Art & Lifestyle
The Food Culture Journey by Awakening
เช็คอิน กิน เที่ยว เทศกาลไฟดิจิตัลอาร์ต ย่านทรงวาด - ตลาดน้อย
เจี๊ยะ ปึ่ง บ่วย? ประโยคภาษาจีนแบบเป็นกันเอง แปลว่า กินข้าวหรือยัง? ที่เหล่าอาม่าอากงมักส่งเสียงทักทายลูกหลาน ซึ่งเป็นคำที่ได้ยินบ่อยครั้งในย่านทรงวาด – ตลาดน้อย ชุมชนจีนเก่าแก่ ที่หากใครผ่านมาเดินชิลล์ย่านนี้ก็จะได้สัมผัสกลิ่นอายของวิถีชีวิตแบบชาวจีนโบราณ พร้อมได้ลิ้มรสอาหารที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะย่านนี้เท่านั้น
วันที่ 6 – 22 กันยายน 2567 นี้ เป็นจังหวะดีที่ให้คุณได้มาเดินชิลล์ตามร่องรอยแห่งวัฒนธรรมจีนดั้งเดิมกับงาน “The Food Culture Journey by Awakening” ฟู้ดคัลเจอร์ ปลุกย่านเก่า ด้วยความร่วมมือของ LINE MAN Wongnai และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) งานนี้เป็นศิลปกรรมไฟแบบดิจิตัลที่ได้แต่งแต้มสีสันสดใสให้ย่านทรงวาด – ตลาดน้อย เพื่อตอกย้ำเอกลักษณ์ของชุมชนจีนเก่าแก่กลางกรุงที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และเป็นย่านที่โดดเด่นในเรื่องของศิลปะที่ถูกถ่ายทอดผ่านสถาปัตยกรรม ผังเมือง อีกทั้งยังเต็มไปด้วยร้านอาหารต้นตำรับรสมืออาม่าที่ต้องได้มาลองชิมสักครั้ง
ภายในงานยังเอาใจแฟนอาร์ตด้วย “น้องบุช” คาแรคเตอร์สุดคิ้วท์ลายเส้นเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็น Cafe Collab ผลงานจาก Tum Ulit ที่จะพบเห็นน้องซ่อนตัวตามจุดต่างๆ ทั่วย่านทรงวาด – ตลาดน้อย ราวกับกำลังเดินชิลล์ไปด้วยกันกับผู้มาเยือน
จุดไฮไลต์สำคัญ คือผลงานการสร้างสรรค์ แสง สี เสียง แบบดิจิตัลอาร์ตที่เป็น Lighting Installation จัดขึ้นโดย Awakening จำนวน 6 จุด โดยจัดแสดงตั้งแต่เวลา 18.00 – 22.00 น. ที่เป็นส่วนหนึ่งของงาน ‘ฟู้ดคัลเจอร์ ปลุกย่านเก่า’ ที่ได้ถ่ายทอดเอกลักษณ์อาหารของย่านทรงวาด – ตลาดน้อยได้อย่างตระการตา ที่เหล่าคนรักงานอาร์ตไม่ควรพลาด
1. Lantern of Celebration
ดึงดูดสายตาด้วยเต็งลั้ง หรือโคมไฟจีนขนาดใหญ่อลังการ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมจีน ซึ่งมักจะประดับโคมไฟตามที่พักอาศัย ศาลเจ้า หรือสถานที่สำคัญของเมือง เพื่อประกอบพิธีกรรม หรือเป็นส่วนหนึ่งของงานเฉลิมฉลอง โดยมีจุดประสงค์เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล ชาวจีนมีความเชื่อว่าโคมไฟจีนนั้นแสดงถึงความรุ่งเรือง มั่งคั่ง ช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย และโคมไฟยังทําหน้าที่อื่นๆ อีก เช่น บอกชื่อสกุล บอกสถานะ บอกความสัมพันธ์ของชาวจีนได้ด้วย โดย Lighting Installation นี้ ติดตั้งอยู่ตรงลานจอดรถช้าง ถนนทรงวาด ซึ่งมีงานศิลปะขนาดใหญ่อย่าง “BUKRUK Street Art” ของ Roa ศิลปินชาวเบลเยียม ที่ได้สร้างภาพจำกับการวาดรูปช้างสองตัวพาดไว้บนอาคาร ซึ่งสะท้อนความเป็นไทยได้อีกแบบ และเมื่อตั้งอยู่กับโคมไฟจีน Lantern of Celebration ก็ยิ่งมอบความหมายใหม่ที่แสดงถึงความกลมกลืนของวัฒนธรรมไทยจีนที่อยู่คู่กันมาอย่างยาวนานในย่านการค้าจีนโบราณแห่งนี้
2. Taste of Songwat
งานโชว์ “ความเป็นทรงวาด” ผ่านวัฒนธรรมการกินอยู่ของผู้คนในย่านนี้จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ด้วยเทคนิค Projection Mapping โดยใช้โกดัง “ทรงวาดการค้า” เป็นผืนผ้าใบ เล่าเรื่องราวในสมัยก่อนของถนนทรงวาดที่เป็นจุดขนส่งและลำเลียงสินค้าที่เป็นวัตถุดิบประกอบอาหาร เมื่อเปลี่ยนผ่านกาลเวลามาจนในปัจจุบันถนนทรงวาดก็ยังคงมีกลิ่นอายของการขนส่งอาหารเช่นเดิม แต่เปลี่ยนไปตามลักษณะการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ที่ออเดอร์และรับส่งอาหารผ่านแอพพลิเคชั่น โดยเฉพาะ LINE MAN ที่เราคุ้นเคยกันดี ผลงานชิ้นนี้สร้างขึ้นด้วยคอนเซ็ปต์ Songwat Always Alive ที่บ่งบอกว่า แม้กาลเวลาจะทำให้ความเป็นทรงวาดกลายเป็นเพียงเรื่องเล่า แต่พื้นที่แห่งนี้ยังคงมีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นอยู่ดังเดิม
3. Flavour Check(in) Interactive Lighting
เป็นจุดไฮไลต์สำหรับเช็คอินเข้าสู่งาน ‘ฟู้ดคัลเจอร์ ปลุกย่านเก่า’ เป็นจุดรวมตัวที่ให้ผู้มาเยือนได้มาสร้างตัวตนผ่านรสชาติอาหาร โดยสามารถกรอกชื่อที่ต้องการผ่าน Device ของ Installation เพื่อให้เป็นประโยคปรากฏขึ้นบนจอไฟที่มีสีสันต่างๆ เปลี่ยนไปตามแต่ละรสชาติ ความสนุกอยู่ตรงที่ Installation นี้เปิดโอกาสให้คุณได้นำรสชาติอาหารมาอธิบายความเป็นตัวคุณ อีกทั้งได้ถ่ายรูปกับจอแสดงไฟที่มีสีสันสดใส สวยงาม โดยจุดเช็คอินนี้ตั้งอยู่บริเวณศาลเจ้าเล่าปูนเถ้ากง แหล่งรวมศรัทธาของชาวทรงวาด สถานที่ขอพรเรื่องการงาน และเป็นที่พึ่งทางใจของชาวไทยเชื้อสายจีนหลายยุคหลายสมัย ศาลเจ้านี้ก่อตั้งยาวนานกว่า 200 ปี แต่ได้ถูกบูรณะให้สมบูรณ์คล้ายคลึงกับในอดีตอยู่เรื่อยๆ จุดเช็คอินนี้จึงทำให้เราได้เห็นความคอนทราสต์ของศิลปะของยุคสมัยก่อนและยุคสมัยใหม่ไปในตัว
4. To the MOON and back
งานจัดแสดง Lighting Installation ที่มีแรงบันดาลใจจากความเชื่อของชาวจีนเกี่ยวกับ ‘พระจันทร์’ ว่าเป็นสัญลักษณ์ของความสมบูรณ์พูนสุข โดยตามพิธีกรรมของชาวจีนสมัยก่อนมักจะมีพิธีกราบไหว้บูชาพระจันทร์และเทพเจ้าที่ชาวจีนนิยมศรัทธาเพื่ออำนวยให้พืชผลมีความอุดมสมบูรณ์ Installation นี้ได้จัดแสดงพระจันทร์ขนาดใหญ่ให้ได้ชมอย่างใกล้ชิด โดยใช้เทคนิค Projection Mapping ฉายภาพพระจันทร์ถ่ายทอดเรื่องราวของประเพณีไหว้พระจันทร์ลงบนบอลลูนทรงกลม และแอบแฝงความน่ารักด้วยคาแรคเตอร์ Moon ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ LINE MAN การจัดแสดงนี้ติดตั้งในบริเวณโกดังเครื่องหอม ซึ่งถ้าพิจารณานัยยะก็สามารถเชื่อมโยงกับข้อมูลทางประวัติศาสตร์ว่า ในอดีตถนนทรงวาดนั้นเป็นย่านการค้าสำคัญของไทยที่มีการขนส่งสินค้าที่เป็นประเภทสมุนไพร เครื่องเทศ ซึ่งเป็นพืชผลหลักที่สำคัญในย่านพระนคร
5. Dish is lit! Lighting Installation
บริเวณกลางเส้นทรงวาด ตรงแยกเยาวพาณิช มีจุดแสดง Installation เป็นป้ายไฟแบบที่มักพบเห็นได้ทั่วไปในร้านอาหารย่านชุมชนจีน การจัดแสดงถูกออกแบบอย่างสวยงามให้เป็นป้ายไฟวงกลม 3 ป้าย ที่จะปรากฏเป็นอักษรภาษาจีน ซึ่งเป็นการบ่งบอกอีกแง่หนึ่งว่า ในย่านนี้ใช้ภาษาจีนกันโดยปกติวิถี เนื่องจากในสมัยก่อน ย่านทรงวาด – ตลาดน้อยเป็นชุมชนจีน 5 ภาษาถิ่น ได้แก่ ฮกเกี้ยน ฮากกา (แคะ) แต้จิ๋ว ไหหลำ และกวางตุ้ง โดยส่วนใหญ่มาจากมณฑลฝูเจี้ยน (มณฑลฮกเกี้ยน) บริเวณชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของจีน คนย่านนี้เมื่ออยู่บ้านมักใช้ภาษาจีนถิ่นตน เมื่อออกนอกบ้านก็ใช้ภาษาจีนแต้จิ๋ว ส่วนป้ายไฟที่จัดแสดงนั้นเป็นประโยคสำหรับถ่ายรูปบ่งบอกคาแรคเตอร์ของผู้มาเยือนโดยอธิบายด้วยรสชาติอาหาร เช่น ฉันเป็นคนเปรี้ยว ฉันเป็นคนเผ็ดร้อน ฯลฯ ซึ่งนำภาษาท้องถิ่นของย่านนี้มาใช้ได้อย่างกระชับ และตามเทรนด์คนยุคใหม่ อีกทั้งยังมีภาพของเมนูอาหารชื่อดังที่เป็น Signature ของย่านทรงวาด – ตลาดน้อย เป็นการเรียกน้ำย่อยไปอีกแบบ เช่น เมนูขนมไหว้พระจันทร์ เกี๊ยวซ่า ผัดเผ็ดมะเขือยาว ฯลฯ
6. Wondrous Door of Food
ติดตั้งที่บริเวณ The Warehouse ตลาดน้อย ซึ่งเป็น Installation ที่ถูกออกแบบให้เป็นเหมือนประตูมิติที่สู่โลกแห่งอนาคต โดยภายในบานประตูจะมีรูปเมนูอาหาร และเครื่องดื่มที่ขึ้นชื่อในย่านทรงวาด ตลาดน้อย รวมไปถึงย่านนางเลิ้งที่เป็นย่านใกล้เคียงกัน เมื่อลองปิดประตูและเปิดขึ้นมาอีกครั้ง จะพบว่ารูปอาหารภายในเปลี่ยนไปเป็นเมนูอื่นๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ประจำย่านเช่นกัน เช่น เมนูขนมจีบ ซาลาเปา ก๋วยเตี๋ยว เป็ดปักกิ่ง ฯลฯง โดยรูปเมนูอาหารและเครื่องดื่มนั้นถูกนำเสนอผ่านการดีไซน์แบบ Kaleidoscope ที่สร้างสรรค์มุมมองที่แปลกตา โดยการนำเสนอในครั้งนี้มีการแทนค่าประตูมิติให้เป็นเหมือนแอพลิเคชั่น LINE MAN ที่เมื่อเปิดแอพฯ ทีไรก็จะเจอเมนูแสนอร่อยหลากหลายเมนูให้เลือกสรรอยู่เสมอ
นอกจากนี้ภายในงานยังมีเวิร์คช็อปสนุกๆ อีกหลายจุด ที่เตรียมอัพสกิลศิลปะให้ผู้มาเยือนตามคาเฟ่ และร้านต่างๆ ที่อยู่ในย่าน ได้แก่
- เวิร์คช็อป Artisan Bun จัดที่ กู่หลงเปา
- เวิร์คช็อป Kohatou Candy จัดที่ AGAR RAGA Cafe
- เวิร์คช็อป Friendly Keychain จัดที่ A Thing That is Pieces Studio
- เวิร์คช็อป Sip & Paint in the Dark จัดที่ Such A Small World
ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อให้เป็นการกินทั้งวันเที่ยวทั้งคืน ทางงานได้มีมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินดังอย่าง Yented, Mirrr, Scrubb และ Landokmai ที่จะจัดขึ้น ณ ลานจอดรถช้าง ถนนทรงวาด ให้คุณได้ไปฟังเพลงชิลล์ๆ กันอีกด้วย เรียกว่ามาย่านนี้แล้วได้ครบทุกรสชาติความสนุกจริงๆ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เพจเฟซบุ๊ก Awakening Festivals
หรือสแกนคิวอาร์โค้ดของงาน “The Food Culture Journey by Awakening” จากในรูปภาพ เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมในการเที่ยวชมงานได้
Story: NAENOII
Photos: Pitawat Jarunpong