Design

Biophilic Design For Urban Living

ถ้าพูดถึงหนึ่งในเทรนด์แต่งบ้านที่มาแรงที่สุดในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมานี้ ต้องมี Biophilic Design หรือ งานออกแบบที่เน้นการเชื่อมโยงมนุษย์เข้าสู่ธรรมชาติ รวมอยู่ด้วยแน่นอน 

Biophilic Design ฮ็อตแค่ไหน ให้ดูจากเพจแต่งบ้านหลายต่อหลายเพจที่ตกแต่งบ้าน ทาวน์โฮม หรือแม้แต่ห้องเล็กๆ ในคอนโดมีเนียม ให้มีบรรยากาศอบอุ่นด้วยแสงธรรมชาติและนำเอาไม้ในร่มเข้าไปจัดวางจนกลายเป็นพื้นที่สีเขียวที่มีชีวิตชีวา หรือครีเอเตอร์หลายคนก็ยังเนรมิตระเบียงเล็กๆ ให้กลายเป็นสวนลอยฟ้าส่วนตัว โดยมีแมวสองสามตัวเป็นตัวละครหลักนั่งๆ นอนๆ เดินไปเดินมา

Photo: kristinadam.dk
Photo: kristinadam.dk
Photo: kristinadam.dk
Photo: kristinadam.dk

ทำไม Biophilic Design ถึงได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน? คำตอบน่าจะเป็นเพราะว่า ยิ่งผู้คนในเมืองใหญ่ห่างไกลธรรมชาติมากขึ้นเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งโหยหาธรรมชาติมากขึ้นเท่านั้น ยังไม่นับที่ทุกวันนี้ หลายคนหันมาสนใจดูแลสุขภาพในองค์รวมมากขึ้น (wellbeing) โดยเฉพาะแนวคิด work-life balance ที่สนับสนุนให้คนในวัยทำงานมีสุขภาพกาย-ใจที่ดีและมีความสุขกับการใช้ชีวิตมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในหนทางแห่งสมดุลชีวิตที่ว่าก็คือ การเพิ่มเติมธรรมชาติเข้ามาไว้ในที่อยู่อาศัย

แต่ Biophilic Design ไม่ใช่แค่การแต่งบ้านด้วยต้นไม้เขียวๆ เพียงอย่างเดียว เพราะยังมีอีกหลายองค์ประกอบที่จะช่วยพาคุณเข้าใกล้ชิดกับธรรมชาติได้มากขึ้น แม้ว่าคุณจะอาศัยอยู่บนตึกสูงกลางเมืองใหญ่ที่วุ่นวายก็ตาม

แสงธรรมชาติ

Photo: Bench Accounting (Unsplash)
Photo: Bench Accounting (Unsplash)
Photo: Bench Accounting (Unsplash)
Photo: Bench Accounting (Unsplash)

นอกจากสีเขียวของต้นไม้ใบหญ้าแล้ว แสงอาทิตย์คือองค์ประกอบสำคัญที่สร้างบรรยากาศรื่นรมย์ให้กับพื้นที่ภายใน หรือจริงๆ แสงอาจเชื่อมโยงเราเข้ากับธรรมชาติได้มากกว่าต้นไม้ในบ้านด้วยซ้ำ เพราะการรับรู้ถึงแสงอาทิตย์ที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละวัน แต่ละฤดูกาล ช่วยให้เรารับรู้ถึงเวลาที่เปลี่ยนไป และนั่นคือการเชื่อมโยงตัวเราเข้ากับจังหวะของธรรมชาติรอบตัวที่แท้จริง

ประโยชน์ของแสงธรรมชาติยังมีอีกมาก ไม่ว่าจะช่วยปรับอารมณ์ ลดความตึงเครียด ช่วยให้เรามีสมรรถภาพในการทำงานที่ดีขึ้น และช่วยให้นอนหลับได้ดียิ่งขึ้นด้วย

Photo: Spencer (Unsplash)
Photo: Spencer (Unsplash)

หากเป็นการสร้างบ้านขึ้นใหม่ การเปิดรับแสงธรรมชาติเข้ามายังพื้นที่ภายในมักเริ่มจากการใช้ช่องเปิดขนาดใหญ่ เช่น หน้าต่างบานใหญ่จากพื้นจรดเพดาน หลังคาโปร่งใส/แสง (skylight) และประตูกระจก เป็นต้น แต่สำหรับห้องในคอนโดมีเนียมที่ผู้อยู่อาศัยไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้มากนัก ก็ยังมีวิธีอื่นๆ ที่จะช่วยเพิ่มแสงธรรมชาติภายในห้องได้ เช่น การติดตั้งม่านโปร่งแสง (sheer curtain) มูลี่หรือม่านบานเกล็ด (blind) ที่สร้างความเป็นส่วนตัวให้พื้นที่ แต่ขณะเดียวกันก็เปิดให้แสงภายนอกเข้ามาได้ในปริมาณที่พอเหมาะ นอกจากนั้น การติดตั้งกระจกหรือเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นกระจก เช่น โต๊ะตัวเตี้ยที่มีท๊อปเป็นกระจกในจุดที่เหมาะสม ยังช่วยกระจายแสงเข้ามายังพื้นที่ภายใน ทำให้ห้องสว่างไสวและมีชีวิตชีวามากขึ้น

QoQoon Recommends

สำหรับในมุมของห้องที่แสงธรรมชาติเข้าไม่ถึงจริงๆ เราแนะนำให้ใช้หลอดไฟ LED ที่มีอุณหภูมิสีของแสง หรือ color temperature ต่ำ อย่างหลอด warm white สีขาวอมเหลืองที่มี color temperature 2,700-3,200k ก็จะเป็นแสงที่เลียนแบบแสงธรรมชาติได้มากที่สุดและให้ความรู้สึกผ่อนคลาย 

Photo: Curology (Unsplash)
Photo: Curology (Unsplash)
Photo: kristinadam.dk
Photo: kristinadam.dk

เฟอร์นิเจอร์

หลักการเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ Biophilic Design มีอยู่ 3 ข้อง่ายๆ คือ เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ รูปทรงออแกนิก และโทนสีธรรมชาติ (เช่น สี sage green หรือเขียวอมเทา สีเทาอ่อน สี sandy beige หรือเนื้ออมชมพู เป็นต้น) 

ในจำนวน 3 ข้อที่ว่า QoQoon ขอเลือกให้ความสำคัญกับเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติมากที่สุด  เพราะส่วนมากแล้วเมื่อเป็นวัสดุธรรมชาติ โทนสีที่ตามมาก็มักเป็นโทนสีตามธรรมชาติเช่นกัน ที่สำคัญ วัสดุธรรมชาติ อย่าง ไม้ หิน ดินเผา ฝ้าย ลินิน หวาย ฯลฯ ยังมาพร้อมผิวสัมผัส (texture) ที่อบอุ่นละมุนละไม ซึ่งเมื่อการสัมผัสบวกเข้ากับการมองเห็นวัสดุที่อยู่ในโทนสีสบายตาและลวดลายอย่างที่ธรรมชาติสร้างมา ก็ยิ่งเชื่อมต่อเราเข้ากับความอบอุ่นเป็นมิตรของธรรมชาติได้มากยิ่งขึ้น

“ไม้” คือวัสดุธรรมชาติอันดับแรกที่เราคิดว่าทุกบ้านควรมี ไม่ใช่แค่เพราะว่าไม้มีโทนสี ลวดลาย และผิวสัมผัสที่สามารถทำให้บ้านอบอุ่นและน่าอยู่ขึ้นได้อย่างง่ายดายเท่านั้น แต่ยังเพราะสัมผัสของไม้สามารถทำให้ระบบประสาทของเราสงบได้มากกว่าวัสดุธรรมชาติอื่นๆ และจากงานวิจัยของ University of British Columbia และ Brown University พบว่า องค์ประกอบของไม้ที่ถูกนำมาตกแต่งอยู่ในพื้นที่ภายในอาคารสามารถช่วยลดความเครียดได้มากกว่าต้นไม้เสียอีก และห้องที่มีพื้นผิวเป็นไม้ราว 45% จะช่วยลดความดันโลหิตของผู้อยู่อาศัยได้

Photo: Alyssa Strohmann (Unsplash)
Photo: Alyssa Strohmann (Unsplash)

“ไม้” คือวัสดุธรรมชาติอันดับแรกที่เราคิดว่าทุกบ้านควรมี ไม่ใช่แค่เพราะว่าไม้มีโทนสี ลวดลาย และผิวสัมผัสที่สามารถทำให้บ้านอบอุ่นและน่าอยู่ขึ้นได้อย่างง่ายดายเท่านั้น แต่ยังเพราะสัมผัสของไม้สามารถทำให้ระบบประสาทของเราสงบได้มากกว่าวัสดุธรรมชาติอื่นๆ และจากงานวิจัยของ University of British Columbia และ Brown University พบว่า องค์ประกอบของไม้ที่ถูกนำมาตกแต่งอยู่ในพื้นที่ภายในอาคารสามารถช่วยลดความเครียดได้มากกว่าต้นไม้เสียอีก และห้องที่มีพื้นผิวเป็นไม้ราว 45% จะช่วยลดความดันโลหิตของผู้อยู่อาศัยได้

Photo: kristinadam.dk
Photo: kristinadam.dk

QoQoon’s Favourite

เฟอร์นิเจอร์ไม้มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่แบรนด์เล็กๆ ไปจนถึงชิ้นที่เป็นฝีมือดีไซเนอร์ระดับไอคอน หนึ่งในเฟอร์นิเจอร์ไม้คอนเซ็ปต์ Biophilic Design ในใจของ QoQoon ตลอดกาล คือ Wishbone Chair (1949) โดย Hans Wegner ที่มีโครงเก้าอี้ ขา และพนัก ทำจากไม้ชิ้นสวย อยู่ในเส้นสายแบบออแกนิกโค้งมน ส่วนตัวที่นั่งนำเอาเชือกกระดาษ (paper cord) มาถักด้วยมือเป็นลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ แน่นหนา แต่ก็นั่งสบายและยืดหยุ่น นอกจากนั้น วัสดุและเส้นสายที่ว่ามายังทำให้ Wishbone Chair ดูโปร่งและให้ความรู้สึกเบาสบาย

Photo: carlhansen.com
Photo: carlhansen.com
Photo: carlhansen.com
Photo: carlhansen.com

ศิลปะ

 ลองคิดดูว่าถ้าบ้านของคุณมีเพนต์ติ้ง ‘Water Lilies’ ของ Claude Monet ติดอยู่บนผนังขนาดใหญ่ และมีแสงอาทิตย์อ่อนๆ สาดไล้ลงมาบนพื้นไม้สีอ่อน… ความรู้สึกของคุณที่ตื่นมาเห็นภาพนี้ทุกวันจะงดงามขนาดไหน

ศิลปะช่วยเชื่อมโยงคุณกลับเข้าสู่ธรรมชาติได้ แม้จะเป็นไปในทางอ้อมๆ ที่ซับซ้อนสักหน่อย แต่ก็ยืนยันว่าทำได้ อย่างไรก็ดี เราไม่ได้บอกให้คุณต้องทุ่มทุนซื้องานศิลปะราคาแพงมาประดับบ้าน เพราะขอแค่เป็นภาพแลนด์สเคปสวยๆ ไม่ว่าจะเพนต์ติ้งหรือภาพถ่ายก็ตามที่คุณดูแล้วรู้สึกสบายใจ หรืออาจเป็นศิลปะแนว abstract ที่ใช้โทนสีธรรมชาติก็ได้เหมือนกัน

Photo: Manja Vitolic (Unsplash)
Photo: Manja Vitolic (Unsplash)
ศิลปะช่วยเชื่อมโยงคุณกลับเข้าสู่ธรรมชาติได้ แม้จะเป็นไปในทางอ้อมๆ ที่ซับซ้อนสักหน่อย แต่ก็ยืนยันว่าทำได้ อย่างไรก็ดี เราไม่ได้บอกให้คุณต้องทุ่มทุนซื้องานศิลปะราคาแพงมาประดับบ้าน เพราะขอแค่เป็นภาพแลนด์สเคปสวยๆ ไม่ว่าจะเพนต์ติ้งหรือภาพถ่ายก็ตามที่คุณดูแล้วรู้สึกสบายใจ หรืออาจเป็นศิลปะแนว abstract ที่ใช้โทนสีธรรมชาติก็ได้เหมือนกัน
Photo: kristinadam.dk
Photo: kristinadam.dk

QoQoon’s Pick

อย่างที่เราเคยบอกกันไปแล้วใน ‘Furniture as Art’ ว่าเฟอร์นิเจอร์หรือของแต่งบ้านชิ้นสวยก็สามารถทำหน้าที่เสมือนศิลปะได้ ใครสนใจวิธีนี้และชอบแนวมินิมัล ลองดูงานออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ใช้เส้นโค้งมน โทนสีธรรมชาติ และวัสดุธรรมชาติ อย่างผลงานของดีไซเนอร์ชาวเดนมาร์ก Kristina Dam ไม่ว่าจะเป็น ซีรีส์แจกันทรงโค้งสวย Dome Vase ที่ทำจากวัสดุดินเผาและเคลือบสีเทา, ภาชนะเก็บของกระจุกกระจิกทำจากไม้โอ๊ค Wooden Sphere ที่เหมือนเอาชาวข้าวญี่ปุ่นสองใบมาวางประกบกัน และอีกชิ้นที่เราชอบมากๆ คือ Column Coat Rack ที่แขวนเสื้อโค้ททำจากไม้ที่ดูอย่างกับถอดแบบมาจากงานสถาปัตยกรรมยังไงยังงั้น แค่ติดไว้บนผนังก็เหมือนมีงานศิลปะแบบ Biophilic Design อยู่ในบ้านแล้ว 

Photo: kristinadam.dk
Photo: kristinadam.dk
Photo: kristinadam.dk
Photo: kristinadam.dk

เสียง

เสียงเป็นองค์ประกอบทางงานออกแบบที่หลายคนมักมองข้าม ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้ว เสียงส่งผลต่อร่างกาย สมอง อารมณ์ และจิตใจของเรา ไม่แพ้ภาพและสัมผัส

การออกแบบเสียงสำหรับที่พักอาศัยกลางเมืองใหญ่ควรเริ่มจากการลดเสียงรบกวนจากภายนอกเสียก่อน เช่น ติดตั้งแผ่นกันเสียงที่ด้านล่างของประตู ใช้ม่านชั้นที่สองเป็นม่านดูดซับเสียง และอีกวิธีที่ช่วยได้มากคือ ใช้ต้นไม้ดูดซับเสียง

จากนั้นถึงจะเป็นการออกแบบเสียงให้กับที่พักอาศัยของคุณ โดยเสียงธรรมชาติที่ส่งผลดีต่อเราได้มากที่สุด คือ เสียงน้ำ เพราะเสียงน้ำ เช่น เสียงคลื่น เสียงลำธาร หรือแม้แต่เสียงการเคลื่อนไหวของน้ำเบาๆ จะช่วยสร้างบรรยากาศแห่งความสงบ ลดความเครียด ลดความดันโลหิต และกระตุ้นให้สมองหลั่งสารสื่อประสาท Dopamine หรือสารแห่งความสุข และ Oxytocin หรือฮอร์โมนความรัก ช่วยให้เราผ่อนคลายได้อย่างดี

นอกจากนั้น เสียงไม้ไผ่ก็เป็นอีกทางเลือกของเสียงธรรมชาติที่สงบ ดูได้จาก Shishi-odoshi (ชิชิโอโดชิ) หรือ น้ำตกทำจากกระบอกไม้ไผ่สองท่อนที่สลับกันกระดกลงมาเคาะฐานหินด้านล่างเมื่อน้ำไหลมาล้นกระบอก ที่เป็นอีกเสียงที่สร้างความสงบได้อย่างดีในสวนเซน แต่แน่นอนว่าสำหรับห้องพักในคอนโดหรือแม้แต่ในบ้านทั่วไป สวนเซนไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปได้ เพราะฉะนั้นลองดูพวกกระดิ่งลมไม้ไผ่แทนก็แล้วกัน

Photo: Greg Nerantzakis (Unsplash)
Photo: Greg Nerantzakis (Unsplash)

จากนั้นถึงจะเป็นการออกแบบเสียงให้กับที่พักอาศัยของคุณ โดยเสียงธรรมชาติที่ส่งผลดีต่อเราได้มากที่สุด คือ เสียงน้ำ เพราะเสียงน้ำ เช่น เสียงคลื่น เสียงลำธาร หรือแม้แต่เสียงการเคลื่อนไหวของน้ำเบาๆ จะช่วยสร้างบรรยากาศแห่งความสงบ ลดความเครียด ลดความดันโลหิต และกระตุ้นให้สมองหลั่งสารสื่อประสาท Dopamine หรือสารแห่งความสุข และ Oxytocin หรือฮอร์โมนความรัก ช่วยให้เราผ่อนคลายได้อย่างดี

นอกจากนั้น เสียงไม้ไผ่ก็เป็นอีกทางเลือกของเสียงธรรมชาติที่สงบ ดูได้จาก Shishi-odoshi (ชิชิโอโดชิ) หรือ น้ำตกทำจากกระบอกไม้ไผ่สองท่อนที่สลับกันกระดกลงมาเคาะฐานหินด้านล่างเมื่อน้ำไหลมาล้นกระบอก ที่เป็นอีกเสียงที่สร้างความสงบได้อย่างดีในสวนเซน แต่แน่นอนว่าสำหรับห้องพักในคอนโดหรือแม้แต่ในบ้านทั่วไป สวนเซนไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปได้ เพราะฉะนั้นลองดูพวกกระดิ่งลมไม้ไผ่แทนก็แล้วกัน

Photo: lonnfiberglass.com
Photo: lonnfiberglass.com

QoQoon’s Pick

ส่วนการเพิ่มเสียงน้ำเข้าไปในที่พักอาศัย ลองดูแบรนด์ไทย LONN FIBERGLASS ที่เป็นอ่างน้ำล้นหลายแบบ หลายขนาด ทำจากไฟเบอร์กลาส จึงมีน้ำหนักเบา แถมดีไซน์ยังเรียบง่ายและมีลวดลายแบบหินขัด ที่สำคัญ ไม่ต้องเดินระบบน้ำให้ยุ่งยาก แค่เติมน้ำและเสียบปลั๊ก และเขามีอ่างน้ำล้นขนาดเล็กสำหรับตั้งโต๊ะด้วย นำไปวางในห้องคอนโดได้

อ้างอิง: archdaily.com, kristinadam.dk, carlhansen.com, lonnfiberglass.com
Story: Tunyaporn Hongtong 

Share

If we were to discuss the most prominent home decor trends in the past 3-4 years, Biophilic Design, or the design concept that emphasizes the connection between humans and nature, would undoubtedly be included.

Why is everyone so into Biophilic Design these days? Well, as city life gets busier and we spend less time in nature, we start craving it more and more. Plus, there’s this whole wellness trend going on, and people are realizing that a good work-life balance is key to happiness. Bringing nature into your home is a simple yet effective way to improve your well-being.

Natural Light
Natural light is more than just a design element; it’s a powerful tool for enhancing our well-being. By connecting us to the rhythms of nature and improving our mood, productivity, and sleep, sunlight plays a vital role in creating healthy and happy living spaces.

While large windows and skylights are ideal for maximizing natural light, there are plenty of creative solutions for those living in smaller spaces. From sheer curtains and blinds to strategic placement of mirrors, there are countless ways to bring the benefits of natural light into any room.

QoQoon recommends: For areas with limited natural light, we suggest using LED bulbs with a lower colour temperature. Warm white bulbs with a colour temperature of 2,700-3,200K most closely mimic natural light and provide a relaxing ambiance.

Furnitures
When picking furniture for a Biophilic Design, there are three key things to look for: natural materials, organic shapes, and earthy colours. QoQoon thinks natural materials are the most important. Why? Because they often come in natural colours and have a really nice feel to them. Things like wood, stone, and cotton are not only good for the environment but also make your space feel cozy and connected to nature.

Wood is more than just a building material; it’s a wellness enhancer. Its natural warmth and calming properties can significantly reduce stress and lower blood pressure. Research from the University of British Columbia and Brown University supports the idea that wood has a more profound impact on our well-being than other natural materials, making it an essential element in creating healthy and harmonious living spaces.

QoQoon’s favourite: There’s a wooden chair for everyone, from small brands to big-name designers. But if we had to choose a favorite that really captures the Biophilic Design vibe, it would be the Wishbone Chair by Hans Wegner. It’s got this beautiful wooden frame with smooth curves, and the seat is hand-woven from paper cord. It’s strong, comfy, and looks really light and airy.

Artworks
Art can help reconnect you with nature, albeit in a more subtle and complex way. While you don’t need to invest in expensive artwork, simply having a beautiful landscape painting or photograph that brings you joy, or even an abstract piece with natural colour tones, can make a difference.

QoQoon’s pick: As we’ve previously discussed in ‘Furniture as Art’, beautiful furniture and home decor can serve as functional art pieces. For those who appreciate minimalism, we recommend exploring the designs of Danish designer Kristina Dam. Her pieces, such as the curvaceous Dome Vase made of glazed ceramic, the Wooden Sphere storage vessel crafted from oak, and the architectural Column Coat Rack, seamlessly blend form and function. These designs, characterized by organic shapes, natural colour palettes, and sustainable materials, effortlessly introduce a touch of Biophilic Design into any space.

Sound
Sound is a design element often overlooked, yet it significantly impacts our bodies, minds, emotions, and spirits, just as much as visuals and touch. When designing living spaces in urban environments, it’s crucial to prioritize reducing external noise. This can be achieved through measures such as installing soundproof door bottoms, using sound-absorbing curtains, and incorporating noise-absorbing plants.

To create a truly relaxing environment, consider the soundscape of your home. The sound of water, whether it’s crashing waves or a gentle trickle, has been shown to reduce stress, lower blood pressure, and promote overall well-being. These calming sounds stimulate the release of happiness and love hormones, helping you unwind and de-stress. Bamboo sounds are also super calming. You know those Japanese water features, the shishi-odoshi, where the bamboo tubes tip over and make that gentle clinking sound? That’s a great example. While you can’t have a whole Zen garden in your apartment, bamboo wind chimes are a nice way to bring that same peaceful vibe.

QoQoon’s pick: To incorporate the soothing sounds of water into your living space, consider LONN FIBERGLASS, a Thai brand offering a variety of stylish, lightweight fiberglass water features. These minimalist designs, often featuring a brushed stone finish, require minimal setup – simply fill with water and plug in. LONN FIBERGLASS even offers compact tabletop options, perfect for smaller spaces like condos.”