่ผสมผสานและประกอบกันขึ้นจากวัสดุรีไซเคิลหลากหลายชนิด
ลานใต้ต้นไทร จุดกำเนิดแรกของมูลามาติ ในปัจจุบัน เป็นพื้นที่เล่นและเรียนรู้ ที่ผสมผสานและประกอบกันขึ้นจากวัสดุรีไซเคิลหลากหลายชนิด
ลานใต้ต้นไทร จุดกำเนิดแรกของมูลามาติ ในปัจจุบัน เป็นพื้นที่เล่นและเรียนรู้ ที่ผสมผสานและประกอบกันขึ้นจากวัสดุรีไซเคิลหลากหลายชนิด
ลานใต้ต้นไทร จุดกำเนิดแรกของมูลามาติ ในปัจจุบัน เป็นพื้นที่เล่นและเรียนรู้ ที่ผสมผสานและประกอบกันขึ้นจากวัสดุรีไซเคิลหลากหลายชนิด

จากความตั้งใจ สู่ไอเดียตั้งต้น ด้วยจังหวะบังเอิญที่นำพาคุณแอ้ไปพบกับพื้นที่ในฝัน ซึ่งมีต้นไทรใหญ่มาก พร้อมบังกะโลไม้ไผ่ บนหาดตลิ่งงามของเกาะสมุย ที่มีป้ายเขียนว่า “Luna” ที่ไม่เพียงพ้องกันกับชื่อสุนัขของเธอเท่านั้น หากพอมองเข้าไปก็เจอยังเห็นป้ายเขียนข้อความ “Air Wind Fire” เธอติดต่อเจ้าของที่ บอกเล่าถึงโปรเจ็กต์ในฝัน ซึ่งเจ้าของที่ตอบตกลง พร้อมกับที่เธอเองตัดสินใจทันทีในวันเดียวกันนั้นเอง ทว่า กว่าจะเกิดเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้สำหรับเด็กๆ แห่งนี้ การเดินทางไปบนกระบวนการปั้นความฝัน ผ่านมือช่างผู้ก่อสร้างถึง 3 ราย เท่านั้นไม่พอ ยังเป็นช่วงเวลาที่ “ทำแล้วล้ม ทำแล้วล้ม” ซ้ำๆ จนรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง และเหนื่อยมากจน “ไม่ไหวแล้ว” ไม่อยากทำต่อ โดยเฉพาะหลังจากที่ผู้รับเหมารายที่ 2 ทิ้งงานไป จนคุณแอ้ตัดสินใจยังไม่หาผู้รับเหมาใหม่ แต่เลือกที่จะ “ทำงานกับตัวเอง” แทน โดยไปเข้าคอร์สเรียนครูโยคะ เป็นเวลา 1 เดือนเต็ม ไม่แตะต้องโทรศัพท์เลย “ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออก งานที่กรุงเทพฯ ก็เยอะ ที่นี่ (มูลามาติ) ก็ไปต่อไม่ได้ จึงขอหยุดพักทุกอย่าง ช่วงนั้นได้เจอน้องก้อย (วันวิสาข์ แก้วแสง ผู้ช่วยคนสำคัญในปัจจุบัน) เมื่อจบคอร์สโยคะ แอ้กลับมาพร้อมกับพลังงานบวก รู้สึกมีแรงที่จะทำโปรเจ็กต์ต่อไป จนกระทั่งได้ผู้รับเหมารายที่ 3 เข้ามาและดำเนินงานจนสำเร็จลุล่วงไปได้ดังตั้งใจ”

รายละเอียดและสีสันจากธรรมชาติ ได้รับการถ่ายทอดไว้ในแทบทุกพื้นที่ทั่วทั้งบริเวณของหมู่บ้านสายรุ้ง
รายละเอียดและสีสันจากธรรมชาติ ได้รับการถ่ายทอดไว้ในแทบทุกพื้นที่ทั่วทั้งบริเวณของหมู่บ้านสายรุ้ง

ทว่า กว่าจะเกิดเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้สำหรับเด็กๆ แห่งนี้ การเดินทางไปบนกระบวนการปั้นความฝัน ผ่านมือช่างผู้ก่อสร้างถึง 3 ราย เท่านั้นไม่พอ ยังเป็นช่วงเวลาที่ “ทำแล้วล้ม ทำแล้วล้ม” ซ้ำๆ จนรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง และเหนื่อยมากจน “ไม่ไหวแล้ว” ไม่อยากทำต่อ โดยเฉพาะหลังจากที่ผู้รับเหมารายที่ 2 ทิ้งงานไป จนคุณแอ้ตัดสินใจยังไม่หาผู้รับเหมาใหม่ แต่เลือกที่จะ “ทำงานกับตัวเอง” แทน โดยไปเข้าคอร์สเรียนครูโยคะ เป็นเวลา 1 เดือนเต็ม ไม่แตะต้องโทรศัพท์เลย “ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออก งานที่กรุงเทพฯ ก็เยอะ ที่นี่ (มูลามาติ) ก็ไปต่อไม่ได้ จึงขอหยุดพักทุกอย่าง ช่วงนั้นได้เจอน้องก้อย (วันวิสาข์ แก้วแสง ผู้ช่วยคนสำคัญในปัจจุบัน) เมื่อจบคอร์สโยคะ แอ้กลับมาพร้อมกับพลังงานบวก รู้สึกมีแรงที่จะทำโปรเจ็กต์ต่อไป จนกระทั่งได้ผู้รับเหมารายที่ 3 เข้ามาและดำเนินงานจนสำเร็จลุล่วงไปได้ดังตั้งใจ”

อีกมุมหนึ่งของห้องเด็กเล่น ที่ให้ความรู้สึก สงบ ผ่อนคลาย และปลอดภัย ดังความตั้งใจของคุณแอ้ ที่อยากให้เด็กๆ ได้เล่น เรียนรู้ และเป็นตัวเอง โดยไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ
อีกมุมหนึ่งของห้องเด็กเล่น ที่ให้ความรู้สึก สงบ ผ่อนคลาย และปลอดภัย ดังความตั้งใจของคุณแอ้ ที่อยากให้เด็กๆ ได้เล่น เรียนรู้ และเป็นตัวเอง โดยไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ

สนามเด็กเล่น โรงเรียนศิลปะ พื้นที่สีรุ้งสำหรับความสนุก และทุกการสร้างสรรค์อันไร้ขีดจำกัด

สนามหญ้ากว้างๆ โต๊ะเก้าอี้ไม้ ศาลาสายรุ้ง และเครื่องเล่น ใต้ต้นมะพร้าว เตรียมพร้อมไว้สำหรับเด็กๆ วิ่งเล่น สนุกกับกิจกรรม ที่หมุนเวียนกันมาเสริมสร้างจินตนาการและความเพลิดเพลิน
สนามหญ้ากว้างๆ โต๊ะเก้าอี้ไม้ ศาลาสายรุ้ง และเครื่องเล่น ใต้ต้นมะพร้าว เตรียมพร้อมไว้สำหรับเด็กๆ วิ่งเล่น สนุกกับกิจกรรม ที่หมุนเวียนกันมาเสริมสร้างจินตนาการและความเพลิดเพลิน

แนวคิดหลักในการออกแบบพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเด็กในฝันของคุณแอ้มาจากแนวคิด จักระทั้ง 7 อันสัมพันธ์กับการตั้งชื่อที่นี่ว่า “มูลามาติ” (Mulamati) โดย “มูลา” (Mula) มาจาก “มูลธาร” (Muladhara) หรือ Root Chakra ซึ่งเปรียบเหมือนรากฐานที่มั่นคงของบ้านและชีวิต ถ้าฐานแข็งแรง ทุกอย่างก็จะแข็งแรง เหมือนรากแก้วของต้นไม้ที่แข็งแรงย่อมทำให้เติบโตได้ดี “มาติ” (Mati) แปลว่า จินตนาการ เมื่อรวมกันจึงมีความหมายถึง “บ้านแห่งจินตนาการ” ที่เปิดต้อนรับทุกคนด้วยสีสันสดใสของสายรุ้ง ดังเป็นตัวแทนของความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการแห่งวัยเยาว์

Rainbow Shala ศาลาสีรุ้งด้านหน้าชายหาด
Rainbow Shala ศาลาสีรุ้งด้านหน้าชายหาด

“มูลามาติ จะเป็นอะไรก็ได้ เป็นที่ที่คนจะมาใช้เวลาร่วมกัน ด้วย tagline ที่ว่า MULAMATI Rainbow Village: The Land for kids and the kids in all of us! กิจกรรมมีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นศิลปะ งานประดิษฐ์ ดนตรี ทั้งเกมและกิจกรรมความสนุกสำหรับเด็กๆ ได้เล่นและเรียนรู้ มีสนามเด็กเล่นเปิดโล่งรับลมทะเล รวมถึงกิจกรรมสำหรับผู้ใหญ่ เช่น ทำผ้าบาติก สานหมวกจากทางมะพร้าว ทำฉาก และอยากจะมี cooking class ด้วย โดยเรียกผู้สอนว่า ‘คุณครูสายรุ้ง’ ที่จะมาแบ่งปันความรู้ และมีการหมุนเวียนกิจกรรมไปตามศิลปินหรือผู้สอนในแต่ละช่วง โดยไม่ได้กำหนดการใช้งานพื้นที่ตายตัว

Rainbow Shala ศาลาสีรุ้งพื้นที่สำหรับกิจกรรมร้อง เต้น เล่นดนตรี หรือกิจกรรมที่ต้องการการเคลื่อนไหว
Rainbow Shala ศาลาสีรุ้งพื้นที่สำหรับกิจกรรมร้อง เต้น เล่นดนตรี หรือกิจกรรมที่ต้องการการเคลื่อนไหว

“มูลามาติ จะเป็นอะไรก็ได้ เป็นที่ที่คนจะมาใช้เวลาร่วมกัน ด้วย tagline ที่ว่า MULAMATI Rainbow Village: The Land for kids and the kids in all of us! กิจกรรมมีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นศิลปะ งานประดิษฐ์ ดนตรี ทั้งเกมและกิจกรรมความสนุกสำหรับเด็กๆ ได้เล่นและเรียนรู้ มีสนามเด็กเล่นเปิดโล่งรับลมทะเล รวมถึงกิจกรรมสำหรับผู้ใหญ่ เช่น ทำผ้าบาติก สานหมวกจากทางมะพร้าว ทำฉาก และอยากจะมี cooking class ด้วย โดยเรียกผู้สอนว่า ‘คุณครูสายรุ้ง’ ที่จะมาแบ่งปันความรู้ และมีการหมุนเวียนกิจกรรมไปตามศิลปินหรือผู้สอนในแต่ละช่วง โดยไม่ได้กำหนดการใช้งานพื้นที่ตายตัว นอกจากนี้ ในคลาสศิลปะยังเน้นการสร้างสรรค์ด้วยวัสดุรีไซเคิล ซึ่งแอ้มีเศษผ้าจากการทำเสื้อผ้าเด็ก ได้นำมาใช้ประโยชน์ต่อ รวมถึงยังมีความตั้งใจอยากให้ผู้คนในชุมชนท้องถิ่นมาร่วมด้วย ซึ่งการเข้าถึงชุมชนอาจยังไม่เต็มที่นัก อย่างไรก็ตาม ปีนี้ มูลามาติได้เป็นสถานที่จัดสอนภาษาอังกฤษให้เด็กๆ ของเทศบาล ถือได้ว่าเป็นก้าวเล็กๆ ที่เติมกำลังใจในการเข้าถึงคนในท้องถิ่นค่ะ”

ที่เวิร์คช็อปมัดย้อม เด็กๆ กำลังมัดผ้า เพื่อสร้างโครงลวดลาย ก่อนนำผ้าไปย้อมสี
ที่เวิร์คช็อปมัดย้อม เด็กๆ กำลังมัดผ้า เพื่อสร้างโครงลวดลาย ก่อนนำผ้าไปย้อมสี

สานความฝัน ด้วยการสร้างสรรค์ความจริง กับขวบปีแรก และการเดินทางของหมู่บ้านสายรุ้ง

“แอ้รู้สึกว่า ตรงใจ แต่ยังไม่ถึงฝันในแง่ของคอมมูนิตี้ เพราะคิดว่าทำคนเดียวไม่ได้ ต้องการคนที่มีแนวคิดเดียวกันและเชื่อว่าสถานที่นี้จะนำมา ซึ่งคงต้องใช้เวลา เรามี Space แล้ว อยากให้ที่นี่เป็นเหมือนที่ที่คนมาได้บ่อยกว่านี้อีก และอยากมีกิจกรรมที่หลากหลายมากขึ้น เช่น มีคุณแม่มาสอนโยคะเป็นคลาสคอมมูนิตี้ แอ้รู้สึกเหมือนกำลังสร้างคอมมูนิตี้ในฝัน แม้ยังไม่แน่ใจว่าจะเกิดขึ้นจริงได้หรือไม่ แต่เริ่มเจอคนที่ภาษาเดียวกัน มีความต้องการเหมือนกัน ทว่า ยังอีกไกลกว่าจะสมบูรณ์ ส่วนในแง่ของธุรกิจ อาจยังห่างไกลจากความยั่งยืน เพราะไม่มีหุ้นส่วนทางธุรกิจ ทุกอย่างมาจากฝั่งครีเอทีฟและจินตนาการ ทำให้การใช้เงินไม่สมดุลกับรายได้” แม้ในด้านหนึ่ง สิ่งสำคัญตามฝันที่ตั้งใจไว้ยังไม่ครบถ้วน และหนทางยังอีกยาวไกลนัก แต่ทว่า เมื่อสอบถามถึงผลตอบรับจากผู้คนและประสบการณ์เมื่อเด็กๆ มาที่ถึงมูลามาติแล้วเป็นอย่างไรบ้าง? “ฟีดแบคโดยรวมดีในระดับหนึ่ง มีคนมาเยี่ยมเยียนและเด็กๆ สนุกสนานในสภาพแวดล้อมปลอดภัยที่เราตระเตรียมไว้ให้พวกเขาได้สำรวจ เด็กๆ มาถึงก็ถอดรองเท้าวิ่งเล่นอย่างอิสระ แอ้รู้สึกประสบความสำเร็จเมื่อเห็นเด็กๆ ยิ้มและครอบครัวมีความสุข”

สีสวยๆ ของดอกไม้และสายรุ้ง ช่วยขับเน้นบรรยากาศแห่งความสุขริมชายทะเล ที่มูลามาติ ให้เป็นพื้นที่แห่งจินตนาการที่แสนสดใส
สีสวยๆ ของดอกไม้และสายรุ้ง ช่วยขับเน้นบรรยากาศแห่งความสุขริมชายทะเล ที่มูลามาติ ให้เป็นพื้นที่แห่งจินตนาการที่แสนสดใส

“แอ้รู้สึกว่า ตรงใจ แต่ยังไม่ถึงฝันในแง่ของคอมมูนิตี้ เพราะคิดว่าทำคนเดียวไม่ได้ ต้องการคนที่มีแนวคิดเดียวกันและเชื่อว่าสถานที่นี้จะนำมา ซึ่งคงต้องใช้เวลา เรามี Space แล้ว อยากให้ที่นี่เป็นเหมือนที่ที่คนมาได้บ่อยกว่านี้อีก และอยากมีกิจกรรมที่หลากหลายมากขึ้น เช่น มีคุณแม่มาสอนโยคะเป็นคลาสคอมมูนิตี้ แอ้รู้สึกเหมือนกำลังสร้างคอมมูนิตี้ในฝัน แม้ยังไม่แน่ใจว่าจะเกิดขึ้นจริงได้หรือไม่ แต่เริ่มเจอคนที่ภาษาเดียวกัน มีความต้องการเหมือนกัน ทว่า ยังอีกไกลกว่าจะสมบูรณ์ ส่วนในแง่ของธุรกิจ อาจยังห่างไกลจากความยั่งยืน เพราะไม่มีหุ้นส่วนทางธุรกิจ ทุกอย่างมาจากฝั่งครีเอทีฟและจินตนาการ ทำให้การใช้เงินไม่สมดุลกับรายได้” แม้ในด้านหนึ่ง สิ่งสำคัญตามฝันที่ตั้งใจไว้ยังไม่ครบถ้วน และหนทางยังอีกยาวไกลนัก แต่ทว่า เมื่อสอบถามถึงผลตอบรับจากผู้คนและประสบการณ์เมื่อเด็กๆ มาที่ถึงมูลามาติแล้วเป็นอย่างไรบ้าง? “ฟีดแบคโดยรวมดีในระดับหนึ่ง มีคนมาเยี่ยมเยียนและเด็กๆ สนุกสนานในสภาพแวดล้อมปลอดภัยที่เราตระเตรียมไว้ให้พวกเขาได้สำรวจ เด็กๆ มาถึงก็ถอดรองเท้าวิ่งเล่นอย่างอิสระ แอ้รู้สึกประสบความสำเร็จเมื่อเห็นเด็กๆ ยิ้มและครอบครัวมีความสุข”

ความพิเศษของสายรุ้งในแบบฉบับมูลามาติ คือไม่ต้องรอหลังฝนตก หากพบเห็นได้เสมอ ทั้งที่ปรากฏแก่สายตาด้วยตกแต่งอยู่ในทั่วทุกบริเวณ และที่เบิกบานเป็นพื้นที่แห่งจินตนาการในหัวใจของ “เด็ก” ที่มีอยู่ในทุกคน
ความพิเศษของสายรุ้งในแบบฉบับมูลามาติ คือไม่ต้องรอหลังฝนตก หากพบเห็นได้เสมอ ทั้งที่ปรากฏแก่สายตาด้วยตกแต่งอยู่ในทั่วทุกบริเวณ และที่เบิกบานเป็นพื้นที่แห่งจินตนาการในหัวใจของ “เด็ก” ที่มีอยู่ในทุกคน

ประสบการณ์ตรง ประสบการณ์ตน ในระหว่างการสร้างพื้นที่แห่งการเรียนรู้และสร้างสรรค์ให้กับเด็กๆ

สีสันและบรรยากาศยามเย็นค่ำ ริมชายทะเล ที่มูลามาติ
สีสันและบรรยากาศยามเย็นค่ำ ริมชายทะเล ที่มูลามาติ

“โปรเจ็กต์นี้เหมือนเป็นการ ‘ถ่ายทอด’ ตัวตนแอ้ที่แท้จริง เป็นการเข้าถึงความเป็นเด็กในตัวเอง เป็น ‘dream project’ ที่ทำให้เติบโตขึ้นมาก เป็นการเติบโตทั้งในระดับจิตวิญญาณ (spiritual level) และการเรียนรู้ในกระบวนการคิด และทำด้วยตนเองอย่างแท้จริง จากที่เคยทำธุรกิจ (แบรนด์เครื่องประดับ) ซึ่งอาจมีคนคอยสนับสนุน ครั้งนี้เหมือนต้องลุยเองทุกอย่าง สร้างจากศูนย์ ตั้งแต่พื้นที่เปล่าๆ มีหลายช่วงเวลาที่ท้อจนไม่ไหว และอดสงสัยไม่ได้ว่า ‘นี่หรือคือ passion project ทำไมมันใหญ่และหนักขนาดนี้’ ทั้งๆ ที่มีงานประจำอยู่แล้ว สิ่งนี้เหมือนเป็นสิ่งที่ควรจะทำตอนเกษียณมากกว่า” แต่ที่สุด เมื่อได้เห็นภาพฝันซึ่งปรากฏขึ้นจริงอยู่ตรงหน้า ได้สัมผัสกับพลังงานความสุขจากเด็กๆ และทุกคนที่ได้มาเยือน เห็นความเพลิดเพลินกับกิจกรรมสร้างสรรค์ ที่แต่ละคนได้ต่อยอดจินตนาการ ได้ให้เวลากับ “ความเป็นเด็ก” ในตัว ท่ามกลางการโอบล้อมอันงดงามของธรรมชาติ เหล่านี้เป็นยิ่งกว่าผลลัพธ์อันเป็นที่ประจักษ์ซึ่งตอกย้ำคุณแอ้ว่า “เรามาไกลมาก” ในโปรเจ็กต์นี้ที่ทำให้เธอ “ใจดีกับตัวเอง” มากขึ้น และคอยให้กำลังใจตัวเองเสมอว่า “เก่งมากเลยนะ มาถึงขนาดนี้ได้โดยไม่ยอมแพ้”

Note to all. Nothing “even art” perfect. เล็กน้อยที่น่าคิด ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ แม้กระทั่งงานศิลปะ
Note to all. Nothing “even art” perfect. เล็กน้อยที่น่าคิด ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ แม้กระทั่งงานศิลปะ

“โปรเจ็กต์นี้เหมือนเป็นการ ‘ถ่ายทอด’ ตัวตนแอ้ที่แท้จริง เป็นการเข้าถึงความเป็นเด็กในตัวเอง เป็น ‘dream project’ ที่ทำให้เติบโตขึ้นมาก เป็นการเติบโตทั้งในระดับจิตวิญญาณ (spiritual level) และการเรียนรู้ในกระบวนการคิด และทำด้วยตนเองอย่างแท้จริง จากที่เคยทำธุรกิจ (แบรนด์เครื่องประดับ) ซึ่งอาจมีคนคอยสนับสนุน ครั้งนี้เหมือนต้องลุยเองทุกอย่าง สร้างจากศูนย์ ตั้งแต่พื้นที่เปล่าๆ มีหลายช่วงเวลาที่ท้อจนไม่ไหว และอดสงสัยไม่ได้ว่า ‘นี่หรือคือ passion project ทำไมมันใหญ่และหนักขนาดนี้’ ทั้งๆ ที่มีงานประจำอยู่แล้ว สิ่งนี้เหมือนเป็นสิ่งที่ควรจะทำตอนเกษียณมากกว่า” แต่ที่สุด เมื่อได้เห็นภาพฝันซึ่งปรากฏขึ้นจริงอยู่ตรงหน้า ได้สัมผัสกับพลังงานความสุขจากเด็กๆ และทุกคนที่ได้มาเยือน เห็นความเพลิดเพลินกับกิจกรรมสร้างสรรค์ ที่แต่ละคนได้ต่อยอดจินตนาการ ได้ให้เวลากับ “ความเป็นเด็ก” ในตัว ท่ามกลางการโอบล้อมอันงดงามของธรรมชาติ เหล่านี้เป็นยิ่งกว่าผลลัพธ์อันเป็นที่ประจักษ์ซึ่งตอกย้ำคุณแอ้ว่า “เรามาไกลมาก” ในโปรเจ็กต์นี้ที่ทำให้เธอ “ใจดีกับตัวเอง” มากขึ้น และคอยให้กำลังใจตัวเองเสมอว่า “เก่งมากเลยนะ มาถึงขนาดนี้ได้โดยไม่ยอมแพ้”

คุณแอ้ ผู้เชื่อว่า ความฝันไร้ขีดจำกัด และปั้นความฝันที่จะสร้างสรรค์พื้นที่แห่งการเรียนรู้สำหรับเด็กๆ ให้เกิดขึ้นจริง ที่ชุมชนหมู่บ้านสายรุ้งมูลามาติ หาดตลิ่งงาม เกาะสมุย
คุณแอ้ ผู้เชื่อว่า ความฝันไร้ขีดจำกัด และปั้นความฝันที่จะสร้างสรรค์พื้นที่แห่งการเรียนรู้สำหรับเด็กๆ ให้เกิดขึ้นจริง ที่ชุมชนหมู่บ้านสายรุ้งมูลามาติ หาดตลิ่งงาม เกาะสมุย

Story: Sujittra Chanchaicharoengul
Photos: Whisky Markdee, พากันเล่น, Baan Maew Maew, Mulamati, Imaginary Objects

Share

The individual responsible for conceiving and developing ‘play and learning spaces’ for children brings a breadth of diverse roles and extensive experience to the endeavor. These spaces transcend physical boundaries, representing critical developmental platforms that facilitate comprehensive growth, creative expression, and imaginative exploration in all facets.

Pakanlen
The Facebook page “Pakanlen” (พากันเล่น), which playfully originated from “Pa Kan Len” – meaning “take Kan to play” (Kan being the child of founders Aja and Nui), has blossomed from a simple idea of family activities into a thriving community of creative play. It brings together like-minded parents who view their children’s free time as a crucial period for growth through experimentation and learning.

What started as small gatherings among friends evolved into an open platform for other families. At its core, “Pakanlen” believes that activities should be genuinely enjoyable for parents first, as this enthusiasm guarantees a high-quality and delightful experience for the children. As the admin team emphasizes, “If parents aren’t excited to plan it, we don’t do it!” This commitment ensures that every activity is packed with quality and fun.
Led by Aja and Nui (Kan’s parents) and joined by Carrot (a handmade craft freelancer) and Pom (a film director), the “Pakanlen” admin team of four, representing two families, actively designs and curates activities. Having just celebrated its first anniversary, the page focuses on experiential learning and hands-on activities, promoting observation, learning, and communication.The team leverages each parent’s unique skills and interests to craft diverse and enriching experiences. They firmly believe that these activities foster holistic development, including creativity, imagination, problem-solving skills, and collaboration. Beyond their own events, “Pakanlen” also partners with other groups and organizations that share their philosophy of creative play, continuously expanding their circle of joyful learning and friendship.

Pakanlen designs activities by carefully considering what makes play genuinely fun and creatively enriching. Their approach focuses on helping children observe, learn, and communicate through hands-on, experiential activities that draw inspiration from everyday life. Every activity is a unique blend of planned learning outcomes and open-ended discoveries, allowing children to experiment, express ideas, and even make mistakes without judgment. A crucial element is collaborative play, which naturally fosters social skills and problem-solving.
The core of the page’s success is a deep understanding of children’s needs. They recognize that every child is unique in their interests, strengths, and learning pace. The team prioritizes creating a supportive, non-judgmental environment where children feel safe and free to be themselves, believing that this atmosphere is key to effective learning. They emphasize the process over the outcome, valuing the experience of doing, thinking, and learning from mistakes far more than a perfect final product. Parents are seen as vital partners, whose active participation and support significantly enhance their children’s learning journey.

“Pakanlen” envisions becoming more than just an activity group; their dream is to build a robust “learning community.” They aspire to create a space where parents, children, and community members come together to co-create positive experiences, share knowledge, and inspire one another, ultimately contributing to children’s development and a better society.

 

Yarinda Bunnag on Designing “Play Stories” for Creative Happiness
Yarinda Bunnag, Co-founder of the design studio Imaginary Objects (IO), uses her dual roles as a mother and an architect to create meaningful and creatively enriching play spaces for children. Recognizing the critical importance of a “Third Place” beyond home and school, where children can socialize and develop skills, she saw a significant lack of playgrounds and public outdoor spaces in Bangkok, particularly during the 2020 pandemic.

This observation led IO to propose a project to the Creative Economy Agency (CEA) focused on transforming unused urban spaces into community magnets by building playgrounds. Supported by Vespa (Thailand), this initiative successfully launched three pilot playgrounds, turning neglected areas into vibrant hubs where families could connect and children could learn through play.

Bunnag’s approach to playground design is unique, moving beyond traditional architecture. She thinks in three dimensions, considering how children climb, swing, and hang, utilizing every surface like a sculpture. These smaller-scale projects offer quick, tangible results, bringing immense satisfaction when seeing children’s joy. With a background in teaching, shared with her Co-founder Roberto Requejo Belette, Bunnag views playgrounds as vital learning tools for child development, leading to numerous designs that integrate learning, development, and creativity.

This philosophy extended to “Kitblox,” a portable playground concept for a children’s festival. Instead of building a playground for children, IO designed oversized, colorful blocks that empower children to build their own play spaces. This open-ended approach encourages teamwork, coordination, and creative problem-solving. Children learn by doing, experimenting, and even embracing failure as part of the process. Bunnag’s own children are often involved in testing and providing feedback on designs, ensuring they meet the needs and preferences of young users.

Working on children’s play spaces has profoundly impacted Bunnag’s broader design perspective. She’s gained fresh insights from children’s unrestricted creativity and willingness to explore unconventional uses of space. This experience has pushed her to think outside the box and challenge traditional design norms, leading to more innovative solutions across all her architectural projects. The core lesson is that understanding the users and embracing their unique perspectives can unlock the full potential of any space, fostering creative happiness for both children and adults.

 

BAAN MAEW MAEW: Where Family Play Inspires Creative Enterprise
The “BAAN MAEW MAEW” brand is a testament to the power of quality family time and imaginative play, transforming shared experiences into a creative enterprise. It all began during the COVID-19 pandemic when fashion designer Vitchukorn “Vi” Chokedeetaweeanan and her family — husband Bon, their son, and young daughter Vela — spent ample time together. Activities like reading storybooks and crafting toys with recycled materials, such as building a paper house craft from recycled boxes, not only strengthened family bonds but also fostered creativity and problem-solving skills in the children.

This family environment led to the creation of the picture book “The Cat Bites Me” initiated by Vela, who was in kindergarten at the time. Vela conceived the story and imagery, with her mother assisting with text, drawing, and coloring. Collaborating with Routine Studio’s Ped Pakpoom Lamoonpan and Yune Payoon Worachananan, the character designs were refined. Vela actively participated throughout the process, offering insightful feedback that often surprised the adults, demonstrating children’s unique perspective on detail. The successful publication of her story brought Vela immense pride and became the foundation for the “BAAN MAEW MAEW” brand.

Driven by a love for their cats, Moji and Nori (who became the book’s main characters), and the family’s shared creativity, “BAAN MAEW MAEW” now offers a range of merchandise, including clothing, accessories, and souvenirs featuring their distinctive cat characters. These products emphasize quality, affordability, and environmental consciousness. Crucially, “BAAN MAEW MAEW” aims to spread the same joy and smiles that their family experienced, integrating love for animals, creative development, and multi-dimensional skill-building into their brand. They are currently working on a third storybook, various activities, and plans to expand their cat characters into Intellectual Property Licensing for a wider, international audience.

From a designer and mother’s perspective, the most vital elements in fostering children’s creativity and imagination are shared family activities and learning through play. Vitchukorn emphasizes creating an open, non-judgmental environment where children can explore their interests freely. She believes mistakes are a crucial part of learning, encouraging children to experiment, learn from failures, and express themselves with the vital encouragement and support of their parents, regardless of a perfect outcome.

 

Mulamati: A Rainbow Village for kids and the kids in all of us.
Mulamati, meaning “House of Imagination,” is the tangible dream of Matina “Ae” Sukhahuta, co-founder of the Sretsis brand. It’s a vibrant rainbow village on Koh Samui designed as a limitless space for play, imagination, and creative learning, not just for children but for the “inner child” within every adult. Ae believes that a happy childhood fosters secure adults and that learning is a lifelong journey.

Driven by a desire to create a space where children could freely learn and be themselves, Ae serendipitously discovered a plot of land with a large Banyan tree and bamboo bungalows on Taling Ngam Beach. Despite facing numerous setbacks, including two contractors abandoning the project, Ae persevered. During a challenging period, she took a month-long yoga training course, a crucial step that helped her regain positive energy and eventually find a third contractor to bring her vision to life.

The core concept of Mulamati’s design is inspired by the seven chakras, with “Mula” from Muladhara (Root Chakra) signifying a strong foundation, and “Mati” meaning imagination. The result is a welcoming, colorful space that represents childhood creativity. Mulamati aims to be a “MULAMATI Rainbow Village: The Land for kids and the kids in all of us!” offering diverse activities like art, crafts, music, games, and an open-air playground. They also plan adult workshops, such as batik making and coconut leaves weaving, led by rotating instructors called “rainbow teachers.” Emphasizing sustainability, art classes often incorporate recycled materials, and there’s a strong desire to involve the local community, evidenced by Mulamati hosting English classes for the local municipality’s children.

While Mulamati has garnered positive feedback, with children happily exploring and families enjoying the safe environment, Ae acknowledges that building a complete community and achieving business sustainability remain ongoing challenges. She envisions a more active community space with diverse, frequent activities and a stronger financial foundation. However, witnessing children’s smiles and families’ joy, and recognizing the personal growth she’s experienced through this “dream project,” reaffirms that she has come a long way. This journey has taught her to be kinder to herself and to celebrate her perseverance in bringing Mulamati to fruition.