จากตึกแถวเก่าแก่ในย่านเมืองเก่าของพระนครที่เคยทรุดโทรมและเงียบเหงา วันนี้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ อดีตอาคารพาณิชย์สไตล์จีนหรือที่คนไทยเรียกติดปากกันอย่างคุ้นเคยว่า “ห้องแถว” ที่เคยเป็นศูนย์กลางการค้าและชุมชนมายาวนาน กำลังได้รับการพลิกโฉมครั้งใหญ่ เมื่อผนังเก่าที่เคยซีดเซียวภายในตึกที่มืดมิดถูกปรับปรุงใหม่ กลายเป็นคาเฟ่ที่เต็มไปด้วยผู้คน บาร์เก๋ๆ ที่เสิร์ฟเครื่องดื่มสุดสร้างสรรค์ แกลเลอรี่ร่วมสมัยที่นำเสนอศิลปะน่าสนใจ และอื่นๆ อีกมากมายหลากหลายฟังก์ชัน แต่ยังคงไว้ซึ่งเสน่ห์ดั้งเดิมและรายละเอียดทางสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ โดยผสมผสานความทันสมัยได้อย่างลงตัว สะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณที่ไม่หยุดนิ่งของกรุงเทพฯ

ช่วงทศวรรษที่ผ่านมาดูเหมือนว่าเทรนด์การนำตึกแถวเก่ามารีโนเวตใหม่นั้นได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นพร้อมกับการเติบโตของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะในช่วงหลังโควิด มีสถานที่มากมายผุดขึ้นมารองรับนักท่องเที่ยวและอินสตาแกรมเมอร์ (ที่พร้อมจะแชะรูปเช็คอินในทุกมุมทุกเวลา) ด้วยไอเดียที่หลากหลาย ซึ่งล้วนต่างแข่งขันกันด้วยคอนเซ็ปต์ ลูกเล่นในการออกแบบและการตกแต่งที่อัดแน่นด้วยความคิดสร้างสรรค์กระจายอยู่ทั่วกรุง แต่ถ้าจะนับที่เด่นๆ อันเกิดจากการที่มีร้านรวงเกาะกลุ่มกลมเกียวกระจุกตัวแน่นจนทำให้กลายเป็นย่านฮิตโดดเด่นขึ้นมา น่าจะเป็นย่านฮิตอย่าง เจริญกรุง ทรงวาด และนานา-เยาวราช มาดูกันสิว่าแต่ละย่านดังเขามีอะไรเด็ดกันบ้าง

ทรงวาด: จากถนนเครื่องเทศสู่ย่านฮิปน้องใหม่

หลายปีก่อนทรงวาดคงไม่ได้อยู่ในแผนที่ของย่านฮิปในกรุงเทพฯ ด้วยความที่เป็นย่านค้าส่งซัพพลายเออร์เครื่องเทศเครื่องปรุงอาหารนานามาแต่โบราณ ใครจะคาดว่าอยู่มาวันหนึ่งจะบูมขึ้นมาจนกลายเป็นย่านที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากที่สุดย่านหนึ่งของกรุงเทพฯ อย่างทุกวันนี้ ด้วยความคิดสร้างสรรค์ของผู้ประกอบการที่มีทั้งกลุ่มธุรกิจที่เป็นคนนอกพื้นที่ซึ่งเล็งเห็นความน่าจะเป็นไปได้ในการก่อกำเนิดธุรกิจใหม่ โดยอาศัยเสน่ห์จากตึกแถวอาคารพาณิชย์เก่าที่ถูกทิ้งร้างเนื่องจากความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยและการเปลี่ยนผ่านผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ ในขณะเดียวกันก็มีบางส่วนที่เป็นรุ่นลูกรุ่นหลานของคนในพื้นที่ซึ่งอาจจะไม่ได้ดำเนินกิจการต่อจากบรรพบุรุษแล้ว แต่เห็นดีเห็นงามในการที่จะพลิกฟื้นให้ตึกแถวเก่าๆ กลับมามีลมหายใจอีกครั้งในรูปแบบและประโยชน์ใช้สอยที่ต่างออกไป ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายของที่ระลึก และล่าสุดกับบาร์เล็กๆ ที่สร้าง Vibe แบบใหม่ให้กับถนนสายเครื่องเทศในอดีตให้กลับมาเผ็ดร้อนอีกครั้ง

Song Viet At Songwat

จัดว่าเป็นร้านในกลุ่มน้องใหม่ของย่านทรงวาด เปิดตัวได้ไม่นานก็ติดอันดับฮ็อตฮิตด้วยการจำลองบรรยากาศสตรีทฟู้ดของเวียดนามมาไว้ในตึกแถวกลางกรุงเทพฯ ด้วยโต๊ะเล็กและเก้าอี้เตี้ยแบบร้านข้างทางที่ถ้าใครได้เคยไปเที่ยวเวียดนามมาแล้วก็คงนึกภาพตามออก นอกจากบรรยากาศที่ตกแต่งแบบเวียดนามจ๋าแล้ว เมนูที่เสิร์ฟในร้านก็เช่นเดียวกัน มีตั้งแต่ ไข่กระทะ บั๋นหมี่หรือขนมปังบาแก็ตเวียดนามที่เหมาะสำหรับบรั้นช์มื้อสายๆ เฝอสำหรับมื้อเที่ยง หรือเมนูคุ้นปากคุ้นลิ้นคนไทยอื่นๆ ส่วนของหวานอย่างไอศครีมบั๋นหมี่ที่หน้าตาคล้ายไอศครีมขนมปังรถเข็น แต่พิเศษตรงที่ใช้ขนมปังบาแก็ตอบใหม่ทุกวันแทนขนมปังนิ่มๆ แบบเคยๆ ก็น่าสนใจไม่น้อย

ในส่วนของอินทีเรีย ทรงเวียตใช้ประโยชน์จากตึกเก่าเช่นเดียวกับร้านอื่นๆ ส่วนใหญ่ในย่านนี้ ยังคงโครงสร้างเดิมที่เปิดเปลือยให้เห็นรายละเอียดของเสาและคานที่เสริมแรงด้วยโครงสร้างเหล็กที่ถูกใส่เข้าไปเพิ่ม เช่นเดียวกับผนังที่ยังคงร่องรอยของกาลเวลาไว้บางส่วน หน้าร้านใช้สีสดจัดจ้านตัดฉับเรียกสายตาและลามเลียไปถึงพื้นที่ภายในร้าน มีสีเขียวเป็นแกน ตัดด้วยแดงและเหลือง พร้อมหยอดรายละเอียดของประดับจุกจิก รวมไปถึงงานกราฟิกและ Typography ที่ให้กลิ่นอายแบบเวียดนาม หน้าร้านมีจักรยานบรรทุกดอกไม้ตามอย่างรถจักรยานขายดอกไม้ที่ยังคงพบเห็นได้ตามท้องถนนในเวียดนาม ส่วนหลังร้านมีห้องไพรเวท รวมไปถึงพื้นที่ชั้นสองที่ยังไม่ได้ให้บริการ แต่สงวนไว้สำหรับกิจกรรมพิเศษ ซึ่งล่าสุดคุณพลอย จริยเวช มาเปิดตัวหนังสือเล่มล่าสุดของเธอที่ชื่อ Old Town Vacanza: Bangkok พร้อมเปิดห้างป๊อปอัพ Chanasson & Co ที่นำสินค้าแบบ Selected Items มาเสนอในส่วนนี้

ส่วนหลังร้านมีห้องไพรเวท รวมไปถึงพื้นที่ชั้นสองที่ยังไม่ได้ให้บริการ แต่สงวนไว้สำหรับกิจกรรมพิเศษ ซึ่งล่าสุดคุณพลอย จริยเวช มาเปิดตัวหนังสือเล่มล่าสุดของเธอที่ชื่อ Old Town Vacanza: Bangkok พร้อมเปิดห้างป๊อปอัพ Chanasson & Co ที่นำสินค้าแบบ Selected Items มาเสนอในส่วนนี้

Agar Raga

ในขณะที่หลายร้านในย่านทรงวาดเลือกที่จะปรับปรุงตึกแถวแถบนี้โดยใส่ความร่วมสมัยและไอเดียทวิสต์ต่างๆ แต่อการากา เลือกที่จะย้อนกลับไปในยุคสมัยที่เป็นจุดกำเนิดของตัวอาคาร คือการปรับปรุงด้วยการใส่สไตล์และรายละเอียดของตึกชิโน-โปรตุกีสให้คืนชีพอีกครั้ง หากแต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือการปรับเปลี่ยนรูปแบบของธุรกิจและสินค้าในร้านที่เป็นการต่อยอดจากรากเหง้าตั้งแต่สามรุ่นที่แล้ว คือรุ่นของอากงที่ทำธุรกิจ ‘วุ้นผงตราโทรศัพท์’ ซึ่งถือกำเนิดบนถนนทรงวาดแห่งนี้ และถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจของตระกูล กลายมาเป็นร้านอาหารและคาเฟ่ที่ทุกจานในเมนูทั้งคาวและหวานล้วนทำมาจากวุ้นแทบทั้งสิ้น โดยมาในรูปแบบของอาหารไทย-จีน ที่ผสมผสานระหว่างรสชาติแบบดั้งเดิมและความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ แบบฟิวชั่น

วุ้นของอการากาไม่ได้อยู่แค่บนจาน แต่รวมไปถึงโลโก้ที่ตัวดีไซน์เองนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากความงามในแบบตะวันออกที่ผสมผสานกับตะวันตกตามอย่างชิโน-โปรตุกีส ดีไซน์เอาไว้ในรูปแบบการจับตัวเป็นก้อนของวุ้นที่มีความคล้ายกับสแตมป์อากรแบบจีนจนกลายเป็นโลโก้ร้านที่ติดอยู่หน้าตึก ซึ่งคำว่า AGAR (อากา) แปลว่า วุ้น เอามารวมกับ RAGA (รากา) ซึ่งเป็นคำเดียวกันที่เขียนแบบกลับหลังนั่นเอง

F.V

หากเดินผ่านหน้าร้านเอฟวี หรือมองแค่ผาดๆ อาจจะนึกไม่ถึงว่าห้องแถวหลังประตูกระจกบานนี้จะเป็นอีกโลกหนึ่งที่แตกต่างแต่ทว่ากลมกลืนกับร้านรวงและตึกแถวในละแวกนี้ เมื่อเปิดประตูเข้ามาในร้านที่เราคิดว่าเป็นแค่ร้านกาแฟทั่วไปสักร้าน แต่แอบผงะเล็กน้อยและตะลึงเบาๆ เมื่อพบว่ามีบ้านไม้ทรงไทยโบราณซ้อนอยู่ภายในร้านอีกที เรือนไม้งานช่างฝีมือพื้นบ้านอีสานที่ประกอบขึ้นด้วยมือทั้งหลังโดยไม่ใช้น็อตหรือตะปูใดๆ ถูกยกมาจากมุกดาหารมาตั้งอยู่กลางทรงวาดแบบไม่เคอะเขิน รวมไปถึงการตกแต่งที่เต็มไปด้วยรายละเอียดซึ่งหากจะฟันธงลงไปว่าเป็นสไตล์ไหนก็คงพูดไม่ได้เต็มปาก เพราะมีทั้งลูกเล่นแบบโมเดิร์น การใช้กระจกสะท้อนมิติที่ทั้งลวงและพรางสเปซจริง ผนังปูนเปลือยและบันไดเหล็กแบบอินตัสเตรียล เฟอร์นิเจอร์วินเทจ Mid-Century ที่วางรวมกับข้าวของพื้นบ้านอีสาน ก็คงมีคำกลางๆ อย่าง Eclectic เท่านั้นที่จะพออธิบายขยายความสไตล์ที่หลากหลายภายในร้าน

เรือนไม้งานช่างฝีมือพื้นบ้านอีสานที่ประกอบขึ้นด้วยมือทั้งหลังโดยไม่ใช้น็อตหรือตะปูใดๆ ถูกยกมาจากมุกดาหารมาตั้งอยู่กลางทรงวาดแบบไม่เคอะเขิน รวมไปถึงการตกแต่งที่เต็มไปด้วยรายละเอียดซึ่งหากจะฟันธงลงไปว่าเป็นสไตล์ไหนก็คงพูดไม่ได้เต็มปาก เพราะมีทั้งลูกเล่นแบบโมเดิร์น การใช้กระจกสะท้อนมิติที่ทั้งลวงและพรางสเปซจริง ผนังปูนเปลือยและบันไดเหล็กแบบอินตัสเตรียล เฟอร์นิเจอร์วินเทจ Mid-Century ที่วางรวมกับข้าวของพื้นบ้านอีสาน ก็คงมีคำกลางๆ อย่าง Eclectic เท่านั้นที่จะพออธิบายขยายความสไตล์ที่หลากหลายภายในร้าน

นอกจากงานอินทีเรียที่น่าสนใจแล้ว อีกสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อยไปกว่ากันนั่นคือ สินค้าและอาหารในร้านที่มาจากชุมชนในชนบทหลากหลายที่ทั่วไทย เป็นของพื้นบ้านที่หาได้ยากในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะกลางกรุงเทพฯ แบบนี้ หลายอย่างคุ้นเคยคุ้นตา หลายอย่างไม่เคยทราบมาก่อน หลายอย่างไม่เคยคิดว่าจะกินได้ เช่น ชาไมยราบ และชาอื่นๆ ที่ได้จากพืชไม่พึงประสงค์ ที่เราเรียกกันว่า ‘วัชพืช’ นอกจากนี้ภายในร้านยังเป็นที่จัดแสดงงานศิลปะของศิลปินไทยและเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์ และกิจกรรมเพื่อชุมชนที่น่าสนับสนุน

IG: fv_bkk

CÉRÉMONIALE Matcha Atelier

ช่วงปีที่ผ่านมา กระแสการดื่มมัทฉะถือว่ามาแรงมากในสายของคนที่ชื่นชอบในการดื่มชาที่รักสุขภาพ ความรื่นรมย์ที่แสนลุ่มลึกนี้มีหรือที่จะมาไม่ถึงย่านฮิปแห่งนี้ Cérémoniale Matcha Atelier คือร้านชามัทฉะที่ซ่อนตัวอยู่บนชั้นสองของตึกเก่าหลังหนึ่ง ซึ่งไม่มีหน้าร้านใดๆ นอกจากปะตูเหล็กเก่าๆ และม่านผ้าสีดำที่มีชื่อร้านอยู่ที่ชายผ้า เมื่อชะโงกหน้าเข้าไปดูจึงจะเห็นบันไดทางขึ้นทอดตัวยาวสู่ชั้นสอง ที่ซึ่งเป็นที่ตั้งจริงๆ ของร้านน้ำชาที่เน้นชามัทฉะที่ใช้ในพิธีชงชา หรือที่เรียกกันว่า Ceremonial Tea

ฟากหนึ่งคือจุดที่รับออเดอร์ซึ่งซ่อนตัวอยู่ฝั่งด้านในมุมมืด มีเชือกเส้นใหญ่แบบที่เคยเห็นในวัดญี่ปุ่นคั่นกลางห้อง อีกฟากซึ่งเป็นฝั่งที่ติดกับถนนเป็นห้องปรับอากาศสำหรับให้ลูกค้าได้นั่งดื่มชากัน ดูเผินๆ เหมือนกับจะเป็นซอกระหว่างห้องแถวสองห้องที่มีบันไดและหลังคาคุ้มแดดฝนมากกว่าจะเป็นห้องหับอย่างร้านอื่น แต่ความลึกลับและความแคบนี้กลับกลายเป็นความแตกต่างที่สร้างเสน่ห์ให้กับร้านไม่แพ้ชามัทฉะรสละมุนหอมกรุ่นที่เสิร์ฟมาในแก้ว

Abby Nails Salon/ Hostel Urby/ Woodbrook/ Barbon/ Riverfront Deck

ใครจะคิดตึกแถวสีเขียวขนาดหนึ่งคูหาขนาดกระทัดรัด จะเป็นสถานที่ที่รวมไลฟ์สไตล์หลายหลากเอามาไว้ในที่เดียวแบบครบวงจร ตั้งแต่ชั้นล่างสุดที่เป็นร้านทำเล็บ Abby Nails Salon ที่ตกแต่งด้วยบรรยากาศย้อนยุคสุดโคซี่ เมื่อเดินผ่านส่วนนี้ตามทางเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน ก็จะได้พบกับ Hostel Urby ซึ่งถือว่าเป็นโฮสเทลแรกๆในย่านนี้ กับบรรยากาศย้อนยุคหน่อยๆ ที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์และข้าวของสไตล์ Mid-Century

เมื่อเดินผ่านส่วนนี้ตามทางเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน ก็จะได้พบกับ Hostel Urby ซึ่งถือว่าเป็นโฮสเทลแรกๆในย่านนี้ กับบรรยากาศย้อนยุคหน่อยๆ ที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์และข้าวของสไตล์ Mid-Century

เช่นเดียวกับ Barbon บาร์ที่อยู่ถัดขึ้นไปอีกชั้น ที่ยังคงสไตล์และโครงสีต่อเนื่องกันมา ทั้งสีเขียว เทา ดำ และไม้สีเข้ม ติดกันคือ Woodbrook ร้านกาแฟที่ห่างกันเพียงแค่ฝาผนังกั้น มีประตูเปิดถึงกันได้ และเชื่อมต่อไปยังระเบียงนอกร้านซึ่งเป็นส่วนที่เรียกว่า Riverfront Deck สำหรับไว้นั่งชิลล์ชมวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยา เวลาแดดร่มลมตกช่วงเย็นๆ จะสวยเป็นพิเศษ

Copenn.

แค่ร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายของที่ระลึก ก็น่าจะเพียงพอที่จะทำให้ทรงวาดเป็นย่านที่ฮิปที่สุดในขณะนี้ แต่การมาถึงของร้านอย่าง Copenn. ดูเหมือนจะมาช่วยเติมความสมบูรณ์ให้กับทรงวาด ซึ่งถึงแม้หลายคนอาจจะมองว่าเป็นร้านขายเครื่องหอม และทางแบรนด์เองบอกว่าเป็น pop-up store สาขาทรงวาด แต่เรามองว่า Copenn. เป็นบูทีคที่เหมือนกับ concept store ที่ลูกค้าจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ในทุกมิติ นอกเหนือจากแค่การมาเลือกซื้อเครื่องหอม

เริ่มตั้งแต่ฟาซาดเท็กซ์เจอร์ปูนสีตุ่น วินโดว์ดิสเพลย์แบบมินิมัลที่ถ้าไม่บอกหรือไม่ได้มาเดินด้วยตัวเองก็คงนึกไม่ออกว่าที่นี่คือทรงวาด มู้ดและโทนของดีไซน์ถูกส่งผ่านจากหน้าร้านเข้าสู่ภายในอย่างต่อเนื่องด้วยเส้นสายเรียบกริบ วัสดุอย่างหิน ปูน สเตนเลส และเนื้อไม้เผาไฟที่ถูกจัดวางในสัดส่วนที่เหมาะเจาะ บวกกับกลิ่นหอม การออกแบบแสง สร้างบรรยากาศแสนสงบ เยือกเย็นแต่ไม่เย็นยะเยือก รวมไปถึงรอยยิ้มและบทสนทนาที่เป็นมิตรจากพนักงานในร้าน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ข้าวของติดไม้ติดมือกลับไป แต่ได้ความประทับใจจากประสบการณ์กลับบ้านแน่นอน

The National Bar

บาร์แห่งชาติที่มาเติมสีสันและความคึกคักในยามค่ำคืนให้กับทรงวาด โดยทีมงาน Dudesweet เจ้าแห่งปาร์ตี้อินดี้ที่หันมาทำบาร์ของตัวเองและไปได้สวยกับบาร์แรกในชื่อ มิจฉาชีพ (Mischa Cheap) จนมาถึงบาร์ที่สองนี้ที่ย้ายโลเคชั่นจากถนนข้าวสารมาอาละวาดที่ทรงวาดในชื่อ The National Bar

Dudesweet + เพลงอินดี้ + ตึกแถวเก่าในทรงวาด อาจจะฟังดูแปลกๆ แต่ The National Bar ก็หาคำตอบให้กับสมการนี้ได้อย่างลงตัว ว่ากันตั้งแต่เรื่องดีไซน์ที่ใช้ประโยชน์จากห้องแถวคูหาเดียวที่มีความแคบแต่ลึก โดยแบ่งเป็นโซนๆ เริ่มจากโซนแรกที่เป็นบาร์เครื่องดื่มและบูธดีเจซึ่งตั้งอยู่คนระฟากกัน จัดวางโต๊ะเก้าอี้ขนาดกระทัดรัดไว้ระหว่างกลาง มีช่องดับเพลิงที่ถูกแปลงเป็นที่นั่งแบบเอ็กซ์คลูซีฟด้วยการทำเบาะนั่งยัดเข้าไป พร้อมประดับด้านในด้วยการกรุกระจกโมเสกสีแดงสด ซึ่งเทคนิคกระจกสีโมเสกแบบที่เราเห็นตามวัดไทยแบบนี้ปรากฏอยู่ในรายละเอียดการตกแต่งผนังอีกฝั่ง รวมไปถึงผนังโซนด้านในสุดที่เหมือนจิตรกรรมฝาผนังซึ่งถูกนำมาตัดทอนและดัดแปลงให้โมเดิร์นขึ้นพร้อมใส่อารมณ์ขันซื่อๆ แบบ Naive ตามสไตล์ของ Dudesweet เช่นเดียวกับตัวการ์ตูนหน้าร้านขนาดเท่าคนจริง ซึ่งเป็นคาแรคเตอร์ที่ โน้ต พงษ์สรวง แห่ง Dudesweet เคยวาดเอาไว้ในนิตยสาร MTV Trax ในช่วงปี 2000s ในรายละเอียดทุกๆ ส่วนของร้านให้บรรยากาศอินดี้ย้อนยุคสุดคิทช์ (Kitsch) เช่นเดียวกับดนตรีจากเพลย์ลิสต์และดีเจของ Dudesweet อันเป็นซิกเนเจอร์ซึ่งเป็นที่จดจำของวัยรุ่นชาวร็อคทั้งหลาย

จัดวางโต๊ะเก้าอี้ขนาดกระทัดรัดไว้ระหว่างกลาง มีช่องดับเพลิงที่ถูกแปลงเป็นที่นั่งแบบเอ็กซ์คลูซีฟด้วยการทำเบาะนั่งยัดเข้าไป พร้อมประดับด้านในด้วยการกรุกระจกโมเสกสีแดงสด ซึ่งเทคนิคกระจกสีโมเสกแบบที่เราเห็นตามวัดไทยแบบนี้ปรากฏอยู่ในรายละเอียดการตกแต่งผนังอีกฝั่ง รวมไปถึงผนังโซนด้านในสุดที่เหมือนจิตรกรรมฝาผนังซึ่งถูกนำมาตัดทอนและดัดแปลงให้โมเดิร์นขึ้นพร้อมใส่อารมณ์ขันซื่อๆ แบบ Naive ตามสไตล์ของ Dudesweet เช่นเดียวกับตัวการ์ตูนหน้าร้านขนาดเท่าคนจริง ซึ่งเป็นคาแรคเตอร์ที่ โน้ต พงษ์สรวง แห่ง Dudesweet เคยวาดเอาไว้ในนิตยสาร MTV Trax ในช่วงปี 2000s ในรายละเอียดทุกๆ ส่วนของร้านให้บรรยากาศอินดี้ย้อนยุคสุดคิทช์ (Kitsch) เช่นเดียวกับดนตรีจากเพลย์ลิสต์และดีเจของ Dudesweet อันเป็นซิกเนเจอร์ซึ่งเป็นที่จดจำของวัยรุ่นชาวร็อคทั้งหลาย

ที่กล่าวมาข้างต้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของตัวอย่างการนำตึกแถวเก่าในย่านทรงวาดมาแปลงโฉมและชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ ยังมีอีกหลายแห่งที่ตกแต่งอย่างมีสไตล์และมีคอนเซ็ปต์ของสินค้าและบริการที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นร้านในเครือ “อิส_แฮพ_เพ่น” ซึ่งประกอบไปด้วยร้านอาหาร อี-กา Lab และ อี-กา Luv SEAFOOD , ร้านเค้ก A Pink Rabbit and Bob และ Road of Cinnamon ร้านขายของที่ระลึกที่รวบรวมงานฝีมือจากทั่วประเทศไทย ส่วนสายแฟชั่น ก็มีร้าน Renim Project แบรนด์สตรีทแวร์จากดีไซเนอร์ไฟแรงของไทยที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวในเรื่องของการนำยีนส์เก่ากลับมาเข้าสู่กระบวนการผลิตใหม่ ซึ่งโชวร์รูมตั้งอยู่เกือบสุดของถนนช่วงที่จะต่อเข้าไปสู่ตลาดน้อย ย่านฮิปรุ่นพี่ที่แจ้งเกิดมาก่อนหน้านี้ เรียกได้ว่ามาเดินที่ทรงวาดก็จะได้สัมผัสกับประสบการณ์ในแทบจะทุกรูปแบบ

เจริญกรุง: เสน่ห์เมืองเก่ากับคอมมูนิตี้ศิลปะและไลฟ์สไตล์

ย่านถนนเจริญกรุงน่าจะเป็นย่านแรกๆ ที่มีการนำตึกแถวเก่ามาแปลงโฉมและกลายเป็นย่านศูนย์กลางของศิลปะและงานสร้างสรรค์ของกรุงเทพฯ ถึงขึ้นได้ชื่อว่าเป็น Design District ของไทย กิจกรรมสร้างสรรค์สำคัญๆ ของกรุงเทพฯ มักจะจัดขึ้นโดยมีย่านนี้เป็นศูนย์กลาง นอกจากนี้ยังมีตึกแถวที่ได้รับการรีโนเวตให้กลายเป็นร้านค้า โฮสเทล และร้านอาหารระดับมิชลินกระจายตัวกันอยู่ตามสองฝั่งถนน แต่มีสองที่ที่ QoQoon อยากนำมาแนะนำให้ทำความรู้จักกันอีกครั้ง

Charoen43 Art & Eatery

จากเวิ้งที่เป็นกลุ่มของตึกแถวเก่า ถูกปรับเปลี่ยนแปลงโฉมให้กลายมาเป็นกลุ่มของพื้นที่ที่ไม่ใช่เพียงแค่ร้านค้าและคาเฟ่เก๋ๆ แต่เป็นพื้นแห่งความสัมพันธ์และการสร้างสรรค์ที่เปิดตัวมาได้พักใหญ่ แต่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าโครงการ Charoen43 Art & Eatery มีอะไรมากกว่าแค่ที่เห็นจากริมถนนและบนทางเท้าของเจริญกรุง และหลายคนอาจจะเดินผ่านไปโดยที่ไม่ทราบว่ามีสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อยซุกซ่อนอยู่ด้านหลัง

Charoen43 Art & Eatery ประกอบไปด้วยห้องแถวสองชั้น ที่ซ้อนกันอยู่ โดยมีตรอกเล็กๆ ข้างตึก ที่นำเราจากตึกแถวกลุ่มแรกที่อยู่ริมถนน เข้าสู่ตึกแถวอีกกลุ่มที่อยู่ด้านหลัง มีพื้นที่ใช้สอยร่วมที่เหมือนกับคอร์ยาทตรงกลาง ทำหน้าที่เป็นหลังบ้านของตึกแถวหน้า และเป็นหน้าบ้านของตึกแถวหลัง แถวหน้าประกอบไปด้วย Bicycle Boys Clubhouse ร้านจักรยานที่ไม่ใช่ร้านขายจักรยานทั่วไป แต่เป็นคอมมูนิตี้สำหรับนักปั่นผู้หลงใหลในยานพาหนะสองล้อ นอกจากจะขายสินค้าที่เกี่ยวกับจักรยานแล้ว ยังเป็นคาเฟ่เอาไว้ให้นักปั่นได้มานั่งชิลล์พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันไปด้วยในตัวภายใต้การตกแต่งกลิ่นอายอินดัสเตรียลล็อฟต์ที่มีดีเทลกราฟิตี้อยู่หน้าร้าน

Bicycle Boys Clubhouse
Bicycle Boys Clubhouse
Bicycle Boys Clubhouse
Bicycle Boys Clubhouse

ต่างจากร้านถัดมาที่โปร่งโล่งสดใสด้วยผนังสีขาว ใส่รายละเอียดและสัมผัสจจากไม้อบอุ่นสไตล์นอร์ดิกของ Madi Café หรือชื่อไทยๆ ว่า “มาดิ” ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนชวนเพื่อนมานั่งพักผ่อนพูดคุยในบรรยากาศสบายๆ ชั้นล่างเป็นคาเฟ่และไวน์บาร์ ส่วนชั้นบนมีพื้นที่สำหรับจัดแสดงผลงานศิลปะเป็นเหมือนแกลเลอรี่เล็กๆ น่ารัก มองผ่านโค้งกระจกด้านหลังลงมาเห็นคอร์ทยาร์ดส่วนกลาง ถัดมาเป็น REN Cafe and Goods คาเฟ่ที่โดดเด่นในเรื่องของชามัทฉะและการตกแต่งร้านในโทนสีเขียวสดชื่นสมกับเป็นคาเฟ่ที่เสิร์ฟชาเขียว รวมไปถึงสีเขียวจากต้นไม้ที่แทรกตัวอยู่ตามจุดต่างๆทั้งภายนอกและภายในร้าน เช่นเดียวกับมาดิ Ren มุมผ่อนคลายริมหน้าต่างด้านหลังที่มองเห็นต้นไม้สีเขียวในคอร์ทยาร์ด

Madi Café
Madi Café

ถัดมาเป็น REN Cafe and Goods คาเฟ่ที่โดดเด่นในเรื่องของชามัทฉะและการตกแต่งร้านในโทนสีเขียวสดชื่นสมกับเป็นคาเฟ่ที่เสิร์ฟชาเขียว รวมไปถึงสีเขียวจากต้นไม้ที่แทรกตัวอยู่ตามจุดต่างๆทั้งภายนอกและภายในร้าน เช่นเดียวกับมาดิ Ren มุมผ่อนคลายริมหน้าต่างด้านหลังที่มองเห็นต้นไม้สีเขียวในคอร์ทยาร์ด

REN Cafe and Goods
REN Cafe and Goods

ส่วนห้องหัวมุมคือ Small Dinner Club ร้านไฟน์ไดนนิ่งลึกลับที่ซ่อนตัวอยู่หลังผนังปูนสีตุ่น ที่ต้องจองล่วงหน้าผ่านระบบของทางร้านเท่านั้นจึงจะมีโอกาสได้เข้าไปเยี่ยมชมและชิมอาหารไทยสูตรพิเศษจากออสเตรเลีย

ข้างๆ Small Dinner Club มีตรอกเล็กๆ มีป้ายโครงการ Charoen43 ติดอยู่ด้านหน้า ชะโงกหน้าไปดูจะพบกับต้นไม้ร่มเขียวครึ้มและตึกแถวอีกตึกด้านหลัง ร้านแรกคือ Bangkok Mojo ที่มีหน้ากว้างขนาด 2 คูหา แม้จะไม่ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างและรายละเอียดการตกแต่งมากมายนัก แต่สีเขียว-เหลืองสดใสก็แตะตา ชวนให้เข้าไปค้นหาภายในบาร์ที่จัดไว้รองรับนักดนตรีที่หาเวทีแสดงฝีมือไม่ได้ง่ายๆ อย่างดนตรีคลาสสิก และเพลงที่ไม่ได้อยู่ในกระแสหลักสักเท่าไหร่

Bangkok Mojo
Bangkok Mojo
Bangkok Mojo
Bangkok Mojo

ถัดมาเป็นร้านแผ่นเสียง Entertainment Project ที่ตกแต่งด้วยสีสดไม่แพ้กันแต่เพิ่มความร้อนแรงยิ่งขึ้นด้วยการใช้คู่สีแดง-ฟ้า ภายในร้านจำหน่ายแผ่นเสียงไวนีลที่คัดสรรมาแล้ว จึงไม่แปลกที่เราจะเจอแผ่นอย่าง Tidal ของ Fiona Apple ที่นี่ นอกจากนี้ยังเป็นทั้งบาร์และคาเฟ่ไปด้วยในตัว มีบันไดสีแดงสดด้านหลังทอดตัวขึ้นไปสู่ชั้นสองซึ่งเป็นสถานีวิทยุของ bangkokcommunityradio.com หากวันไหนที่มีการออกอากาศ ก็สามารถเข้าไปนั่งชมการจัดรายการแบบสดๆได้

Entertainment Project
Entertainment Project
bangkokcommunityradio.com
bangkokcommunityradio.com

จากเรื่องของเสียงเพลง เราก็มาต่อกันที่เรื่องของแฟชั่นในห้องข้างๆ ที่ C43 : Fashion and Inspiration Space ร้านขายเสื้อผ้า ของใช้ ของที่ระลึก และของสะสมวินเทจแบบมัลติแบรนด์ของคนไทย ภายใต้รายละเอียดของการตกแต่งที่ให้บรรยากาศย้อนยุคด้วยไม้เก่าและของวินเทจ โดยจัดวางสินค้าของแบรนด์ Good Mixer, GAS, GAS Vintage, KERA, Treasure House, Beehive, One’s best boy, Sumo vintage, Marsi, Deck me และ Botanica ก่อนที่เราจะไปจบที่ร้านสุดท้าย Cutie Is Baking ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของขนมอบสมชื่อ

C43 : Fashion and Inspiration Space
C43 : Fashion and Inspiration Space
Cutie Is Baking
Cutie Is Baking

Charoen43 Art & Eatery ให้ความรู้สึกของการเป็นคอมมูนิตี้สมชื่อ ด้วยความน่ารัก เรียบง่าย เป็นกันเอง และถ้อยทีถ้อยอาศัยอย่างที่สังคมไทยควรจะเป็น ถ้าจะให้นิยามเราขอเรียกที่แห่งนี้ว่า old soul with new spirit แห่งเจริญกรุง

Central The Original Store

ตึกแถวเก่าที่เราจะพูดถึงต่อไปนี้ค่อนข้างจะแปลกกว่าตึกแถวที่ผ่านๆ มา เพราะส่วนใหญ่จะเป็นบ้านหรืออาคารพาณิชย์คูหาเล็กๆ หรือตึกเก่าแก่ยุคชิโนโปรตุกีส ในขณะที่ตึกนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นมาอีก เพราะเคยเป็นต้นกำเนิดของห้างดังระดับยักษ์ใหญ่ของวงการห้างสรรพสินค้าไทย นั่นคือตึกเซ็นทรัลเดิม ที่วันนี้กลายสภาพจากห้างสรรพสินค้าเป็นพื้นที่แห่งศิลปะและความสร้างสรรค์อีกแห่งในย่านเจริญกรุง

จากจุดเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2493 ห้างเซ็นทรัลอันมีที่มาของชื่อจากคำว่า “จงยาง” 中央 ที่แปลว่า “ศูนย์กลาง” ถือกำเนิดขึ้นบนอาคารเลขที่ 1266 ถนนเจริญกรุงแห่งนี้ ที่นี่จึงเป็นเหมือนต้นกำเนิดและมรดกล้ำค่าของกลุ่มเซ็นทรัล การเปลี่ยนแปลงอาคารแห่งนี้จึงเป็นมากกว่าแค่ผลประโยชน์ทางด้านธุกิจการค้า

จากแรงบันดาลใจในการนำเข้านิตยสารสิ่งพิมพ์จากต่างประเทศในยุคแรก จึงนำมาสู่การเปิดเป็นห้องสมุดที่เสน่ห์ของสิ่งพิมพ์ในอดีตอันรุ่งเรืองถูกผสานเข้ากับเทคโนโยลีของโลกดิจิตัลยุคปัจจุบัน กลายเป็นพื้นที่สำหรับให้ทุกคนได้เข้ามาค้นค้าหาความรู้และเสพงานศิลป์และดีไซน์ไปพร้อมกัน ตัวอาคารเองทำหน้าที่เป็นเหมือน case study ของการปรับปรุงอาคารตึกแถวเก่าให้มีความทันสมัย แต่ไม่เอะอะจนกลายเป็นสิ่งแปลกปลอมภายใต้ทัศนียภาพแวดล้อมของเมืองเก่า ทั้งงานสถาปัตยกรรมและการตกแต่งภายในสงบเสงี่ยมเรียบร้อย แต่มีความกริบทุกตารางนิ้ว

จากแรงบันดาลใจในการนำเข้านิตยสารสิ่งพิมพ์จากต่างประเทศในยุคแรก จึงนำมาสู่การเปิดเป็นห้องสมุดที่เสน่ห์ของสิ่งพิมพ์ในอดีตอันรุ่งเรืองถูกผสานเข้ากับเทคโนโยลีของโลกดิจิตัลยุคปัจจุบัน กลายเป็นพื้นที่สำหรับให้ทุกคนได้เข้ามาค้นค้าหาความรู้และเสพงานศิลป์และดีไซน์ไปพร้อมกัน ตัวอาคารเองทำหน้าที่เป็นเหมือน case study ของการปรับปรุงอาคารตึกแถวเก่าให้มีความทันสมัย แต่ไม่เอะอะจนกลายเป็นสิ่งแปลกปลอมภายใต้ทัศนียภาพแวดล้อมของเมืองเก่า ทั้งงานสถาปัตยกรรมและการตกแต่งภายในสงบเสงี่ยมเรียบร้อย แต่มีความกริบทุกตารางนิ้ว

ภายในตึกอิฐสีส้มที่เรียงตัวเต็มฟาซาด จัดสรรพื้นที่ใช้สอยแบ่งออกไปตามพื้นที่แต่ละชั้น โดยในชั้นที่ 1 เป็นส่วนของคาเฟ่ที่จัดแสดงสินค้าปลีกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ หรือสินค้าดีไซน์ที่มีกิมมิกน่าสนใจ สอดแทรกเรื่องราวในอดีตของกลุ่มเซ็นทรัลและประวัติศาสตร์ย่านเจริญกรุง มีประตูเชื่อมต่อไปถึง Siwilai Sound Club ที่อยู่ด้านหลัง ชั้นสองคือห้องสมุด The Kolophon Retail Library ห้องสมุดที่รวบรวมคลังความรู้เกี่ยวกับการค้าปลีกซึ่งเป็นจุดเด่นของเซ็นทรัล มีการให้บริการระบบสมาชิกเหมือนห้องสมุดประชาชนในอดีต และแบบ Pay Per Use ชั้น 3 และชั้น 4 เป็นพื้นที่สำหรับจัดนิทรรศการหรืออีเว้นต์ต่างๆ ภายใต้สเปซสวยๆ ที่มีช่องหน้าต่างกระจกบานใหญ่มองเห็นวิวเมืองเก่าด้านนอก ส่วนชั้นบนสุดคือชั้น 5 เป็นร้านอาหาร Aksorn โดยเชฟ David Thompson ที่สร้างสรรค์สูตรอาหารต้นตำรับจากตำราอาหารไทยโบราณที่ตีพิมพ์ในช่วงระหว่างทศวรรษที่ 50 – 70 เรียกได้ว่าเป็นคลังที่จะเติมอาหารให้กับสมองและท้องอิ่ม พร้อมอาหารจรรโลงใจในคราวเดียวกัน

ชั้น 3 และชั้น 4 เป็นพื้นที่สำหรับจัดนิทรรศการหรืออีเว้นต์ต่างๆ ภายใต้สเปซสวยๆ ที่มีช่องหน้าต่างกระจกบานใหญ่มองเห็นวิวเมืองเก่าด้านนอก ส่วนชั้นบนสุดคือชั้น 5 เป็นร้านอาหาร Aksorn โดยเชฟ David Thompson ที่สร้างสรรค์สูตรอาหารต้นตำรับจากตำราอาหารไทยโบราณที่ตีพิมพ์ในช่วงระหว่างทศวรรษที่ 50 – 70 เรียกได้ว่าเป็นคลังที่จะเติมอาหารให้กับสมองและท้องอิ่ม พร้อมอาหารจรรโลงใจในคราวเดียวกัน

นานา-เยาวราช: สีสันยามค่ำคืนใกล้เยาวราช

ย่านซอยนานา (คนละนานากับย่านท่องเที่ยวกลางคืนบนถนนสุขุมวิท-อย่าสับสน) ที่เชื่อมต่อระหว่างถนนไมตรีจิตต์และเยาวราช มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอดในช่วงสิบปีมานี้ จากห้องแถวเก่า ถูกเปลี่ยนเป็นคาเฟ่ บาร์ และโรงแรม ที่ล้วนแต่อัดแน่นด้วยคอนเซ็ปต์และการตกแต่งที่ไม่ยอมน้อยหน้ากัน มีทั้งที่อยู่รอดและหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนมือกันไป ก่อนที่จะเงียบเหงาลงไปในช่วงโควิด แต่หลังจากวิบากรรมโควิดผ่านพ้นไป ดูเหมือนว่าย่านนี้จะกลับมาเบ่งบานยิ่งกว่าเดิม กลางวันกลายเป็นจุดเช็คอินที่วัยรุ่นและนักท่องเที่ยวเดินถ่ายรูปกันให้ว่อน แต่ซีนกลางคืนนั้นร้อนแรงยิ่งกว่า เพราะกลายเป็นย่านที่เต็มไปด้วยผับบาร์เปิดมากมาย QoQoon ตระเวณดูและดื่มแทบจะทุกร้านในย่านนี้ เข้าร้านนั้นออกร้านนี้ให้วุ่น แต่ละร้านล้วนแต่มีจุดขายและไอเดียที่น่าสนใจ ชนิดที่เลือกกันได้เลยตามจริตของแต่ละคน ทั้งบาร์ค็อกเทล แจ๊สบาร์ ไปจนถึงบาร์ที่เป็นร้านอาหารที่จะแค่มาดื่มชิลล์ๆ หรือกินเอาอิ่มก็ได้ทั้งนั้น

รอบนี้เราขอเน้นดื่มเป็นหลัก เริ่มจากฝั่งตรงข้ามริมถนนไมตรีจิตต์ โดดเด่นเห็นชัดมาก่อนใครเพื่อนคือ Independence Cocktail Bar ที่ตกแต่งด้วยไหเหล้าแบบโบราณเรียงรายเต็มหน้าร้าน ซึ่งเป็นไปตามคอนเซ็ปต์ที่เน้นการสร้างสรรค์เมนูค็อกเทลจากวัตถุดิบในท้องถิ่นภาคอีสาน การตกแต่งภายในสวยงามร่วมสมัย ไม่ได้มีรายละเอียดการตกแต่งแบบอีสานจ๋าอย่างที่คิด แต่กลิ่นอายและบรรยากาศอีสานถูกถ่ายทอดออกมาผ่านทางเครื่องดื่มและเพลย์ลิสต์จากดีเจที่สอดแทรกเพลงไทยลูกทุ่งอีสานมิกซ์กับเพลงสมัยใหม่ ให้บรรยากาศม่วนซื่นแบบโมเดิร์นอีสาน

Independence Cocktail Bar
Independence Cocktail Bar
Independence Cocktail Bar
Independence Cocktail Bar

ข้างๆ ร้านมีซอกเล็กๆเข้าไปยังเวิ้งอันเป็นที่ตั้งของ Tax บาร์ค็อกเทลที่ซ่อนตัวอยู่บนชั้นสอง เมื่อเดินขึ้นบันไดแคบๆ ไปจะพบกับบานประตูสองฝั่ง ลองผลักเข้าไปดูว่าฝั่งไหนคือทางเข้าจริงๆ ด้านในแบ่งห้องออกเป็นสองฝั่ง เสิร์ฟค็อกเทลภายใต้บรรยกาศสลัวๆ เสาและคานคอนกรีตดั้งเดิมยังถูกเก็บไว้โดยเผยให้เห็นเสน่ห์ของความดิบจากโครงสร้างและวัสดุเดิม ถัดจาก Tax คือ Bar Temp. ที่เปลี่ยนมู้ดจากการนั่งชิลล์มาสู่ความคึกคักอีกสเต็ป

Tax
Tax
Tax
Tax

ถัดจาก Tax คือ Bar Temp. ที่เปลี่ยนมู้ดจากการนั่งชิลล์มาสู่ความคึกคักอีกสเต็ป

Bar Temp.
Bar Temp.

ข้ามฟากกลับมาที่ซอยนานา ก็ต้องสะดุดตากับโคมไฟสีแดงและการตกแต่งสไตล์จีนของ  Bā hào (บาร์เห่า) ที่เป็นทั้งร้านอาหาร บาร์ และยังมีห้องพักอยู่ที่ชั้นบน อาหารที่เสิร์ฟเป็นไทยจีนจาน (เกือบ) ด่วน จะกินเอาอิ่มหรือกินเป็นกับแกล้มก็ได้ทั้งนั้น ค็อกเทลที่นี่ผสมเหล้าจีนและเครื่องยาจีนเป็นหลัก ถัดมาหน่อยคือ Brown Sugar บาร์แจ๊สระดับตำนานที่ย้ายโลเคชั่นมาแล้วหลายรอบ จนมาปักหลักที่นี่ สำหรับคอแจ๊สหรือแฟนดนตรีแบบเล่นสด (โดยเฉพาะเจนเอ็กซ์เจนวาย) คงไม่ต้องพูดอะไรมาก

Bā hào (บาร์เห่า)
Bā hào (บาร์เห่า)
Bā hào (บาร์เห่า)
Bā hào (บาร์เห่า)

เลยไปอีกนิด คือบาร์ค็อกเทลผู้มาก่อนกาลในย่านนี้อย่าง Teens of Thailand ที่เน้นเสิร์ฟค็อกเทลจากจินให้กับเหล่าวัยรุ่นของไทยแลนด์เป็นหลัก ฝั่งตรงข้ามคือ G.O.D บาร์น้องของ Teens ที่เราเคยแนะนำไปแล้วในฉบับ Night & Day

Teens of Thailand
Teens of Thailand
Teens of Thailand
Teens of Thailand

เดินต่อมาอีกหน่อยมีบาร์ลูกผสมฝรั่งจีน ที่ป้ายหน้าร้านเขียนเป็นถาษาไทยว่า ฟาน นอร์เเดน & บ. (Van Norden & Co.) หน้าร้านเป็นสไตล์จีนผสมอาร์ตเดคโค ส่วนที่น่าสนใจที่สุดน่าจะเป็นรูฟท็อปบาร์ที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้เขียวสดชื่น มองผ่านพุ่มเฟื่องฟ้าสีชมพูสดลงมาเห็นวิวซอยนานาเบื้องล่างที่มีเหล่าบาร์ฮ็อปเปอร์และนักท่องราตรีเดินไปมา

Van Norden & Co.
Van Norden & Co.
Van Norden & Co.
Van Norden & Co.

ร้านสุดท้ายที่อยากจะแนะนำ คือ Thurty ค็อกเทลบาร์ชิลล์ๆ ที่ตกแต่งสไตล์ Mid-Century ด้วยเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งแบบเรทโทรในบรรยากาศผ่อนคลายเหมือนห้องนั่งเล่นที่บ้าน

Thurty
Thurty

ด้วยเสน่ห์แบบตะวันออกอันเป็นเอกลักษณ์ที่แทรกตัวอยู่ในทุกอณูของตึก แม้จะหลับไหลผ่านกาลเวลาพร้อมกับความทรุดโทรมที่ถูกทิ้งร้าง หากได้รับการชุบชีวิตด้วยมือของคนที่รู้จักคุณค่า ตึกแถวเหล่านี้ก็พร้อมที่จะกลับมามีลมหายใจและทำหน้าที่ส่งผ่านความสุขความรื่นรมย์และจิตวิญญาณที่ยังคงอยู่อีกครั้ง

Story & Photos: Wachirapanee Whisky Markdee

Share

Once echoing with the whispers of trade and the rhythm of a bygone era, the timeworn shophouses of Bangkok’s historic old town and bustling Chinatown are experiencing a vibrant rebirth. Step inside the revitalized heart of these districts, where the echoes of history now resonate with a distinctly modern beat. The once humble Chinese-Oriental structures, long-standing witnesses to generations of commerce and community, are undergoing a stunning transformation, a trend that has noticeably taken off in the past decade alongside Thailand’s thriving tourism, especially in the post-pandemic recovery. Shedding their faded facades and dimly lit interiors, these buildings are being reimagined as stylish cafes buzzing with energy, trendy bars serving innovative concoctions, and contemporary galleries showcasing inspiring art – all while retaining the captivating character and architectural nuances of their storied past, offering a unique glimpse into Bangkok’s evolving spirit. From hostels and bars to cafes popping up to welcome tourists and eager Instagrammers who are always on the lookout for a great shot, Bangkok is brimming with diverse and imaginative concepts.

These renovated spaces constantly vie for attention with creative designs and playful decor found all over the city. But when it comes to truly standout chic areas, formed by a tight-knit cluster of businesses, let’s explore what makes each of these popular neighborhoods so special.

 

Song Wat: From Spice Road to Bangkok’s Trendy New Hub
 

It’s hard to imagine now, but not so long ago, Song Wat wouldn’t have even registered on Bangkok’s hipster radar. For generations, this area was a bustling wholesale hub, the go-to place for spices and all sorts of food ingredients. Who would have guessed it would transform into one of Bangkok’s most captivating destinations for visitors? This incredible shift is all down to the vision of a new wave of entrepreneurs. Some were outsiders, spotting the untapped potential in the area’s character, particularly the charming but neglected old shophouses, victims of changing times and evolving ownership. Simultaneously, you had local families, perhaps not continuing their ancestral trades, who also saw the opportunity to breathe new life into these historic buildings. Now, they house everything from trendy restaurants and cozy cafes to unique souvenir shops, and most recently, an intimate bar that have injected a fresh, vibrant energy back into this former spice route, making it buzz with excitement once again.

Song Viet At Songwat is a recently opened and rapidly popular spot in Song Wat, recreating the vibrant street food vibe of Vietnam within a Bangkok shophouse. Its small tables and low stools evoke authentic Vietnamese roadside eateries, complemented by a distinctly Vietnamese menu featuring brunch-friendly banh mi, lunchtime pho, and familiar Thai dishes. A standout dessert is their unique banh mi ice cream made with fresh baguettes. The interior cleverly utilizes the old building’s exposed structure, accented with bold green, red, and yellow hues, Vietnamese-inspired details, and even a flower-laden bicycle reminiscent of Vietnam’s streets. While the main dining area thrives, a private room and a second floor, recently hosting a book launch and pop-up shop, offer space for special events, solidifying Song Viet’s fresh and engaging presence in the neighborhood.
FB: Song-Viet-At-Song-Wat-61568404883965
IG: songvietatsongwat

Agar Raga has chosen to journey back to the architectural origins of its building, reviving the Sino-Portuguese style and details, while many establishments in the Song Wat area. This restaurant and cafe reimagines the legacy of its founder’s ‘Telephone Brand Agar Powder’ business, a Song Wat staple for three generations. Now, every Thai-Chinese inspired dish, both savory and sweet, creatively incorporates agar. This connection to its roots extends to the logo, a Sino-Portuguese influenced design resembling a Chinese stamp, reflecting the congealing nature of agar. The name itself, AGAR RAGA, is a playful nod to its core ingredient.a opt for contemporary renovations and various creative twists.
IG: agarraga.songwat
FB: https://www.facebook.com/agarraga.songwat

F.V in Song Wat is a surprising find; behind its unassuming facade lies a unique space where a traditional Isaan wooden house is unexpectedly nestled within a modern shophouse setting. This creates an eclectic interior, blending rustic charm with industrial and vintage elements, alongside mirrors that play with perception. Beyond its captivating design, F.V offers a curated selection of rare, locally-sourced goods and foods from rural Thai communities, including intriguing “weed” teas, and serves as a platform for Thai artists and community events, making it a truly distinctive and engaging destination.
IG: fv_bkk

Copenn. elevates Song Wat beyond typical hip status, functioning as a concept boutique rather than just a fragrance shop, despite being labeled a pop-up. Its understated concrete facade and minimalist display lead into a serene interior defined by clean lines, balanced natural materials, and carefully curated lighting and scent. The result is a cool yet welcoming ambiance, enhanced by friendly staff, ensuring a memorable multi-sensory experience that leaves a lasting impression, regardless of a purchase.
WEB: copenn.com
FB: Copenn.
IG: copenn.official

CÉRÉMONIALE Matcha Atelier quietly answers the matcha craze in this hip area, hidden on the second floor behind an unassuming iron door and a curtain. A long staircase ascends to this unique tea house, specializing in ceremonial matcha tea. The dimly lit order counter, separated by a thick rope, contrasts with the narrow, air-conditioned seating area facing the street, which feels more like a covered alleyway than a traditional shop. This intriguing, almost secret ambiance, however, adds to the allure of the shop, complementing the smooth and fragrant matcha served within.
FB: Cérémoniale Matcha Atelier
IG: ceremoniale.matcha

Who would have thought that this compact, single-unit green shophouse would seamlessly integrate such a diverse lifestyle experience? Starting with Abby Nails Salon on the ground floor, boasting a cozy retro ambiance, a walk through this section and up the stairs leads to Hostel Urby, one of the area’s pioneering hostels. It maintains a slightly vintage feel with Mid-Century furniture and decoration, a style that continues into Barbon, the bar located on the next floor. Barbon echoes the same color palette of green, grey, black, and dark wood, and is directly adjacent to Woodbrook, a cafe next door, separated only by a wall with an interconnecting door. Beyond Woodbrook lies the outdoor Riverfront Deck, a chill-out space offering views of the Chao Phraya River, which becomes particularly beautiful in the soft light of late afternoon.
IG: abby.nailssalon
FB: Hostel URBY
IG: hostelurby
FB: BARBON
IG: barbonbkk
FB: woodbrookbkk
IG: woodbrookbkk

The National Bar injects vibrant nightlife into Song Wat, brought to you by ‘Dudesweet crew’ the masters of indie parties who successfully ventured into the bar scene with their first establishment, Mischa Cheap. Now, they’ve relocated their signature energy from Khao San Road to Song Wat with their second act, The National Bar.

The seemingly unusual mix of Dudesweet’s indie spirit, music, and an old Song Wat shophouse finds perfect harmony at The National Bar. Cleverly utilizing the narrow, deep space, the bar is zoned with the drink counter opposite the DJ booth, and cozy seating near the music. A former fire extinguisher space now serves as an exclusive nook with red mosaic glasses, a nod to Thai temple art echoed elsewhere in the decor. Further in, a modernly adapted mural with Dudesweet’s signature naive humor adorns the back wall. This retro-kitsch indie aesthetic extends to every detail, including a life-sized cartoon character from MTV Trax days, all set to their iconic playlist and DJ sets, a familiar soundscape for indie rock fans and then some.
FB: nationalbangkok
IG: nationalbangkok

That was just a glimpse of the vibrant revival in Song Wat. Forget dusty old buildings – these shophouses are now buzzing with style and seriously interesting vibes. From the “Is_Happened” family featuring E-ga Lab and E-ga Luv SEAFOOD, to the delightful A Pink Rabbit and Bob, and the curated crafts at Road of Cinnamon, there’s something for everyone. Fashion forward? Check out Renim Project, a cutting-edge Thai streetwear brand known for their upcycled denim, with a showroom just before you hit the already-cool Talat Noi area. Trust us, a walk around Song Wat is a full-on sensory experience.

 

Charoenkrung: Where Art and Life Intertwine
 

Charoen Krung Road is arguably one of the pioneers in Bangkok’s transformation of old shophouses into a vibrant center for art and creative endeavors. It even earned the title of Thailand’s Design District. Major creative events in Bangkok are often centered around this area. Furthermore, you’ll find renovated shophouses lining both sides of the street, now home to shops, hostels, and even Michelin-starred restaurants. But there are two particular spots that QoQoon would like to reintroduce you to.

Charoen43 Art & Eatery – what was once a collection of old shophouses has been reimagined into a destination that goes beyond just chic stores and cafes. It’s a space for relationships and creation that has been around for some time. Yet, many might not know that Charoen43 Art & Eatery has more to offer than meets the eye from Charoen Krung’s street front. You might even walk by without realizing the hidden gems tucked away inside.

Nestled within a compound of stacked two-story shophouses, Charoen43 Art & Eatery unfolds through a small alleyway, revealing a shared central courtyard that acts as both the back of the front row and the front of the back. The street-facing shophouses include Bicycle Boys Clubhouse, an industrial loft-style cycling community hub and cafe adorned with graffiti; the bright and airy Nordic-inspired Madi Café, a cafe and wine bar with a charming upstairs art gallery overlooking the courtyard; REN Cafe and Goods, a matcha-focused cafe with a refreshing green aesthetic and relaxing courtyard views; and the enigmatic Small Dinner Club, a fine-dining experience hidden behind muted concrete, requiring advance reservations for its special Thai cuisine from Australia.

Next to Small Dinner Club, a small alleyway bears a Charoen43 project sign at its entrance. Peeking inside reveals lush green trees and another shophouse building at the back. We started with the vibrant green and yellow Bangkok Mojo, a double-unit bar offering a stage for less mainstream musicians. Next door, the boldly colored red and blue Entertainment Project is a curated vinyl record store, bar, and cafe, with a bright red staircase leading to the second-floor studio of bangkokcommunityradio.com, where live broadcasts can be observed. Continuing along, C43 : Fashion and Inspiration Space presents a multi-brand collection of Thai clothing, decor, souvenirs, and vintage items within a nostalgic setting of antique wood and collectibles, featuring brands like Good Mixer, GAS, GAS Vintage, KERA, Treasure House, Beehive, One’s best boy, Sumo vintage, Marsi, Deck me and Botanica. The journey through this section of Charoen43 concludes with the inviting aroma of freshly baked goods emanating from Cutie Is Baking.

Charoen43 Art & Eatery truly embodies the feeling of a community, living up to its name with its charm, simplicity, friendliness, and the spirit of mutual support that Thai society values. To define it, we would call this place an “old soul with new spirit” in the Charoen Krung area.

FB: charoen43
IG: ren.bkk
FB: REN-Cafe-and-Goods-100095516113058
WEB: bangkokmojo.com
WEB: smalldinnerclub.com
IG: sdc.bkk
IG: madi_bkk
FB: madibangkok
WEB: bicyceboys.com
FB: hellobicycleboys
IG: entproject.bkk
FB: Entertainmentprojectbkk
IG: chutieisbaking
FB: chutieisbaking

Central Original stands apart from typical old shophouses in Charoen Krung, being the much larger original location of the Central Department Store, a retail giant, now reborn as an art and creative space. Established in 1950 at 1266 Charoen Krung Road, its name originating from the Chinese word for “center,” this building represents the birthplace and significant heritage of the Central Group, with its transformation driven by more than just commerce. Inspired by early imports of foreign publications, it now houses a library that merges the nostalgic allure of print with modern digital technology, offering a space for knowledge exploration and artistic appreciation. The building itself exemplifies a thoughtful renovation of old shophouse architecture, achieving modernity with a subtle elegance that harmonizes with the historic urban fabric, showcasing understated yet meticulously executed design in both its structure and interiors.

Housed within the distinctive orange brick facade, Central The Original Store thoughtfully allocates its space across multiple levels. The ground floor welcomes visitors with a cafe showcasing curated retail, from books to uniquely designed items subtly referencing Central’s heritage and Charoen Krung’s history, seamlessly connecting to the Siwilai Sound Club in the rear. Ascending to the second floor reveals The Kolophon Retail Library, a specialized repository of retail knowledge offering both membership and pay-per-use access, reminiscent of classic lending libraries. The third and fourth floors provide elegant exhibition and event spaces, bathed in natural light from expansive windows overlooking the historic cityscape. Culminating the experience on the fifth floor is Aksorn, Chef David Thompson’s restaurant, where authentic Thai flavors are meticulously crafted from vintage cookbooks of the mid-20th century. This revitalized landmark truly serves as a holistic destination, nourishing the intellect, satisfying culinary desires, and inspiring the soul.
centraltheoriginalstore.com

 

Nana-Yaowarat: The Night Awakens in a Blaze of Hues
 

Forget the quiet days – Nana, the hidden gem connecting Maitri Chit and Yaowarat (not that Nana!), has exploded with cool over the last decade. Once just old shophouses, it’s now a buzzing scene of cafes, bars, and hotels, each with its own killer concept and style. Some stuck around, others evolved, but post-pandemic, Nana’s back and brighter than ever. Daytime sees it swarming with Insta-worthy spots, but nighttime? That’s when it truly ignites. QoQoon dove headfirst into the area’s fresh wave of pubs and bars, and trust us, each one brings something unique to the table – from slick cocktails to smooth jazz, and even chill bar-eateries where you can sip or supper.

Our exploration this time centered on drinks, beginning across from Maitri Chit Road with the eye-catching Independence Cocktail Bar, its facade adorned with traditional Isaan liquor jars, hinting at its focus on local northeastern ingredients in contemporary cocktails, enjoyed within a stylish setting where Isaan vibes are subtly woven through the drinks and a DJ’s modern-Isaan playlist. Next door, a narrow alley leads to the secluded Tax cocktail bar on the second floor, a dimly lit space with exposed raw concrete elements, offering a contrasting intimate atmosphere. Neighboring Tax is Bar Temp., which marks a transition to a more lively and energetic scene.

Crossing back over to Soi Nana, your eye is immediately drawn to the red lanterns and Chinese-inspired decor of Bā hào (บาร์เห่า), which functions as a restaurant, a bar, and even offers rooms upstairs. The food served is quick (almost) Thai-Chinese fare, suitable for a full meal or as snacks to accompany drinks. The cocktails primarily feature Chinese spirits and traditional Chinese medicinal ingredients. A little further down is Brown Sugar, a legendary jazz bar that has relocated several times before settling here. For jazz enthusiasts or fans of live music (especially Gen X and Gen Y), little more needs to be said. Just a bit beyond that is Teens of Thailand, a pioneering cocktail bar in this area, mainly serving gin-based cocktails to the teens of Thailand (that must be over 18, of course). Across the street is G.O.D., which we previously featured in our Night & Day issue.

A little further along, the Sino-Western hybrid bar, ฟาน นอร์เเดน & บ. (Van Norden & Co.), catches the eye with its Chinese-Art Deco facade, but the real draw is its leafy rooftop bar. Lush greenery and vibrant pink bougainvillea frame a charming view down onto the lively Soi Nana, bustling with evening wanderers. Finally, rounding out the recommendations is Thurty, a chill Mid-Century cocktail bar furnished with retro pieces, offering a relaxed, living-room-like escape.

IG: ndependence.cocktail
FB: Independence-Cocktail-Bar-61551401094501
IG: tax_bar_bkk
FB: taxbarbkk
IG: bartemp.bkk
IG: 8bahao
FB: 8bahao
FB: Van-Norden-Co
IG: chinatown_bangkok
IG: thurty_30
FB: Thurty-61563664439797