Design
PLAY+LEARN
Design For Kids’ Community
ต่างรูปแบบ หลายบทบาท หลายประสบการณ์ของผู้สร้าง “พื้นที่เล่นและเรียนรู้” สำหรับเด็กๆ ที่มิได้จำกัดหมายความเพียงพื้นที่ทางกายภาพเท่านั้น หากสำคัญยิ่งกว่า คือ พื้นที่แห่งพัฒนาการที่กว้างไกล พร้อมด้วยความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการในทุกมิติ
Facebook Page: พากันเล่น
จากจุดเริ่มต้น เพียงคำเดียว คือ คำว่า “เล่น”
ใครเลยจะรู้ว่า จากการนึกคิดหากิจกรรมให้สมาชิกตัวจิ๋วในครอบครัว จะต่อยอด เติบโตสู่กลุ่มก้อนความสนุก จนกลายมาเป็นชุมชนแห่งการเล่นอย่างสร้างสรรค์ ที่กลุ่มพ่อแม่ผู้ปกครองซึ่งมีจริตจิตใจพ้องกัน มองเห็นกิจกรรมในเวลาว่างของลูกๆ เป็นการเสริมสร้างห้วงวัยสำคัญผ่านการทดลอง เรียนรู้ ที่ไม่เพียงแต่เด็กๆ จะได้สนุกสนานมาพร้อมพัฒนาการกันอย่างสมวัยเท่านั้น หากในเวลาเดียวกัน ผู้ใหญ่เองก็ได้พัฒนาความสุขกับเวลาคุณภาพที่ได้ใช้เวลาร่วมกันกับอีกหลายครอบครัว พร้อมทั้งขยับขยายแวดวงมิตรภาพไปด้วยในตัว และที่สำคัญคือ ความสุข ความสนุกสนานที่จำเป็นเสมอ ดังที่แม่ๆ และพ่อๆ ทีมแอดมินเพจ “พากันเล่น”ย้ำว่า แต่ละกิจกรรมสนุกตั้งแต่คิด และทุกครั้งที่คิดกิจกรรม พ่อแม่ต้องสนุกก่อน ไม่เช่นนั้น ไม่ทำ! ใจความสำคัญนี้ คงเป็นเครื่องการันตีได้ดีไม่น้อยถึงกิจกรรมวันสนุกของเด็กๆ สไตล์เพจพากันเล่นที่จัดเสิร์ฟกันแบบเต็มคุณภาพและความเพลิน
ขึ้นต้นด้วยพา “กาญจน์” (ลูกเรา) เล่น ขยายสู่การชวนกันเพลินเป็นหมู่คณะ เล่นด้วยกัน เรียนรู้ไปด้วยกัน
“เฟซบุคเพจ ‘พากันเล่น’ เริ่มต้นจากการรวมตัวของกลุ่มผู้ปกครองที่อยากทำกิจกรรมกับลูกๆ ค่ะ ชื่อ ‘พากันเล่น’ จริงๆ แล้วเพี้ยนมาจากคำว่า “พากาญจน์ไปเล่น” (น้องกาญจน์คือชื่อลูกของแม่อัจและพ่อหนุ่ย) ตอนแรกๆ ก็ทำกิจกรรมกันเองเล็กๆ ในกลุ่มเพื่อนผู้ปกครอง แล้วจึงพัฒนามาเป็นเพจและกิจกรรมที่เปิดกว้างให้ครอบครัวอื่นๆ เข้าร่วมด้วย จากเพจเดิมที่เป็นโครงการหนังสือดี ปรับเปลี่ยนมาเน้นกิจกรรมสร้างสรรค์สำหรับเด็กโดยตรง” แม่อัจ อัจฉรา กาญนาภรณ์ หนึ่งในทีมแอดมินเล่าให้ฟังถึงที่มาของเพจ
“เฟซบุคเพจ ‘พากันเล่น’ เริ่มต้นจากการรวมตัวของกลุ่มผู้ปกครองที่อยากทำกิจกรรมกับลูกๆ ค่ะ ชื่อ ‘พากันเล่น’ จริงๆ แล้วเพี้ยนมาจากคำว่า “พากาญจน์ไปเล่น” (น้องกาญจน์คือชื่อลูกของแม่อัจและพ่อหนุ่ย) ตอนแรกๆ ก็ทำกิจกรรมกันเองเล็กๆ ในกลุ่มเพื่อนผู้ปกครอง แล้วจึงพัฒนามาเป็นเพจและกิจกรรมที่เปิดกว้างให้ครอบครัวอื่นๆ เข้าร่วมด้วย จากเพจเดิมที่เป็นโครงการหนังสือดี ปรับเปลี่ยนมาเน้นกิจกรรมสร้างสรรค์สำหรับเด็กโดยตรง” แม่อัจ อัจฉรา กาญนาภรณ์ หนึ่งในทีมแอดมินเล่าให้ฟังถึงที่มาของเพจ
จากครอบครัวแรกของน้องกาญจน์ ที่มีแม่อัจและพ่อหนุ่ยเป็นหัวขบวน ขยายวงไปชวนครอบครัวน้องอลิน ที่มีความสนใจคล้ายกัน ทั้งแม่แครอท ซึ่งเป็นฟรีแลนซ์ ทำงานแนวแฮนด์เมด และพ่อป้อม ผู้มีอาชีพเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ ที่ได้แทคทีมร่วมกับแม่อัจและพ่อหนุ่ย ครอบครัวน้องกาญจน์ จนต่อมากลายเป็นตัวยืนในการคิดและสร้างสรรค์กิจกรรมการ “เล่น” ของเพจพากันเล่น สำหรับเด็กๆ และครอบครัวที่สนใจกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านการเล่นและประสบการณ์ตรง ในปัจจุบัน เพจพากันเล่น มีอายุได้ 1 ปีหมาดๆ โดยมีทีมแอดมิน 4 คน จาก 2 ครอบครัว ได้แก่ อัจฉรา กาญจนาภรณ์ (แม่อัจ) จิโรจ กาญจนาภรณ์ (พ่อหนุ่ย) ญาณี อรุณเพ็ง (แม่แครอท) และพุทธิพงษ์ อรุณเพ็ง (พ่อป้อม) เป็นหลักในการคิดสร้างสรรค์กิจกรรมทั้งในนามของเพจพากันเล่นเอง รวมถึงมีการต่อยอดไปร่วมมือในการร่วมเล่นอย่างสร้างสรรค์กับกลุ่ม องค์กร หรือหน่วยงานต่างๆ ที่มีทิศทางแนวคิดในเรื่องเล่นที่พ้องกันด้วย
ออกแบบกิจกรรมดีเด็ดสำหรับเด็ก เติมเต็มเวลาสนุกเล่น ให้เป็นประโยชน์

“หัวใจหลักของเราคือการให้เด็กได้ ‘สังเกต เรียนรู้ สื่อสาร’ ผ่านการเล่นและลงมือทำจริง (Experiential Learning & Hands-on Activities) เพราะเราเชื่อว่า กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการรอบด้าน ทั้งความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ ทักษะการแก้ปัญหา และการทำงานร่วมกับผู้อื่น โดยเราจะดึงความถนัดและความสนใจของผู้ปกครองแต่ละคนมาช่วยกันออกแบบกิจกรรม” คำตอบจากแม่อัจ มาพร้อมกับ 4 กิจกรรมที่ “พากันเล่น” เคยชวนกันคิด ช่วยกันออกแบบและจัดให้เกิดขึ้นในระหว่างช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมา โดยแต่ละกิจกรรมก็จะมีแนวคิดและกระบวนการที่แตกต่างกันไปตามเป้าหมายและธีม
กิจกรรม "ผังเมืองและโมเดลบ้านจากกระดาษ" (Mapping & Model Making) โดยแม่อัจและพ่อหนุ่ย
แนวคิด: ชวนเด็กๆ เรียนรู้และสังเกตสภาพแวดล้อมรอบตัว (เช่น บริเวณรอบองค์พระปฐมเจดีย์) และสื่อสารผ่านการวางผังพื้นที่ การทำแผนที่ และการสร้างโมเดลสามมิติ
กระบวนการ: ให้ผู้ปกครองขับรถพาลูกๆ วนรอบองค์พระปฐมเจดีย์ เพื่อให้เด็กๆ สังเกตและจดจำรายละเอียดของพื้นที่จริง แล้วกลับมาเล่าสิ่งที่เห็น ต่อด้วยการสร้างแผนที่และโมเดลบ้านของตัวเองจากอุปกรณ์ที่เตรียมไว้ให้ สุดท้าย นำมาประกอบกันเป็นเมืองจำลองของกลุ่ม
แนวคิด: ชวนเด็กๆ เรียนรู้และสังเกตสภาพแวดล้อมรอบตัว (เช่น บริเวณรอบองค์พระปฐมเจดีย์) และสื่อสารผ่านการวางผังพื้นที่ การทำแผนที่ และการสร้างโมเดลสามมิติ
กระบวนการ: ให้ผู้ปกครองขับรถพาลูกๆ วนรอบองค์พระปฐมเจดีย์ เพื่อให้เด็กๆ สังเกตและจดจำรายละเอียดของพื้นที่จริง แล้วกลับมาเล่าสิ่งที่เห็น ต่อด้วยการสร้างแผนที่และโมเดลบ้านของตัวเองจากอุปกรณ์ที่เตรียมไว้ให้ สุดท้าย นำมาประกอบกันเป็นเมืองจำลองของกลุ่ม
กิจกรรม "วาดภาพองค์พระปฐมเจดีย์" (Sketching & Drawing) โดยครูอั๊ง อังคณา สิริวรรณศิลป์
แนวคิด: ส่งเสริมทักษะการสังเกต การถ่ายทอดสิ่งที่เห็นสู่ภาพวาด และเรียนรู้เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมท้องถิ่น
กระบวนการ: เริ่มจากการพาเด็กๆ ไปเดินชมพิพิธภัณฑ์นครปฐมเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและความรู้เบื้องต้น จากนั้นครูอั๊งช่วยสอนเทคนิคการวาดภาพ โดยให้เด็กๆ เลือกมุมมองขององค์พระปฐมเจดีย์ที่ตัวเองสนใจแล้ววาดออกมา
แนวคิด: ส่งเสริมทักษะการสังเกต การถ่ายทอดสิ่งที่เห็นสู่ภาพวาด และเรียนรู้เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมท้องถิ่น
กระบวนการ: เริ่มจากการพาเด็กๆ ไปเดินชมพิพิธภัณฑ์นครปฐมเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและความรู้เบื้องต้น จากนั้นครูอั๊งช่วยสอนเทคนิคการวาดภาพ โดยให้เด็กๆ เลือกมุมมองขององค์พระปฐมเจดีย์ที่ตัวเองสนใจแล้ววาดออกมา
กิจกรรม "ปั้นดินสร้างสรรค์" (Clay Sculpting) โดยครูจูน อรวรรณ แสงแก้ว
แนวคิด: พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก จินตนาการ และการทำงานกับวัสดุสามมิติ
กระบวนการ: ครูจูนมาสอนเทคนิคการปั้นพื้นฐาน ให้เด็กๆ ได้ทดลองปั้นตามจินตนาการของตัวเอง หรือปั้นตามโจทย์ที่กำหนด เช่น ปั้นองค์พระปฐมเจดีย์
แนวคิด: พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก จินตนาการ และการทำงานกับวัสดุสามมิติ
กระบวนการ: ครูจูนมาสอนเทคนิคการปั้นพื้นฐาน ให้เด็กๆ ได้ทดลองปั้นตามจินตนาการของตัวเอง หรือปั้นตามโจทย์ที่กำหนด เช่น ปั้นองค์พระปฐมเจดีย์
กิจกรรม "แต่งหน้าผี Special Effects" (SFX Makeup for Kids) โดยพ่อป้อมและเพื่อนๆ สายงานภาพยนตร์
แนวคิด: อยากให้เด็กๆ เข้าใจว่า “ผี” ในภาพยนตร์ที่เด็กๆ หลายคนหวาดกลัวนั้น สร้างขึ้นจากเทคนิคพิเศษ เพื่อลดความกลัวและเปิดโลกจินตนาการด้านการสร้างสรรค์ไปในตัว
กระบวนการ: สร้างบรรยากาศและจำลองฉาก พร้อมนักแสดงที่แต่งเป็นผีให้เด็กๆ ดู ก่อนจะเฉลย พร้อมชวนเด็กๆ ทำ Special Effects แต่งหน้าผีกันอย่างง่ายๆ ด้วยวัสดุที่ปลอดภัยและหาได้ใกล้ตัว
แนวคิด: อยากให้เด็กๆ เข้าใจว่า “ผี” ในภาพยนตร์ที่เด็กๆ หลายคนหวาดกลัวนั้น สร้างขึ้นจากเทคนิคพิเศษ เพื่อลดความกลัวและเปิดโลกจินตนาการด้านการสร้างสรรค์ไปในตัว
กระบวนการ: สร้างบรรยากาศและจำลองฉาก พร้อมนักแสดงที่แต่งเป็นผีให้เด็กๆ ดู ก่อนจะเฉลย พร้อมชวนเด็กๆ ทำ Special Effects แต่งหน้าผีกันอย่างง่ายๆ ด้วยวัสดุที่ปลอดภัยและหาได้ใกล้ตัว
“หลังจากที่เด็กๆ ทำกิจกรรมแต่งหน้าผีแล้ว มีหลากหลายปฏิกิริยา บางคนก็ตื่นเต้น สนุกกับการได้ทดลองแต่งหน้าผีให้ตัวเองหรือเพื่อนๆ แต่ก็มีเด็กบางคนที่ยังคงกลัวอยู่บ้าง ร้องไห้ หรือช็อคไปเลยก็มีค่ะ แต่พอเราค่อยๆ เฉลยและอธิบายว่า นี่คือการสร้างขึ้น พวกเขาค่อยๆ เข้าใจและผ่อนคลายมากขึ้น บางคนถึงกับบอกว่า ‘ฉันรู้ทันแล้ว!’ ซึ่งน่ารักดีค่ะ สิ่งสำคัญคือการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้เด็กๆ ได้แสดงออกถึงความรู้สึกของตัวเองไปด้วยในตัว”
วัตถุดิบใช้ในการปรุงเวลาเล่นอย่างสร้างสรรค์ อยู่ที่การคิดและออกแบบกิจกรรมเสริมความสนุก สร้างจินตนาการ จากเรื่องราวรอบตัว และส่งเสริมการเรียนรู้อย่างเปิดกว้างมากที่สุด
เพจพากันเล่นออกแบบกิจกรรมอย่างมีกระบวนคิดและทำที่ชัดเจน จับต้องได้ และมีหลากหลายแง่มุมแห่งการเรียนรู้ โดยมีโจทย์ตั้งต้นคือความสนุก ผนวกด้วยความเพลิดเพลินอย่างสร้างสรรค์ เด็กๆ ได้เล่นและเรียนรู้จากกิจกรรมที่ไม่ซ้ำแบบใคร ส่วนผลลัพธ์นั้น มีทั้งสิ่งที่ตั้งใจตั้งแต่ต้น พร้อมด้วยผลแบบปลายเปิดตามแต่การเรียนรู้ อย่างสร้างสรรค์ อีกทั้งจินตนาการและประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในสถานการณ์จริงในแต่ละกิจกรรมจะนำพาให้ได้พบ หรือเกิดขึ้นตามมา ท่ามกลางบรรยากาศสนุกสนาน เป็นกันเอง เปิดโอกาสกว้างให้เด็กๆ ได้ทดลอง เรียนรู้ และสร้างสรรค์ ขยายขอบเขตแห่งจินตนาการ และเชื่อมสานกับของจริงที่ได้ทำ ได้แสดงความคิดเห็น ลองผิดลองถูก โดยไม่มีการตัดสิน และที่ขาดไม่ได้ คือ การได้ทำงานร่วมกันกับเพื่อนๆ ซึ่งเป็นกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาทักษะทางสังคมและการแก้ปัญหาร่วมกันไปในตัวด้วย
ด้วยประสบการณ์ของ “พากันเล่น” ทำให้เห็น “หัวใจ” ของการสร้างสรรค์กิจกรรมสำหรับเด็กๆ
“ความเข้าใจในตัวเด็ก คือ สิ่งสำคัญที่สุด ธรรมชาติของเด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ทั้งความสนใจ ความถนัด และจังหวะการเรียนรู้ เราพยายามที่จะสังเกตและปรับกิจกรรมให้เข้ากับพวกเขามากที่สุด ด้วยบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ เพราะเราเชื่อว่า เด็กจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดเมื่อเขารู้สึกสนุก ปลอดภัย และเป็นตัวของตัวเอง เราจึงพยายามสร้างบรรยากาศที่เป็นกันเอง ไม่ตัดสิน และเปิดโอกาสให้เขาได้ทดลองทำสิ่งต่างๆ ให้ความสำคัญกับ ‘กระบวนการ’ มากกว่า ‘ผลลัพธ์’ ค่ะ การที่เด็กได้ลงมือทำ ได้คิด ได้แก้ปัญหา และได้เรียนรู้จากความผิดพลาด เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากกว่าการได้ผลงานที่สวยงามสมบูรณ์แบบ และที่จะลืมไม่ได้เลย คือ ผู้ปกครองคือ ‘พาร์ทเนอร์’ ที่สำคัญในการเรียนรู้ของเด็ก การที่ผู้ปกครองได้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรม ไม่ใช่แค่ในฐานะผู้สังเกตการณ์ แต่เป็นผู้ร่วมเรียนรู้และผู้สนับสนุน จะช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับเด็กๆ ได้มากยิ่งขึ้น” แนวคิด กระบวนการ และผลลัพธ์ประทับใจ แม่อัจช่วยรวบใจความสำคัญของการสร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อการเรียนรู้สำหรับเด็ก ให้ยิ่งครบถ้วนสมบูรณ์
ไขความลับเล็กๆ เสริมเวลาเล่นอย่างสร้างสรรค์ได้ในทุกครอบครัว
นอกเหนือจากแบ่งปันไอเดีย กิจกรรม เรื่องราวประสบการณ์ตรงของเพจแล้ว ทีมพากันเล่นยังมีแถมพกฝากแบ่งปันถึงคุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองท่านอื่นๆ ที่อาจจะกำลังมองหากิจกรรมดีๆ ให้กับลูกๆ ที่ทุกครอบครัวสามารถทำได้ โดยมีกุญแจสำคัญ 4 ประการ
- เริ่มต้นจากสิ่งใกล้ตัว ด้วยกิจกรรมง่ายๆ ในชุมชนหรือที่บ้านก็สามารถสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีคุณค่าให้กับเด็กๆ ได้ ลองสังเกตสิ่งที่ลูกสนใจ แล้วชวนกันทำกิจกรรมนั้นๆ ร่วมกัน
- ให้ความสำคัญกับ “การเล่น” เพราะ “การเล่น” คือการเรียนรู้ที่ดีที่สุดสำหรับเด็ก เปิดโอกาสให้เขาได้เล่นอย่างอิสระ ได้สำรวจ ได้ทดลอง และได้ใช้จินตนาการอย่างเต็มที่
- เป็น “เพื่อนเล่น” ของลูก พยายามใช้เวลาร่วมกับลูกอย่างมีคุณภาพ เป็นทั้งผู้สอน ผู้สนับสนุน และที่สำคัญที่สุด เป็น “เพื่อนเล่น” ที่พร้อมจะสนุกไปกับเขา
- สร้างเครือข่ายกับผู้ปกครองคนอื่นๆ การได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้ปกครองท่านอื่นๆ จะช่วยให้เราได้เรียนรู้แนวคิดใหม่ๆ และแบ่งปันกำลังใจในการดูแลลูกให้แก่กัน
ฝันของ "พากันเล่น" คือเป็นพื้นที่พากันเพลิน เพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีๆ และส่งต่อแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนทุกเพศวัย
“เราอยากให้ ‘พากันเล่น’ เป็นมากกว่าแค่กลุ่มจัดกิจกรรม เราฝันว่าอยากจะสร้าง ‘ชุมชนแห่งการเรียนรู้’ ที่แข็งแรง ที่ผู้ปกครอง เด็กๆ และคนในชุมชนได้มารวมตัวกัน เพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ร่วมกัน อยากให้เป็นพื้นที่ที่ทุกคนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง ได้แบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ และแรงบันดาลใจให้กันและกัน เราเชื่อว่า ถ้าเราสามารถสร้างชุมชนแบบนี้ขึ้นมาได้ มันจะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ในการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กๆ และสร้างสังคมที่ดีขึ้นในอนาคต”
ญารินดา บุนนาค แห่ง Imaginary Objects
กับงานออกแบบ “เรื่องเล่น” ให้เป็นมากกว่าความสนุก คือการส่งเสริมความสุขอย่างสร้างสรรค์ผลงานของดีไซน์ออฟฟิศที่มาพร้อมสมดุลในการใช้งานพื้นที่ให้เกิดประโยชน์ ด้วยอินเนอร์ของพ่อแม่ที่เข้าใจลูก และผู้ใหญ่ที่เห็นความสำคัญของพื้นที่การเรียนรู้สำหรับเด็ก
เมื่อว่ากันด้วยเรื่องของพื้นที่การเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ และเวลาความสนุก เสริมสร้างจินตนาการสำหรับเด็ก ทาง QOQOON ไม่รอช้าที่จะติดต่อขอสอบถามมุมมองความคิดและแบ่งปันประสบการณ์จากคุณญารินดา บุนนาค ด้วยหัวใจของคุณแม่ และสถาปนิก ผู้ร่วมก่อตั้งดีไซน์สตูดิโอ Imaginary Objects ที่มีผลงานสร้างชื่อมากมาย ทั้งในประเทศไทยและระดับสากล โดยเฉพาะงานออกแบบ “สนามเด็กเล่น” เครื่องมือสำคัญแห่งการเรียนรู้ ที่ช่วยส่งเสริมและผลักดันพัฒนาการและศักยภาพของเด็กๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“เรื่องเล่น” ที่เหมือนจะเป็นเรื่องเล็ก แต่มีความสำคัญยิ่งยวด ทั้งสำหรับเด็ก ผู้ใหญ่ และชุมชน
“ช่วงปี 2020 ออฟฟิศออกแบบ ‘Imaginary Objects’ (IO) ซึ่งร่วมกันก่อตั้งกับหุ้นส่วน คุณโรเบร์โต้ เรเกโฮ เบเล็ตต์ (Roberto Requejo Belette) ได้มีโอกาสร่วมงานกับ CEA (สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) Creative Economy Agency) ในงาน Bangkok Design Week จึงได้สังเกตเห็นว่า กรุงเทพฯ มีพื้นที่ว่าง/พื้นที่รกร้าง ที่ไม่ได้ถูกใช้งานค่อนข้างเยอะ และการขาดแคลนสนามเด็กเล่นในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะช่วงโควิด ทำให้เห็นว่า กรุงเทพฯ มีสนามเด็กเล่นและพื้นที่ Outdoor (Public Space) น้อยมาก คนส่วนใหญ่มักไปเที่ยวห้าง ไม่ค่อยมีพื้นที่ธรรมชาติหรือพื้นที่ทางวัฒนธรรม (พิพิธภัณฑ์, แกลเลอรี่) ความที่แต่ละคนต่างมีลูกในวัยไล่เลี่ยกัน จึงเห็นความสำคัญของพื้นที่การเรียนรู้สำหรับเด็ก ที่ไม่ได้มีแค่เพียงบ้านกับโรงเรียน แต่ควรมี ‘Third Place’ หรือพื้นที่ที่ 3 ซึ่งเด็กสามารถทดลองการเข้าสังคม ฝึกทักษะต่างๆ ได้ สนามเด็กเล่นคือสิ่งสำคัญมากที่ขาดหายไป เพราะเด็กเล็กเรียนรู้ผ่านการเล่น”
นี่เอง เป็นที่มาของแนวคิดการผูกโยง 2 ประเด็นสำคัญ 1. การใช้พื้นที่รกร้างในกรุงเทพฯ 2. การสร้างสนามเด็กเล่นในพื้นที่เหล่านั้น เพื่อให้พื้นที่ที่เคยถูกมองว่าอันตรายหรือสกปรก กลับกลายเป็น “แม่เหล็กของชุมชน” ให้ผู้คนได้มาเจอกัน พาลูกเล่นด้วยกัน พ่อแม่รู้จักกัน สังคมของย่านแน่นแฟ้นขึ้น ปู่ย่าตายายมาดูลูกหลานเล่น เป็นการสร้างประโยชน์ให้ชุมชน โดยนำเสนอเป็นโครงการต่อสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จนได้รับการอนุมัติ พร้อมการสนับสนุนจากบริษัท เวสปิอาริโอ (ประเทศไทย) จํากัด (ผู้นำเข้า Vespa ในประเทศไทย) ทำให้เกิดการนำร่องสร้างสนามเด็กเล่น 3 แห่งแรกขึ้นมา
“สนามเด็กเล่น” ที่ผู้ใหญ่ได้สนุกคิด และเด็กได้สนุกเล่น
หลังจากโปรเจ็กต์สนามเด็กเล่น Imaginary Objects ได้รับหลายโจทย์งานออกแบบสำหรับเด็กๆ ตามมา พร้อมเป็นโอกาสกระตุกต่อมความคิดสู่งานสถาปัตยกรรมสุดสร้างสรรค์ ซึ่งมอบประโยชน์ใช้สอยแสนสนุก และเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ของเด็กๆ โดยมีแนวทางการคิดและออกแบบแตกต่างไป ด้วยสถาปัตยกรรมทั่วไป พื้นที่ใช้สอย คนเดินบนพื้น แต่สถาปัตยกรรมของสนามเด็กเล่นต้องคิดแบบ 3 มิติ เพราะเด็กไม่ได้แค่เดิน แต่มีการปีน โหน ห้อยหัว ทุกส่วนของพื้นที่ (ผนัง, หลังคา) ถูกนำมาใช้ประโยชน์ เหมือนออกแบบงานประติมากรรม ทั้งยังเป็นงานสเกลเล็ก เสร็จไว เห็นผลลัพธ์เร็ว ด้วยผู้ใช้งานเป็นเด็ก เมื่อเห็นเด็กๆ สนุกและมีความสุข ทำให้รู้สึกอิ่มเอมใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความที่คุณญารินดาเคยเป็นอาจารย์มาก่อน อีกทั้งคุณโรเบร์โต้ ผู้เป็นหุ้นส่วนเองก็สอนอยู่ที่ Hong Kong University ทั้งสองต่างมีความสนใจในด้านการเรียนการสอนอยู่แล้ว จึงมองว่า สนามเด็กเล่น เป็น “เครื่องมือสำคัญ” ในการเรียนรู้และพัฒนาการสำหรับเด็กๆ จึงนำมาซึ่งผลงานการออกแบบที่ต่อยอดจากสนามเด็กเล่น ไปสู่หลายชิ้นงานกับการออกแบบพื้นที่ครอบคลุมเรื่องการเรียนรู้ พัฒนาการ และการสร้างสรรค์อีกมากมาย
จากงานออกแบบพื้นที่เล่นตามโจทย์ สู่การสร้างสรรค์ Kitblox ต่อเติมการสร้างพื้นที่เล่นที่เด็กๆ สร้างเองได้ตามใจ
อีกโจทย์ใหม่ในเวลาต่อมา คืองานออกแบบสนามเด็กเล่นแบบเคลื่อนที่ได้สำหรับงาน Festival สำหรับเด็กของสสส. (สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ) สู่การพลิกมุมคิดและใช้งาน “แทนที่จะสร้างสนามเด็กเล่นให้เด็ก ทำไมไม่ให้เด็กๆ สร้างสนามเด็กเล่นเองเลย” จนเป็นที่มาของคอนเซ็ปต์ Kitblox ของเล่นที่ให้เด็กเป็นคนสร้างสนามเด็กเล่นของตัวเอง มาพร้อมรูปลักษณ์โดดเด่นเป็นที่จดจำ ทั้งรูปทรง สีสัน และขนาด โดยบล็อกแต่ละชิ้น ที่มีขนาดใหญ่มาก เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ชวนกันเล่น ช่วยกันยก ช่วยกันสร้าง เป็นดังกุศโลบายเล็กๆ ช่วยส่งเสริมการทำงานเป็นทีม (Teamwork) และการประสานงาน (Coordinate) ไปในตัว นอกจากนี้ ยังกระตุ้นการใช้พลังและความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเด็กๆ สามารถสร้างพื้นที่ที่เขาเข้าไปเล่นอยู่ ซ่อน หรือปืนขึ้นไปได้ เป็นงานทดลองสร้างขนาดใหญ่ ที่เห็นผลลัพธ์ สัมผัสถึงพลังของการลงมือทำได้ทันที อีกทั้งถ้าสร้างแล้วล้ม ก็ยังได้เรียนรู้ความไม่สำเร็จ อันนำมาซึ่งการพยายามและทดลองต่อไป ไม่ต้องกลัว อีกทั้งวิธีเล่นแบบปลายเปิด ไม่จำกัดหรือกำหนดตายตัวอย่างนี้ ยังช่วยให้เด็กๆ เพลิดเพลินกับการเล่นและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้ยาวนานขึ้นด้วย “ระหว่างการทำงานออกแบบสำหรับเด็ก ลูกๆ มีส่วนร่วมเสมอ ทั้งทดลองเล่น เป็นผู้ให้ความคิดเห็น ทั้งสเกลของชิ้นงาน หรือความยากง่ายในการใช้งาน รวมถึงบางโครงการ มีการสอบถามถึงความชอบ และความต้องการ จากเด็กๆ ซึ่งเป็นผู้ใช้งานจริงด้วย”
เมื่องานออกแบบพื้นที่สำหรับเด็กเล่น เป็นเครื่องบันดาลใจในการคิดและสร้างสรรค์สำหรับผู้ใหญ่
ผลพลอยได้จากการทำงานออกแบบสำหรับเด็กที่ผ่านมา ทำให้ได้เห็นถึงศักยภาพของพื้นที่และรูปแบบการใช้งานใหม่ๆ ที่เติมเต็มกระบวนการเรียนรู้ของเด็กๆ ผ่านการเล่นอย่างสนุกสนาน ให้มีความหมายมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน ยังต่อขยายมุมมองในการทำงานออกแบบในภาพรวมให้กับคุณญารินดาอีกด้วย “การเรียนรู้จากมุมมองของเด็ก ทำให้ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่ผู้ใหญ่มักคาดไม่ถึง เด็กมีความคิดสร้างสรรค์สูง และไม่ถูกตีกรอบด้วยกฎเกณฑ์ ในขณะที่ผู้ใหญ่มักมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่กำหนดไว้ หรือมีข้อจำกัดมากกว่าในเรื่องความปลอดภัย และมารยาท เป็นต้น การทำงานกับเด็กทำให้คิดถึงการใช้พื้นที่ที่ไม่ปกติ นำมาสู่การใช้พื้นที่ได้เต็มศักยภาพได้มากขึ้น กระตุ้นการคิดนอกกรอบซึ่งได้ปรับใช้กับงานอื่นๆ มากขึ้นด้วย เพราะทุกโจทย์มีความท้าทาย พยายามตีโจทย์ให้ไม่เป็นไปตามแบบแผนเดิมๆ เพื่อให้เกิดการคิดและสร้างสรรค์ใหม่ๆ เสมอ”
ผลพลอยได้จากการทำงานออกแบบสำหรับเด็กที่ผ่านมา ทำให้ได้เห็นถึงศักยภาพของพื้นที่และรูปแบบการใช้งานใหม่ๆ ที่เติมเต็มกระบวนการเรียนรู้ของเด็กๆ ผ่านการเล่นอย่างสนุกสนาน ให้มีความหมายมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน ยังต่อขยายมุมมองในการทำงานออกแบบในภาพรวมให้กับคุณญารินดาอีกด้วย “การเรียนรู้จากมุมมองของเด็ก ทำให้ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่ผู้ใหญ่มักคาดไม่ถึง เด็กมีความคิดสร้างสรรค์สูง และไม่ถูกตีกรอบด้วยกฎเกณฑ์ ในขณะที่ผู้ใหญ่มักมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่กำหนดไว้ หรือมีข้อจำกัดมากกว่าในเรื่องความปลอดภัย และมารยาท เป็นต้น การทำงานกับเด็กทำให้คิดถึงการใช้พื้นที่ที่ไม่ปกติ นำมาสู่การใช้พื้นที่ได้เต็มศักยภาพได้มากขึ้น กระตุ้นการคิดนอกกรอบซึ่งได้ปรับใช้กับงานอื่นๆ มากขึ้นด้วย เพราะทุกโจทย์มีความท้าทาย พยายามตีโจทย์ให้ไม่เป็นไปตามแบบแผนเดิมๆ เพื่อให้เกิดการคิดและสร้างสรรค์ใหม่ๆ เสมอ”
BAAN MAEW MAEW
เวลาเล่น เวลาครอบครัว เวลาคุณภาพ
บ่อเกิดแรงบันดาลใจสุดสร้างสรรค์ กับของใช้ของที่ระลึกจากคาแรคเตอร์แมวในนาม “BAAN MAEW MAEW”
พลังแห่งจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ที่ก่อประกายและจุดติดได้ด้วยเวลาคุณภาพสำหรับการเรียนรู้ผ่านการเล่นในครอบครัว จนเป็นที่มาของหนังสือนิทานจากไอเดียนักสร้างสรรค์ตัวน้อยร่วมกับครอบครัว ที่ไม่เพียงมีส่วนร่วมในกระบวนการคิดและทำในทุกขั้นตอน จนเป็นรูปเล่มเสร็จสมบูรณ์ แบ่งปันความสุขกับแมวเหมียวไปยังคนรักแมวเท่านั้น หากภาพที่ชัดเจนจากจินตนาการ ซึ่งผสานด้วยมุมคิดและความใส่ใจเก็บรายละเอียดของงาน ยังเป็นที่มาของคาแรคเตอร์แมวที่ปรากฏทั้งในหนังสือนิทาน ผลงานของที่ระลึกหลากชนิด ไปจนการดำเนินไปสู่ธุรกิจสร้างสรรค์ต่อยอดอีกหลากหลาย ในนาม BAAN MAEW MAEW
หนังสือนิทาน “แมวกัดฉัน” สานจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของเด็กน้อยแบบครบกระบวน
ย้อนกลับไปหลายปีก่อน ในช่วงระหว่างการแพร่ระบาดของโควิด คุณวิ-วิชชุกร โชคดีทวีอนันต์ แฟชั่นดีไซเนอร์ และครอบครัว ซึ่งประกอบด้วยคุณแม่ คือคุณวิเอง คุณพ่อ (คุณบอน-วีรภัฎ โชคดีทวีอนันต์ สามีคุณวิ) ลูกชายคนโต และลูกสาวคนเล็ก มีโอกาสได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ร่วมกัน ผ่านกิจกรรมหลากหลาย โดยเฉพาะการอ่านหนังสือนิทาน และการสร้างงานประดิษฐ์จากข้าวของรีไซเคิล ซึ่งในครอบครัวมีการแยกขยะรีไซเคิลอย่างละเอียด และนำกล่องต่างๆ มาประดิษฐ์เป็นของเล่น เช่น ครั้งหนึ่งที่ร่วมกันสร้างบ้านของเล่น พร้อมเครื่องใช้จากกล่องรีไซเคิลด้วยกัน จนเมื่อต้องย้ายบ้าน เด็กๆ ยังคงคิดถึงและประทับใจของเล่นฝีมือของตนเองมาถึงทุกวันนี้
เวลาความสุขเต็มคุณภาพ นอกจากสร้างความผูกพันในครอบครัว ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถรับรู้และสังเกตบุคลิกตัวตนความสนใจของลูกๆ แต่ละคนที่ต่างกันไปแล้ว ยังเป็นเวลาและพื้นที่สำหรับเด็กๆ ได้เรียนรู้ผ่านการเล่น การลงมือทำ พร้อมไปกับการพัฒนาทักษะรอบด้าน ทั้งการสร้างสรรค์ ความคิดเชิงกลยุทธ การทำงานร่วมกัน ไปจนถึงการแก้ปัญหา และต่อเติมจินตนาการเต็มศักยภาพแห่งวัยเยาว์ และไม่เพียงเท่านั้น หากต่อมา ยังเกิดดอกผลงอกงามเกินคาดหมายสู่ผลงานสร้างสรรค์ซึ่งริเริ่มโดยสมาชิกตัวน้อยในครอบครัว กับหนังสือนิทานเล่มแรก ในชื่อ แมวกัดฉัน
“หนังสือนิทานแมวกัดฉัน เกิดจากน้องเวลา ลูกสาวคนเล็ก ที่เขียนไว้ตั้งแต่ยังอยู่อนุบาล 2 โดยเป็นคนคิดเรื่องราวและบอกเล่าจินตนาการในแต่ละหน้าของนิทาน และให้แม่ช่วยสะกดคำเป็นข้อความ วาดรูป และลงสี จากนั้นได้คุณเป็ด และคุณยูน (เป็ด–ภาคภูมิ ลมูลพันธ์ และยูน-พยูณ วรชนะนันท์ แห่ง Routine Studio) มาช่วยกันพัฒนาต่อยอด ปั้นคาแรคเตอร์ออกมา”
“หนังสือนิทานแมวกัดฉัน เกิดจากน้องเวลา ลูกสาวคนเล็ก ที่เขียนไว้ตั้งแต่ยังอยู่อนุบาล 2 โดยเป็นคนคิดเรื่องราวและบอกเล่าจินตนาการในแต่ละหน้าของนิทาน และให้แม่ช่วยสะกดคำเป็นข้อความ วาดรูป และลงสี จากนั้นได้คุณเป็ด และคุณยูน (เป็ด–ภาคภูมิ ลมูลพันธ์ และยูน-พยูณ วรชนะนันท์ แห่ง Routine Studio) มาช่วยกันพัฒนาต่อยอด ปั้นคาแรคเตอร์ออกมา”
ในระหว่างกระบวนการ น้องเวลามีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน เช่น การออกแบบตัวละคร การจัดหน้า โดยเป็นผู้ให้ความคิดเห็นที่หลายครั้งสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ใหญ่ได้ไม่น้อย เพราะเด็กๆ มักมองเห็นรายละเอียดที่ผู้ใหญ่อาจมองข้าม หรือเข้าไม่ถึง เช่น สัดส่วนของตัวละคร หรือจุดที่เด็กๆ ให้ความสนใจ เป็นต้น “กว่าจะเป็นรูปเล่มได้ แม้จะใช้เวลานาน แต่สุดท้ายก็ทำสำเร็จ เวลาดีใจมากที่เรื่องของตัวเองได้ตีพิมพ์เป็นหนังสือ และนำไปให้คุณครูที่โรงเรียนดูด้วยความภาคภูมิใจ”
แบรนด์ผลิตภัณฑ์ของใช้ของที่ระลึกที่ถือกำเนิดจากพื้นที่แห่งความคิดสร้างสรรค์ในครอบครัว เพื่อเสริมสร้างความสุขและส่งเสริมความยั่งยืนในสังคมคนรักแมว
ด้วยความรักในแมว ที่เริ่มจากได้เลี้ยงแมวตัวแรก “โมจิ” และต่อมาคือ “โนริ” แมวหาบ้าน ซึ่งกลายมาเป็นตัวละครหลักในนิทาน ผนวกด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่ครอบครัวได้แบ่งปันกันเสมอมา ต่อยอดมาสู่ไอเดียการสร้างแบรนด์ BAAN MAEW MAEW ซึ่งนำเสนอเรื่องราวและคาแรคเตอร์แมวผ่านผลิตภัณฑ์หลากหลาย อาทิ เสื้อผ้า ของใช้ และของที่ระลึก อย่างพวงกุญแจ หมวก กระเป๋า ในดีไซน์น่ารัก มีเอกลักษณ์ ผลิตด้วยวัสดุและกระบวนการที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพ ในราคาสมเหตุสมผล อีกทั้งยังผสานแนวคิดความใส่ใจในสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันด้วย และที่สำคัญที่สุด คือความตั้งใจให้ BAAN MAEW MAEW มอบประสบการณ์ความสุข สร้างรอยยิ้มให้กับทุกคน เช่นเดียวกันกับประสบการณ์ความสุขในครอบครัวของน้องเวลา ที่ต่อสานความรักจากกิจกรรมและสัตว์เลี้ยง ต่อยอดมาจนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และทักษะในหลายมิติ ควบคู่ไปกับการเติบโตของแบรนด์ จนเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ “BAAN MAEW MAEW” มีเอกลักษณ์และเข้าถึงใจคนรักแมวและครอบครัวได้อย่างแท้จริง
ในปัจจุบัน BAAN MAEW MAEW กำลังผลิตงานสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง ทั้งผลงานนิทานลำดับที่ 3, กิจกรรมหลากหลายที่จัดขึ้นในโอกาสต่างๆ รวมถึงแผนการพัฒนาคาแรคเตอร์แมวๆ ที่หลายคนชื่นชอบและติดตาม ไปสู่ธุรกิจรูปแบบ Intellectual Property Licensing เพื่อให้คาแรคเตอร์เป็นที่รู้จักกันในวงกว้างยิ่งขึ้น จากประเทศไทยไปสู่ตลาดสากล
MULAMATI
MULAMATI บนเส้นทางสายรุ้งแห่งจินตนาการ
พื้นที่แห่งการเรียนรู้และสร้างสรรค์สำหรับ “เด็ก” ที่อยู่ในหัวใจของทุกคน
เพราะความฝัน (dreams) นั้นไร้ขีดจำกัด (limitless) เหมือนกับการปั้นดินน้ำมันที่สามารถสร้างสรรค์ให้เป็นบ้านจริงๆ ได้ ดังเช่น “มูลามาติ” (Mulamati) รูปธรรมแห่งความฝันของคุณแอ้ คุณมทินา สุขะหุต 1 ในพี่น้อง 3 สาวผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Sretsis ที่ปลุกปั้นความตั้งใจในจินตนาการ สู่ชุมชนหมู่บ้านสายรุ้ง พื้นที่เล่น สร้างเสริมจินตนาการ และเรียนรู้ต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ ที่ไม่เป็นเพียงพื้นที่สำหรับเด็กๆ หรือประชากรตัวจิ๋ววัยเยาว์เท่านั้น หากยังต้อนรับ “เด็ก” ที่อยู่ในตัวของผู้ใหญ่ทุกคน เพื่อตอกย้ำว่า “ในหนึ่งชีวิต วันเวลาแห่งการเรียนรู้ ไม่มีวันหมดอายุ หรือขอบเขตสิ้นสุด”
วัยเด็ก คือห้วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับเล่นสนุก เรียนรู้ เพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ
“เพราะแอ้เชื่อว่า ถ้าเด็กมีความสุขในวัยเด็ก พวกเขาจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มั่นคง แอ้ไม่มีพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับเด็กนัก แต่เป็นคนช่างฝัน ที่มีความฝันอยากสร้างพื้นที่แห่งจินตนาการ ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ ได้เป็นในสิ่งที่พวกเขาเป็น โดยไม่ต้องมีกฎเกณฑ์อะไร” คำตอบเมื่อ QOQOON ถามถึงแรงบันดาลใจในการสร้างพื้นที่สำหรับเด็ก ที่ชื่อมูลามาติ “แอ้อยากเป็นผู้ใหญ่แบบที่ตัวเองต้องการเป็นตอนเด็ก ผู้ใหญ่ที่รู้ว่า เด็กต้องการเล่นและเรียนรู้ อีกทั้ง ‘ความเป็นเด็ก’ มีอยู่ในทุกคน แม้จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตาม”
ปั้นความฝันบนผืนดินริมทะเล ให้เป็นภาพจริงจากจินตนาการ
จากความตั้งใจ สู่ไอเดียตั้งต้น ด้วยจังหวะบังเอิญที่นำพาคุณแอ้ไปพบกับพื้นที่ในฝัน ซึ่งมีต้นไทรใหญ่มาก พร้อมบังกะโลไม้ไผ่ บนหาดตลิ่งงามของเกาะสมุย ที่มีป้ายเขียนว่า “Luna” ที่ไม่เพียงพ้องกันกับชื่อสุนัขของเธอเท่านั้น หากพอมองเข้าไปก็เจอยังเห็นป้ายเขียนข้อความ “Air Wind Fire” เธอติดต่อเจ้าของที่ บอกเล่าถึงโปรเจ็กต์ในฝัน ซึ่งเจ้าของที่ตอบตกลง พร้อมกับที่เธอเองตัดสินใจทันทีในวันเดียวกันนั้นเอง ทว่า กว่าจะเกิดเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้สำหรับเด็กๆ แห่งนี้ การเดินทางไปบนกระบวนการปั้นความฝัน ผ่านมือช่างผู้ก่อสร้างถึง 3 ราย เท่านั้นไม่พอ ยังเป็นช่วงเวลาที่ “ทำแล้วล้ม ทำแล้วล้ม” ซ้ำๆ จนรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง และเหนื่อยมากจน “ไม่ไหวแล้ว” ไม่อยากทำต่อ โดยเฉพาะหลังจากที่ผู้รับเหมารายที่ 2 ทิ้งงานไป จนคุณแอ้ตัดสินใจยังไม่หาผู้รับเหมาใหม่ แต่เลือกที่จะ “ทำงานกับตัวเอง” แทน โดยไปเข้าคอร์สเรียนครูโยคะ เป็นเวลา 1 เดือนเต็ม ไม่แตะต้องโทรศัพท์เลย “ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออก งานที่กรุงเทพฯ ก็เยอะ ที่นี่ (มูลามาติ) ก็ไปต่อไม่ได้ จึงขอหยุดพักทุกอย่าง ช่วงนั้นได้เจอน้องก้อย (วันวิสาข์ แก้วแสง ผู้ช่วยคนสำคัญในปัจจุบัน) เมื่อจบคอร์สโยคะ แอ้กลับมาพร้อมกับพลังงานบวก รู้สึกมีแรงที่จะทำโปรเจ็กต์ต่อไป จนกระทั่งได้ผู้รับเหมารายที่ 3 เข้ามาและดำเนินงานจนสำเร็จลุล่วงไปได้ดังตั้งใจ”
ทว่า กว่าจะเกิดเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้สำหรับเด็กๆ แห่งนี้ การเดินทางไปบนกระบวนการปั้นความฝัน ผ่านมือช่างผู้ก่อสร้างถึง 3 ราย เท่านั้นไม่พอ ยังเป็นช่วงเวลาที่ “ทำแล้วล้ม ทำแล้วล้ม” ซ้ำๆ จนรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง และเหนื่อยมากจน “ไม่ไหวแล้ว” ไม่อยากทำต่อ โดยเฉพาะหลังจากที่ผู้รับเหมารายที่ 2 ทิ้งงานไป จนคุณแอ้ตัดสินใจยังไม่หาผู้รับเหมาใหม่ แต่เลือกที่จะ “ทำงานกับตัวเอง” แทน โดยไปเข้าคอร์สเรียนครูโยคะ เป็นเวลา 1 เดือนเต็ม ไม่แตะต้องโทรศัพท์เลย “ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออก งานที่กรุงเทพฯ ก็เยอะ ที่นี่ (มูลามาติ) ก็ไปต่อไม่ได้ จึงขอหยุดพักทุกอย่าง ช่วงนั้นได้เจอน้องก้อย (วันวิสาข์ แก้วแสง ผู้ช่วยคนสำคัญในปัจจุบัน) เมื่อจบคอร์สโยคะ แอ้กลับมาพร้อมกับพลังงานบวก รู้สึกมีแรงที่จะทำโปรเจ็กต์ต่อไป จนกระทั่งได้ผู้รับเหมารายที่ 3 เข้ามาและดำเนินงานจนสำเร็จลุล่วงไปได้ดังตั้งใจ”
สนามเด็กเล่น โรงเรียนศิลปะ พื้นที่สีรุ้งสำหรับความสนุก และทุกการสร้างสรรค์อันไร้ขีดจำกัด
แนวคิดหลักในการออกแบบพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเด็กในฝันของคุณแอ้มาจากแนวคิด จักระทั้ง 7 อันสัมพันธ์กับการตั้งชื่อที่นี่ว่า “มูลามาติ” (Mulamati) โดย “มูลา” (Mula) มาจาก “มูลธาร” (Muladhara) หรือ Root Chakra ซึ่งเปรียบเหมือนรากฐานที่มั่นคงของบ้านและชีวิต ถ้าฐานแข็งแรง ทุกอย่างก็จะแข็งแรง เหมือนรากแก้วของต้นไม้ที่แข็งแรงย่อมทำให้เติบโตได้ดี “มาติ” (Mati) แปลว่า จินตนาการ เมื่อรวมกันจึงมีความหมายถึง “บ้านแห่งจินตนาการ” ที่เปิดต้อนรับทุกคนด้วยสีสันสดใสของสายรุ้ง ดังเป็นตัวแทนของความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการแห่งวัยเยาว์
“มูลามาติ จะเป็นอะไรก็ได้ เป็นที่ที่คนจะมาใช้เวลาร่วมกัน ด้วย tagline ที่ว่า MULAMATI Rainbow Village: The Land for kids and the kids in all of us! กิจกรรมมีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นศิลปะ งานประดิษฐ์ ดนตรี ทั้งเกมและกิจกรรมความสนุกสำหรับเด็กๆ ได้เล่นและเรียนรู้ มีสนามเด็กเล่นเปิดโล่งรับลมทะเล รวมถึงกิจกรรมสำหรับผู้ใหญ่ เช่น ทำผ้าบาติก สานหมวกจากทางมะพร้าว ทำฉาก และอยากจะมี cooking class ด้วย โดยเรียกผู้สอนว่า ‘คุณครูสายรุ้ง’ ที่จะมาแบ่งปันความรู้ และมีการหมุนเวียนกิจกรรมไปตามศิลปินหรือผู้สอนในแต่ละช่วง โดยไม่ได้กำหนดการใช้งานพื้นที่ตายตัว
“มูลามาติ จะเป็นอะไรก็ได้ เป็นที่ที่คนจะมาใช้เวลาร่วมกัน ด้วย tagline ที่ว่า MULAMATI Rainbow Village: The Land for kids and the kids in all of us! กิจกรรมมีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นศิลปะ งานประดิษฐ์ ดนตรี ทั้งเกมและกิจกรรมความสนุกสำหรับเด็กๆ ได้เล่นและเรียนรู้ มีสนามเด็กเล่นเปิดโล่งรับลมทะเล รวมถึงกิจกรรมสำหรับผู้ใหญ่ เช่น ทำผ้าบาติก สานหมวกจากทางมะพร้าว ทำฉาก และอยากจะมี cooking class ด้วย โดยเรียกผู้สอนว่า ‘คุณครูสายรุ้ง’ ที่จะมาแบ่งปันความรู้ และมีการหมุนเวียนกิจกรรมไปตามศิลปินหรือผู้สอนในแต่ละช่วง โดยไม่ได้กำหนดการใช้งานพื้นที่ตายตัว นอกจากนี้ ในคลาสศิลปะยังเน้นการสร้างสรรค์ด้วยวัสดุรีไซเคิล ซึ่งแอ้มีเศษผ้าจากการทำเสื้อผ้าเด็ก ได้นำมาใช้ประโยชน์ต่อ รวมถึงยังมีความตั้งใจอยากให้ผู้คนในชุมชนท้องถิ่นมาร่วมด้วย ซึ่งการเข้าถึงชุมชนอาจยังไม่เต็มที่นัก อย่างไรก็ตาม ปีนี้ มูลามาติได้เป็นสถานที่จัดสอนภาษาอังกฤษให้เด็กๆ ของเทศบาล ถือได้ว่าเป็นก้าวเล็กๆ ที่เติมกำลังใจในการเข้าถึงคนในท้องถิ่นค่ะ”
สานความฝัน ด้วยการสร้างสรรค์ความจริง กับขวบปีแรก และการเดินทางของหมู่บ้านสายรุ้ง
“แอ้รู้สึกว่า ตรงใจ แต่ยังไม่ถึงฝันในแง่ของคอมมูนิตี้ เพราะคิดว่าทำคนเดียวไม่ได้ ต้องการคนที่มีแนวคิดเดียวกันและเชื่อว่าสถานที่นี้จะนำมา ซึ่งคงต้องใช้เวลา เรามี Space แล้ว อยากให้ที่นี่เป็นเหมือนที่ที่คนมาได้บ่อยกว่านี้อีก และอยากมีกิจกรรมที่หลากหลายมากขึ้น เช่น มีคุณแม่มาสอนโยคะเป็นคลาสคอมมูนิตี้ แอ้รู้สึกเหมือนกำลังสร้างคอมมูนิตี้ในฝัน แม้ยังไม่แน่ใจว่าจะเกิดขึ้นจริงได้หรือไม่ แต่เริ่มเจอคนที่ภาษาเดียวกัน มีความต้องการเหมือนกัน ทว่า ยังอีกไกลกว่าจะสมบูรณ์ ส่วนในแง่ของธุรกิจ อาจยังห่างไกลจากความยั่งยืน เพราะไม่มีหุ้นส่วนทางธุรกิจ ทุกอย่างมาจากฝั่งครีเอทีฟและจินตนาการ ทำให้การใช้เงินไม่สมดุลกับรายได้” แม้ในด้านหนึ่ง สิ่งสำคัญตามฝันที่ตั้งใจไว้ยังไม่ครบถ้วน และหนทางยังอีกยาวไกลนัก แต่ทว่า เมื่อสอบถามถึงผลตอบรับจากผู้คนและประสบการณ์เมื่อเด็กๆ มาที่ถึงมูลามาติแล้วเป็นอย่างไรบ้าง? “ฟีดแบคโดยรวมดีในระดับหนึ่ง มีคนมาเยี่ยมเยียนและเด็กๆ สนุกสนานในสภาพแวดล้อมปลอดภัยที่เราตระเตรียมไว้ให้พวกเขาได้สำรวจ เด็กๆ มาถึงก็ถอดรองเท้าวิ่งเล่นอย่างอิสระ แอ้รู้สึกประสบความสำเร็จเมื่อเห็นเด็กๆ ยิ้มและครอบครัวมีความสุข”
“แอ้รู้สึกว่า ตรงใจ แต่ยังไม่ถึงฝันในแง่ของคอมมูนิตี้ เพราะคิดว่าทำคนเดียวไม่ได้ ต้องการคนที่มีแนวคิดเดียวกันและเชื่อว่าสถานที่นี้จะนำมา ซึ่งคงต้องใช้เวลา เรามี Space แล้ว อยากให้ที่นี่เป็นเหมือนที่ที่คนมาได้บ่อยกว่านี้อีก และอยากมีกิจกรรมที่หลากหลายมากขึ้น เช่น มีคุณแม่มาสอนโยคะเป็นคลาสคอมมูนิตี้ แอ้รู้สึกเหมือนกำลังสร้างคอมมูนิตี้ในฝัน แม้ยังไม่แน่ใจว่าจะเกิดขึ้นจริงได้หรือไม่ แต่เริ่มเจอคนที่ภาษาเดียวกัน มีความต้องการเหมือนกัน ทว่า ยังอีกไกลกว่าจะสมบูรณ์ ส่วนในแง่ของธุรกิจ อาจยังห่างไกลจากความยั่งยืน เพราะไม่มีหุ้นส่วนทางธุรกิจ ทุกอย่างมาจากฝั่งครีเอทีฟและจินตนาการ ทำให้การใช้เงินไม่สมดุลกับรายได้” แม้ในด้านหนึ่ง สิ่งสำคัญตามฝันที่ตั้งใจไว้ยังไม่ครบถ้วน และหนทางยังอีกยาวไกลนัก แต่ทว่า เมื่อสอบถามถึงผลตอบรับจากผู้คนและประสบการณ์เมื่อเด็กๆ มาที่ถึงมูลามาติแล้วเป็นอย่างไรบ้าง? “ฟีดแบคโดยรวมดีในระดับหนึ่ง มีคนมาเยี่ยมเยียนและเด็กๆ สนุกสนานในสภาพแวดล้อมปลอดภัยที่เราตระเตรียมไว้ให้พวกเขาได้สำรวจ เด็กๆ มาถึงก็ถอดรองเท้าวิ่งเล่นอย่างอิสระ แอ้รู้สึกประสบความสำเร็จเมื่อเห็นเด็กๆ ยิ้มและครอบครัวมีความสุข”
ประสบการณ์ตรง ประสบการณ์ตน ในระหว่างการสร้างพื้นที่แห่งการเรียนรู้และสร้างสรรค์ให้กับเด็กๆ
“โปรเจ็กต์นี้เหมือนเป็นการ ‘ถ่ายทอด’ ตัวตนแอ้ที่แท้จริง เป็นการเข้าถึงความเป็นเด็กในตัวเอง เป็น ‘dream project’ ที่ทำให้เติบโตขึ้นมาก เป็นการเติบโตทั้งในระดับจิตวิญญาณ (spiritual level) และการเรียนรู้ในกระบวนการคิด และทำด้วยตนเองอย่างแท้จริง จากที่เคยทำธุรกิจ (แบรนด์เครื่องประดับ) ซึ่งอาจมีคนคอยสนับสนุน ครั้งนี้เหมือนต้องลุยเองทุกอย่าง สร้างจากศูนย์ ตั้งแต่พื้นที่เปล่าๆ มีหลายช่วงเวลาที่ท้อจนไม่ไหว และอดสงสัยไม่ได้ว่า ‘นี่หรือคือ passion project ทำไมมันใหญ่และหนักขนาดนี้’ ทั้งๆ ที่มีงานประจำอยู่แล้ว สิ่งนี้เหมือนเป็นสิ่งที่ควรจะทำตอนเกษียณมากกว่า” แต่ที่สุด เมื่อได้เห็นภาพฝันซึ่งปรากฏขึ้นจริงอยู่ตรงหน้า ได้สัมผัสกับพลังงานความสุขจากเด็กๆ และทุกคนที่ได้มาเยือน เห็นความเพลิดเพลินกับกิจกรรมสร้างสรรค์ ที่แต่ละคนได้ต่อยอดจินตนาการ ได้ให้เวลากับ “ความเป็นเด็ก” ในตัว ท่ามกลางการโอบล้อมอันงดงามของธรรมชาติ เหล่านี้เป็นยิ่งกว่าผลลัพธ์อันเป็นที่ประจักษ์ซึ่งตอกย้ำคุณแอ้ว่า “เรามาไกลมาก” ในโปรเจ็กต์นี้ที่ทำให้เธอ “ใจดีกับตัวเอง” มากขึ้น และคอยให้กำลังใจตัวเองเสมอว่า “เก่งมากเลยนะ มาถึงขนาดนี้ได้โดยไม่ยอมแพ้”
“โปรเจ็กต์นี้เหมือนเป็นการ ‘ถ่ายทอด’ ตัวตนแอ้ที่แท้จริง เป็นการเข้าถึงความเป็นเด็กในตัวเอง เป็น ‘dream project’ ที่ทำให้เติบโตขึ้นมาก เป็นการเติบโตทั้งในระดับจิตวิญญาณ (spiritual level) และการเรียนรู้ในกระบวนการคิด และทำด้วยตนเองอย่างแท้จริง จากที่เคยทำธุรกิจ (แบรนด์เครื่องประดับ) ซึ่งอาจมีคนคอยสนับสนุน ครั้งนี้เหมือนต้องลุยเองทุกอย่าง สร้างจากศูนย์ ตั้งแต่พื้นที่เปล่าๆ มีหลายช่วงเวลาที่ท้อจนไม่ไหว และอดสงสัยไม่ได้ว่า ‘นี่หรือคือ passion project ทำไมมันใหญ่และหนักขนาดนี้’ ทั้งๆ ที่มีงานประจำอยู่แล้ว สิ่งนี้เหมือนเป็นสิ่งที่ควรจะทำตอนเกษียณมากกว่า” แต่ที่สุด เมื่อได้เห็นภาพฝันซึ่งปรากฏขึ้นจริงอยู่ตรงหน้า ได้สัมผัสกับพลังงานความสุขจากเด็กๆ และทุกคนที่ได้มาเยือน เห็นความเพลิดเพลินกับกิจกรรมสร้างสรรค์ ที่แต่ละคนได้ต่อยอดจินตนาการ ได้ให้เวลากับ “ความเป็นเด็ก” ในตัว ท่ามกลางการโอบล้อมอันงดงามของธรรมชาติ เหล่านี้เป็นยิ่งกว่าผลลัพธ์อันเป็นที่ประจักษ์ซึ่งตอกย้ำคุณแอ้ว่า “เรามาไกลมาก” ในโปรเจ็กต์นี้ที่ทำให้เธอ “ใจดีกับตัวเอง” มากขึ้น และคอยให้กำลังใจตัวเองเสมอว่า “เก่งมากเลยนะ มาถึงขนาดนี้ได้โดยไม่ยอมแพ้”
Story: Sujittra Chanchaicharoengul
Photos: Whisky Markdee, พากันเล่น, Baan Maew Maew, Mulamati, Imaginary Objects