Art & Lifestyle
The Movies That Moved Pop Culture
ในวงกลมแห่งวัฒนธรรมป๊อป (Pop Culture) ไลฟ์สไตล์ ศิลปะ ดนตรี ภาพยนตร์ แฟชั่น อาจจะอยู่ในลูกบอลกลมๆ ที่โยนไปแล้วก็กระทบไปมาสะท้อนถึงอัตลักษณ์ของกันและกัน มีอิทธิพลเชื่อมโยงกัน และในจุดหนึ่งอาจจะซ้อนทับกัน จะบอกว่าอะไรมาก่อนก็น่าคิดอยู่
ในสมัยแรกๆที่ภาพยนตร์อิงศิลปะ อย่าง Metropolis (1927) ของ Fritz Lang หนังเอางานในแบบ Art Deco มาอิง ผสมผสานกับการนำเสนอแบบ German Expressionism แล้วก็ทำให้แผ่อาณาเขตไปยัง Fashion ผ่านมาอีกหลายทศวรรษ ราชินีเพลงป๊อปยังหยิบเอาศิลปะของ Metropolis มาใส่ในมิวสิกวิดีโอเพลง Express Yourself ได้อย่างน่าตื่นตะลึง และเราก็ต้องยอมรับว่าบางครั้งเราก็เห็น ไลฟ์สไตล์ ศิลปะ ดนตรี ภาพยนตร์ แฟชั่น วางเป็นเลเยอร์กันอยู่ ในเครือข่ายของ Metropolis กระทั่งมาถึง Madonna

ในสมัยแรกๆที่ภาพยนตร์อิงศิลปะ อย่าง Metropolis (1927) ของ Fritz Lang หนังเอางานในแบบ Art Deco มาอิง ผสมผสานกับการนำเสนอแบบ German Expressionism แล้วก็ทำให้แผ่อาณาเขตไปยัง Fashion ผ่านมาอีกหลายทศวรรษ ราชินีเพลงป๊อปยังหยิบเอาศิลปะของ Metropolis มาใส่ในมิวสิกวิดีโอเพลง Express Yourself ได้อย่างน่าตื่นตะลึง และเราก็ต้องยอมรับว่าบางครั้งเราก็เห็น ไลฟ์สไตล์ ศิลปะ ดนตรี ภาพยนตร์ แฟชั่น วางเป็นเลเยอร์กันอยู่ ในเครือข่ายของ Metropolis กระทั่งมาถึง Madonna
และถ้าจะหากาแลกซี่ให้สิ่งเหล่านี้อยู่เราอาจจะเรียกได้ว่า Pop Culture เราจะมาดูกันว่าตั้งแต่ยุค 60s มีหนังเด่นๆ เรื่องไหนกันบ้างที่ทรงอิทธิพลให้กับ Pop Culture
1960s Breakfast At Tiffany

Audrey Hepburn ในชุดของ Givenchy จาก Breakfast At Tiffany’s (Paramount)
Breakfast at Tiffany’s (1960) ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อนิยายของ Truman Capote มาทำเป็นหนัง จะกลายเป็นอะไรที่สร้างภาพจำและส่งไม้ทาง Pop Culture ต่อกันรุ่นสุ่รุ่นมากว่า 60 ปี ซีนเปิดที่ Audrey Hepburn ยืนกินอาหารเช้าหน้าร้าน Tiffany & Co. ยังคงมีคนเอามาใช้เป็น Reference มากมาย ชุดเอย ทรงผมเอย เครื่องประดับเอย Holly Golightly สร้างมาตรฐานให้ผู้หญิงและแฟชั่น ว่าสาวนิวยอร์คต้องมาทรงนี้ และถึงตัวหนังจะไม่ได้ขายความเป็นนิวยอร์คอะไรมากมาย แต่ก็มีคนส่วนใหญ่มองเห็น Breakfast at Tiffany’s ว่าคือชีวิตแบบนิวยอร์ค และอาจจะพูดได้ว่า หนังรอมคอมหลายเรื่องถึงทุกวันนี้ยังอิง Breakfast at Tiffany’s อยู่ ซีรีส์ดังอย่าง Sex and the City ก็มีกลิ่น Breakfast at Tiffany’s คลุ้งชัด และ Audrey Hepburn กับ Holly Golightly จะเป็นอมตะ
1970s Gangster & Horror Sci-Fi
The Godfather ไม่เพียงแค่เป็นหนังที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล แต่ Francis Ford Coppola เอานิยายดังของ Mario Puzo มาทำให้เห็นเป็นวิชวลบนแผ่นฟิล์ม โลกของแก๊งสเตอร์ที่นักดูหนังอาจจะเคยเห็นในหนังอาชญากรรมยุคโบราณอย่าง The Public Enemy หรือ Little Caesar ถูกเอามาแต่งโฉมให้ดูอลังการมากขึ้น มาเฟียใน The Godfather เป็นผู้ร้ายที่มีรสนิยม เสื้อผ้า ท่าทาง วางรากฐานให้กับหนังแนวแก๊งสเตอร์ ทุกเรื่อง…เน้น…ทุกเรื่อง ผู้ชายที่มีเทสต์ถ้าไปเที่ยวอิตาลี ก็น่าจะมีอิง The Godfather กันบ้างล่ะ
ในยุค 70s ยังมีการกำเนิดหนัง Block Buster อย่าง Jaws, Star Wars, Alien ที่มีอิทธิพลกับ Pop Culture คนละแบบ คนละมุม Jaws เป็นตัวสร้างบรรทัดฐานของการทำหนังให้ขายตั๋วได้ถล่มทลาย การสร้างหนังภาคต่อ หรือแม้แต่แฟชั่นเมืองริมชายหาด เสื้อยืด หมวกแก๊ป Jaws ก็ยังมีบทบาทและทำให้คนทั่วโลกผวาเวลาอยู่กลางท้องทะเล แค่เห็นครีบฉลามก็สยองแล้ว ที่สุดคือโน้ตแค่สี่โน้ตของ John Williams ทำให้คนจินตนาการไปต่างๆนานา

Main Title/John Williams/Jaws (From The “Jaws” Soundtrack)
ส่วน Star Wars ทำให้หนังไซไฟทะยานทะลุสตราโตสเฟียร์ และตัวละครในเรื่องกลายเป็นไอดอล อย่างเช่นฮัน โซโล, ลุค สกายวอล์คเกอร์, เจ้าหญิงเลอา, ชิวแบคคา และเป็นจุดเริ่มของการเอา Items ในหนังมาทำเป็นสินค้า ดาบไลท์เซเบอร์ที่เด็กผู้ชายรบเร้าให้แม่ซื้อ และยานทุกชนิดในหนังเอามาทำเป็นเมอร์แชนไดส์ได้ถึงรุ่นหลานเหลนโหลน
Alien มาในตอนปลายยุค 70s แต่ก็อิมแพคกับวัฒนธรรมป๊อปเน้นๆ หนังสยองขวัญกลางอวกาศที่มีตัวประหลาดจากต่างดาว หรือแม้แต่หนังเกี่ยวกับเหตุการณ์คับขันในอวกาศ ก็น่าจะต้องมี Alien เป็นครู Alien ยังทำให้เกิดพวกโมเดลสัตว์ประหลาด และตัว Xenomorph ในหนังก็เป็นต้นแบบให้กับสัตว์ประหลาดแห่งอวกาศอีกนับร้อย
1980s Back To The Future
ยุคแห่งหนังวัยรุ่น หนัง Coming-of-Age ของ John Hughes อย่าง The Breakfast Club, Ferris Bueller’s Day Off, Pretty in Pink อาจจะทำให้แฟชั่นยุค 80s ทั้งหญิงชายเป็นแบบนั้น Top Gun อาจจะทำให้วัยรุ่นที่ข้ามไปวัยหนุ่มอยากจะแต่งตัวให้เท่แบบ Tom Cruise กันทั้งโลก
แต่หนังที่ทรงอิทธิพลกับ Pop Culture มากที่สุด ยกให้ Back to the Future ใครจะไปคิดว่าหนังวัยรุ่นข้ามเวลาของ Robert Zemeckis จะทำให้ genre หนังข้ามเวลา เจาะอดีต สปีดไปอนาคต จะเป็นที่เฟื่องฟูมาถึงปัจจุบัน แฟชั่นถวิลหาอดีตในยุคที่บ้านเมืองสวยงามแบบสมัย 50s ก็มาจาก Back to the Future พาหนะข้ามเวลา The DeLorean ก็เอามาเล่นอะไรได้อีกมากมาย และหลายฉากในหนังคนก็ยังเอามาใช้สดุดีและล้อเลียนกันไม่จบ ถ้าจะบอกว่าเป็นคอหนังแล้วไม่เคยดู Back to the Future คือผิดมหันต์ เพราะแม้แต่คนดูหนังบ้างไม่ดูหนังบ้างก็ยังเคยดู
1990s Tarantino & Titanic
Pulp Fiction น่าจะเป็นหนังที่ทรงอิทธิพลกับ “อุตสาหกรรมหนัง” ที่ผันตัวไปเป็น “Pop Culture” อีกที Quentin Tarantino ฉีกกรอบการทำหนัง ทั้งการเล่าเรื่อง ไดอาล็อก การสร้างแคแรคเตอร์ตัวละคร Pulp Fiction เป็นอะไรที่สดใหม่ John Travolta กับ Samuel L Jackson เป็นนักเลงที่ดูไม่เหมือนนักเลง Uma Thurman เป็นเมียเจ้าพ่อในรูปโฉมที่คนดูไม่เคยเห็นมาก่อน Bruce Willis กับบทนักมวยผู้โรยรา ก็ต่างกับอะไรที่คนดูคุ้นชิน ตัวหนังเดินเรื่องแบบ Non-Linear ทำให้ผู้กำกับรุ่นต่อๆมาเอาวิธีนี้มาใช้กันเป็นขโยง Pulp Fiction อาจจะไม่ได้มีอะไรที่ปูทางให้ Pop Culture ตรงๆ แต่องค์รวมทำให้ Pop Culture ขยับเขยื้อนอย่างรุนแรง
อีกเรื่องของยุค 90s ที่มีอิทธิพลกับ Pop Culture เต็มๆคือ Titanic ไม่ใช่เขย่า Box Office กระจาย แต่หนังหายนะมหากาพย์ของ James Cameron ยังทำให้ หนังที่เอาเหตุการณ์สำคัญที่เคยเกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์มาทำให้คนสนใจประวัติศาสตร์กันอย่างบ้าคลั่ง รวมไปถึงยังถกเถียงกันเรื่องวิทยาศาสตร์ว่าไม้ที่โรสเกาะอยู่ถ้ากระเถิบให้แจ็คนิดนึงก็อาจจะรอดทั้งคู่ และถึงทุกคนจะบอกว่าไม่ใช่ แต่ไม่มีใครจะปฏิเสธหรอกว่าทุกครั้งที่อยู่บนเรือและเดินไปหัวเรือ เราก็มีภาพของแจ็คกับโรสตระกองกอดชัดเจน “I’m flying, Jack”

“I’m flying” Titanic
2000s The Franchise Era
ยุคแห่งแฟรนไชส์หนัง ไล่มาตั้งแต่ The Matrix (ตอนแรกมาปี 1999 แต่อนุโลมให้มา impact ยุค 2000s) คิวบู๊ วิถีกระสุน เสื้อผ้า เลือกยาเม็ดสีน้ำเงินหรือสีแดง The Matrix ปฏิวัติ Visual Effects แบบก้าวกระโดด และก่อให้เกิดหนังแนวแอคชั่นเชิงปรัชญา
Harry Potter ต้องคารวะผู้กำกับทุกคนที่ถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ในหนังสือมาเป็นภาพเคลื่อนไหวบนหนังได้อย่างมีเวทมนต์สม DNA และเจเนอเรชั่นที่โตมากับ Harry Potter ก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็นรุ่นบุกเบิก Fandom แบบที่คนยุคต่อมาเป็นกัน ไปถามเถอะว่าตัวละครไหนชอบอะไร ใครอะไรกับคนไหน แฟนหนังสือและแฟนหนังตอบได้ทุกอย่าง แฟชั่นของเด็กฮอกวอตส์เอามาทำเป็นเมอร์แชนไดส์ได้ตลอดกาล ถามว่าอิมแพคกับ Pop Culture แต่ไหน ก็ขนาดที่มิแรนด้า พรีสต์ลีย์ ให้แอนดี้ไปหาหนังสือแฮรี่ พอตเตอร์ ที่ยังไม่ได้วางแผงอะ คิดดู
The Lord of the Rings อีกหนึ่งแฟรนไชส์ที่อาจจะไม่ได้กระทบกระแทก Pop Culture แบบที่แฮรี่ พอตเตอร์เป็น แต่ก็ทำให้คนเอาหนังอิงนิยายแฟนตาซีในโลกโบราณมาสร้างกันยกใหญ่ และการทำทัวร์ทำทริปไปดูโลเคชั่นจริงในการถ่ายทำที่เกิดขึ้นเป็นล่ำเป็นสัน
2010s All About Marvel
แทบจะพูดได้ว่าหนังที่สร้างปรากฏการณ์สำคัญของยุคและทำให้อุตสาหกรรมบันเทิงพุ่งแบบวิ่งฉิวทั้งโลกคือหนังซูเปอร์ฮีโร่ของมาร์เวล เอาตัวละครที่คนรู้จักอย่างเช่น Ironman, Captain America, Spider-Man, Hulk, Wolverine, Black Panther และอีกมากมาทำให้คนผูกพันมากขึ้น หนังแต่ละเรื่องเชื่อมโยงกัน ต้องมีคนทำ Timeline มีวัฒนธรรมการดู Post-Credit (ไม่งั้นจะพลาดอะไรบางอย่าง) ถ้ามาร์เวลจะทำหนังต่อไปเรื่อยๆ ก็ทำไปได้ถึงกัลปาวสาน
2020s Viral Is the Word
ถึงจะยังพูดได้ไม่หนักแน่นว่ามีหนังเรื่องไหนที่มีอิทธิพลกับ Pop Culture ของคนยุคอัลฟ่า เบต้า แต่สิ่งหนึ่งที่หนังและซีรีส์ยุคนี้ต้องมีคือการสร้างกระแสให้เกิดในไวรัล แน่นอนว่าไวรัลคลิปไม่ใช่ตัวกำหนดคุณค่าของหนัง แต่ถ้าหนังยุคนี้ไม่ทำให้เกิดอะไรบนโซเชียลมีเดียได้เลย ก็ไม่ผ่านด่านแรกในการที่จะ influence วัฒนธรรมป๊อปแล้ว
Story: Pris Atirekananda