Art & Lifestyle
INTERIORS:
Through The Lens Of Fashion Photographers
The Exhibition
นิทรรศการแห่งปฏิสัมพันธ์ของ “แฟชั่นและงานออกแบบตกแต่ง”
บ่อยครั้งที่งานออกแบบตกแต่งภายในและแฟชั่นมักถูกมองว่าเป็นคนละเรื่องกัน แต่ในความเป็นจริง ศาสตร์ทั้งสองสาขานี้มีความเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง ทั้งคู่ล้วนเกี่ยวพันกับเรื่องของสุนทรียภาพ เทรนด์ และการแสดงออกซึ่งตัวตน ทำให้เราสามารถสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมและรูปลักษณ์ที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์และความปรารถนาในใจของเราได้ ไม่ว่าจะเป็นสีสันตามฤดูกาลบนรันเวย์ที่มีอิทธิพลต่อการตกแต่งบ้าน หรือรูปทรงทางสถาปัตยกรรมที่เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบเสื้อผ้า ความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกันนี้เป็นมากกว่าความคล้ายคลึงภายนอก เผยให้เห็นบทสนทนาที่ต่อเนื่องระหว่างพื้นที่ที่เราอาศัยกับเสื้อผ้าที่เราสวมใส่
เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวาระครบรอบของ QoQoon เรามีความภูมิใจที่จะนำเสนอนิทรรศการ “INTERIORS: Through The Lens Of Fashion Photographers” ซึ่งจะเป็นการนำเสนอผลงานของช่างภาพแฟชั่นชั้นนำของไทย 8 ท่าน อันได้แก่
นพดล ขาวสำอางค์
ณัฐ ประกอบสันติสุข
พันธ์สิริ สิริเวชชะพันธ์
จุฑารัตน์ พรมุณีสุนทร
ธนพล แก้วพริ้ง
วรุณ เกียรติศิลป์
บิณฑ์ บัวหมื่นชล
สีสัน วัฒนสิงห์
ผลงานที่นำมาจัดแสดงเพื่อร่วมเฉลิมฉลองกับเราในครั้งนี้ เป็นการนำเสนอการถ่ายภาพที่ต่างออกไปจากภาพถ่ายสถาปัตยกรรมและงานออกแบบภายในแบบดั้งเดิม โดยหันมาใช้แนวทางในการถ่ายภาพแฟชั่นชั้นสูง ที่เน้นศิลปะและการเล่าเรื่องผ่านมุมมองทางศิลปะของแต่ละคน และการตีความคำว่า “INTERIOR” ในแบบของตัวเอง
นพดล ขาวสำอางค์ คือช่างภาพแฟชั่นแถวหน้าของประเทศไทย ผู้เปี่ยมด้วยประสบการณ์อันยาวนานในวงการสื่อนิตยสาร เขามีชื่อเสียงและเชี่ยวชาญในการถ่ายภาพขาวดำ โดยเฉพาะการถ่ายแฟชั่น และพอร์ตเทรต นพดลได้เริ่มถ่ายแฟชั่นให้กับนิตยสารลลนาในช่วง พ.ศ. 2516 – 2538 ซึ่งเป็นหนึ่งในนิตยสารแฟชั่นยุคแรกๆ ของเมืองไทย โดยผลงานที่มีเอกลักษณ์และเต็มไปด้วยสไตล์ของเขาทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในช่างภาพผู้บุกเบิกตัวจริงในวงการถ่ายภาพแฟชั่นของไทย
สไตล์ภาพของนพดลโดดเด่นด้วยความชำนาญในการใช้กล้องฟิล์มแบบ Manual และยังโดดเด่นในการนำเสนอเกี่ยวกับโครงสร้างของสิ่งต่างๆ ทั้งในเชิงของ Graphic, Typography, Architecture โดยเป็นการสื่ออารมณ์ผ่านเงา แสง สี ที่เรียบง่ายและตรงไปตรงมา แฝงไปด้วยความหมายของการใช้ชีวิตของมนุษย์
คำว่า ‘อินทีเรีย’ ในความหมายของนพดลนั้น คือ ‘พื้นที่ของความทรงจำดีๆ’ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์ นพดลได้เลือกชุดภาพถ่ายในความทรงจำของเขามาเล่าเรื่องขณะที่เขาใช้ชีวิตอยู่ที่นิวยอร์กช่วงกลางยุค 90s เป็นรูปถ่ายระหว่างเดินไปตามท้องถนนเพื่อค้นหาความทรงจำจากช่างภาพที่ชื่นชอบหรือจากภาพยนตร์ที่ประทับใจในอดีต ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รู้สึกว่าตัวเองเป็น ‘ช่างภาพ’ จริงๆ นั่นคือช่วงเวลาที่สนุกที่สุดในเส้นทางการเป็นช่างภาพ
นพดลใฝ่ฝันที่จะจัดแสดงชุดภาพถ่ายแห่งความทรงจำเหล่านี้ เขาตัดสินใจจัดแสดงภาพถ่ายชุดนี้นี้ครั้งแรกที่แกลเลอรี่ About Photography ซึ่งเป็นแกลเลอรี่ของตนเอง โดยหลังจากจัดแสดงครั้งนั้นก็แทบจะไม่มีใครได้รับชมชุดภาพถ่ายเซ็ตนี้อีก จึงเป็นความยินดียิ่งกับนิทรรศการ INTERIOR: Through The Lens Of Fashion Photographers The Exhibition ที่ได้มีโอกาสจัดแสดง ‘พื้นที่ของความทรงจำดีๆ’ ของนพดล ให้ผู้รับชมได้ประทับใจอีกครั้ง
ณัฐ ประกอบสันติสุข เป็นบุคคลสำคัญในวงการถ่ายภาพแฟชั่นของเอเชีย เขาได้สร้างสรรค์ผลงานภาพถ่ายที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ให้กับ Vogue Thailand และมากไปกว่านั้น ผลงานของเขายังปรากฏให้เห็นในนิตยสารชั้นนำระดับนานาชาติอีกมากมาย เช่น Harper’s Bazaar India, Vogue India, Marie Claire (Malaysia/Hong Kong), Elle HK, South China Morning Post และ L’Uomo Vogue Italia ณัฐได้มีโอกาสร่วมงานกับบุคคลสำคัญ และร่วมสร้างสรรค์แคมเปญโฆษณากับแบรนด์ชั้นนำระดับโลกหลากหลายแบรนด์ รวมถึงได้รับเกียรติร่วมงานกับโครงการในพระดำริของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และแคมเปญแบรนด์ของพระองค์ ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน
ผลงานจากณัฐส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยเรื่องราวการใช้ชีวิตของมนุษย์ โดยนำเสนอด้วยมุมมองใหม่ และแปลกตา โดยลงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้สังเกตเห็นในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นการนำเสนอสุนทรียะในแบบที่เขาไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งเพื่อถ่ายทอดสัจธรรมใหม่ของชีวิต
“ความหวัง” เปรียบได้กับบุคคลหนึ่งที่เรามักมองหาเมื่อชีวิตเริ่มพร่าเลือนไปกับสิ่งลวงตา
และความหวังจะช่วยต่อกรกับ “ความกลัว” ที่มักจะมาเยือนในค่ำคืนที่มืดมิด
“ที่ใดมีความมืด ที่นั่นย่อมมีแสงสว่าง”
เมื่อแสงสว่างสาดส่องเข้ามาในห้อง
ลำแสงจะช่วยปลุกบรรยากาศให้มีชีวิต
ลำแสงจะช่วยเติมเฉดเงาของภาพวาดและข้าวของเครื่องใช้ ราวกับทำให้มันเคลื่อนไหว
ลำแสงจะช่วยกลบกลืนเสียงจอแจของความโศกเศร้าที่แฝงตัวอยู่รอบๆ ห้อง
และลำแสงที่ส่องสว่างนั้น ยังช่วยให้มนุษย์ได้ต่อเติมวิสัยทัศน์แห่งชีวิต
พันธ์สิริ สิริเวชชะพันธ์ คือช่างภาพแฟชั่นผู้มีความโดดเด่นและมีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตลอดหลายปีที่ได้ทำงานในวงการนิตยสาร พันธ์สิริได้สร้างสรรค์ผลงานมากมาย ทั้งงาน Editorial ให้กับนิตยสารชั้นนำ เช่น Elle Thailand, Harper’s Bazaar Thailand และ L’Officiel Thailand ทังยังได้ร่วมมือกับแบรนด์แฟชั่นชั้นนำเพื่อผลิตผลงานโฆษณาอีกมากมาย
นอกจากการถ่ายภาพนิ่งแล้ว พันธ์สิริยังเป็นผู้กำกับงานภาพยนตร์โฆษณาและมิวสิกวิดิโอ อีกทั้งยังเป็นผู้ก่อตั้ง Cake Production ซึ่งเป็นบริษัทโปรดักชั่น และ Studio Temple สตูดิโอถ่ายภาพส่วนตัวที่เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ควบคู่กับการแสดงออกในสไตล์ของตัวเขาเอง พันธ์สิริมีความหลงใหลเป็นพิเศษในการถ่ายภาพบุคคล ซึ่งทำให้เขามีสายตาที่เฉียบคมในการถ่ายทอดตัวตนของแต่ละบุคคลได้อย่างชัดเจน
‘บ้านเรือนไทย’ เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของที่พักอาศัยที่อยู่ควบคู่กับวิถีไทยมาแต่โบราณ ด้วยภูมิประเทศ สภาพแวดล้อม และปัจจัยอันหลากหลายของประเทศไทย ต่างประกอบสร้างและออกแบบให้ “เอกลักษณ์ความเป็นไทย” ของตัวบ้านเด่นชัดขึ้น พันธ์สิริได้เลือกบ้านเรือนไทยที่ตั้งอยู่ในบริเวณ “เสถียรธรรมสถาน” ซึ่งเป็นสถานปฏิบัติธรรม มาถ่ายทอดแก่นความของผลงานชิ้นนี้ ที่ให้กลิ่นอายนามธรรมเกี่ยวกับธรรมะ ชุมชน และความเป็นผู้หญิงไทยได้อย่างลึกซึ้ง
พันธ์สิริยังเผยมุมมองเกี่ยวกับแฟชั่นว่า มันคือรสชาติของงานศิลปะ เขาสร้างสรรค์ผลงานนี้แบบบูรณาการคอนเซ็ปต์ทางศิลปะ และร่วมมือกับทีมงานในวงการหลายท่านที่มาร่วมแต่งแต้มแฟชั่นของไทยลงบนตัวนางแบบ อย่างเสื้อผ้่าจาก Meshmuseum รวมไปถึงงานศิลปะกระดาษจาก OHMycraft Studio ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเครื่องแขวนโบราณของไทย โดยลงรายละเอียดทุกกระบวนการผลิตเพื่อถ่ายทอดความสัมพันธ์ของแฟชั่นไทยและบ้านเรือนไทยให้กับผู้รับชมได้ซึมซับอย่างถึงแก่น
จุฑารัตน์ พรมุณีสุนทร ช่างภาพหญิงมากความสามารถในวงการนิตยสารทั้งไทยและต่างประเทศ เธอมักจะถ่ายทอดคอนเซ็ปต์ของภาพอย่างละเมียดละไม มีสุนทรียะ และสร้างความหมายที่สะท้อนโลกภายในของมนุษย์ได้อย่างดี เธอสร้างสรรค์โปรเจกต์ส่วนตัวอย่าง Flowering Mind Project ซึ่งเป็นการจัดดอกไม้เพื่อการทำสมาธิแบบโคริงกะร่วมกับอีกหลายกิจกรรมที่ถ่ายทอดศาสตร์แขนงนี้โดยเฉพาะ
หลังจากจบการศึกษาด้านแฟชั่นและการถ่ายภาพที่ London College of Fashion จุฑารัตน์ได้ทำงานร่วมกับนิตยสารชื่อดังมากมาย เช่น Elle Thailand, Wallpaper* Thailand, Marie Claire Thailand, Lips และ Hamburger รวมถึงได้ร่วมงานกับแบรนด์แฟชั่นระดับไฮเอนด์อย่าง Sretsis, Greyhound, Milin, Vickteerut, Asava, Disaya และอื่นๆ อีกหลายแบรนด์
Internal Garden เกิดจากความชื่นชอบการทำสวนกลางแจ้งของจุฑารัตน์ เธอค้นพบว่าในทุกๆ ครั้งที่เธอได้เดินเข้าสวนของเธอ แม้เป็นสวน ‘กลางแจ้ง’ แต่สุนทรียะของมันได้ทำงานกับโลกภายในของตัวเธอเองอยู่เสมอ เธอจึงเปรียบเทียบ ‘อินทีเรีย’ กับ ‘การทำสวนกลางแจ้ง’ ของเธอว่าเป็น ‘การออกแบบภายใน’ ทั้งคู่
เธอมีมุมมองว่าการเปลี่ยนแปลงของพืชพรรณไม้คือความเป็นนามธรรมที่ธรรมชาติได้สรรสร้างขึ้น ซึ่งปรากฏอยู่ในชุดภาพถ่าย Internal Garden ที่จุฑารัตน์ได้เพิ่มเติมแนวคิดทางศิลปะด้วยการเพ้นต์สีลงบนภาพถ่ายด้วย เพราะการเพ้นต์สำหรับเธอเป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุดที่สามารถจับความรู้สึกของเธอขณะมองภาพถ่ายแต่ละใบได้ Internal Garden จึงเป็นชุดภาพที่เล่าเรื่องด้วยภาพสแนปความ ‘Abstract’ ของธรรมชาติ และซ้อนทับด้วย ‘ความรู้สึกที่จริงแท้’ ของจุฑารัตน์ ขณะมองภาพถ่ายแต่ละใบ
ธนพล แก้วพริ้ง คือศิลปิน ช่างภาพ และผู้กำกับภาพยนตร์ ผู้ก่อตั้งสตูดิโอ RUN BOY RUN ผลงานของเขาเป็นการบูรณาการทุกองค์ความรู้เกี่ยวกับการนำเสนอในสื่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่ององค์ประกอบภาพ การจัดวาง แสง สี และการสร้างความหมาย เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจระดับลึกซึ้งของธนพลในการถ่ายทอดแนวคิดออกมาเป็นงานศิลปะ อีกทั้งผลงานแต่ละชิ้นจากเขายังแฝงนัยยะและเชื่อมโยงกับการใช้ชีวิตของมนุษย์อย่างแยบคาย
ธนพลเริ่มต้นอาชีพในวงการสื่อ ด้วยตำแหน่งของผู้อำนวยการฝ่ายภาพของนิตยสาร Wallpaper* Thailand ในปี 2548 เขาถ่ายภาพสถาปัตยกรรม ศิลปะ การออกแบบ และแลนด์สเคปในนิตยสาร และขยายขอบเขตความสามารถในด้านศิลปะการถ่ายภาพไปสู่การสร้างภาพยนตร์ และการผลิตมิวสิกวิดีโอ อีกทั้งผลงานของเขายังได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางทั้งในและต่างประเทศ
เรขาคณิตรูปสี่เหลี่ยมในประสบการณ์ของมนุษย์นั้นส่วนใหญ่มักมอบความรู้สึกถึงความมั่นคง ความแข็งแกร่ง ความปลอดภัย และความคาดเดาได้ เป็นรูปทรงเริ่มต้นที่ง่ายต่อการออกแบบ โดยเรขาคณิตรูปสี่เหลี่ยมนี้ได้แทรกซึมอยู่ในหลายๆ มิติของชีวิตมนุษย์เช่นกัน ห้องส่วนใหญ่ก็เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม บ้านก็เกิดจากรูปทรงสี่เหลี่ยม และอีกหลายมิติ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นมนุษย์สร้าง หรือธรรมชาติสร้าง ไม่ว่าตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ สี่เหลี่ยมก็เป็นรูปทรงแรกๆ ที่ถูกนำมาปรับใช้ตามวิถีแห่งธรรมชาติ และมีบทบาทสำคัญกับวิถีชีวิตของมนุษย์
วรุณ เกียรติศิลป์ ช่างภาพแฟชั่นร่วมสมัยที่เพียบพร้อมด้วยประสบการณ์ร่วม 17 ปี ผลงานของเขาได้โลดแล่นอยู่ในหน้าปกนิตยสารแฟชั่นชั้นนำมากมายทั้งในประเทศและในระดับภูมิภาคเอเชีย อาทิ Harper’s Bazaar Thailand, Perfect Magazine, Hashtag Legend, ELLE, Marie Claire, L’officiel Singapore และ Tatler Hongkong รวมทั้งยังมีส่วนในการสร้างสรรค์สื่อโฆษณาให้กับแบรนด์ดังอีกหลากหลายแคมเปญ ผลงานของเขาจึงเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง
ภาพถ่ายจากวรุณสามารถถ่ายทอดอารมณ์และความเป็นตัวตนของบุคคลได้อย่างถึงแก่น ในโทนที่ดูหนักแน่น โฉบเฉี่ยว และทรงพลัง รวมถึงการใช้เทคนิคในการนำเสนอภาพที่แปลกใหม่ การจัดวางองค์ประกอบภาพที่แปลกตาและเหนือจริง รวมถึงการใช้สีสันที่สื่อความหมาย ทำให้ผลงานส่วนใหญ่จากเขากลายเป็นเหมือน ‘ศิลปะจัดวาง’ ร่วมสมัย และเข้าถึงความเซอเรียลลิสติกอย่างลึกซึ้ง
ความชุ่มชื้น – ความแห้งแล้ง
เรขาคณิต – รูปทรงธรรมชาติ
ความจริง – ความเหนือจริง
มนุษย์สร้าง – ธรรมชาติสร้าง
ผลงานชิ้นนี้เป็นศิลปะจัดวาง หรือ Installation Art ที่นำเสนอเทคนิคของการถ่ายภาพ เป็นการแสดงความ Contrast หรือความขัดแย้งกันของนามธรรมสองสิ่ง หรือขั้วสองขั้ว ในรูปแบบเซอเรียลลิสติก ซึ่งเป็นรูปแบบงานศิลปะที่ก่อให้เกิดกระบวนการคิดและการตั้งคำถามกับความเป็นจริงกับความเหนือจริงจากพื้นฐานประสบการณ์ของมนุษย์ โดยเป็นชุดภาพถ่ายของสระว่ายน้ำที่ถูกนำมาตั้งบนเนินหิน กลายเป็นภาพที่นำเสนอความขัดแย้งได้อย่างกลมกล่อม ชวนให้ค้นหาและคิดต่อได้ในหลากหลายมิติ เช่น ความชุ่มชื้นของน้ำ – ความแห้งแล้งของดิน, เรขาคณิต – รูปทรงธรรมชาติ, ความจริง – ความเหนือจริง, มนุษย์สร้าง – ธรรมชาติสร้าง
บิณฑ์ บัวหมื่นชล คือหนึ่งในช่างภาพและครีเอทีฟไดเรกเตอร์ผู้มากความสามารถ เขาเป็นผู้ก่อตั้ง @happyland_happyland แพลตฟอร์มที่สะท้อนแนวคิดอันสร้างสรรค์ เขายังได้ร่วมงานกับนิตยสารชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ อาทิ Vice, Dazed and Confused, Billboard Thailand และ Elle Men และได้ร่วมสร้างสรรค์แคมเปญโฆษณาต่างๆ จากแบรนด์ชั้นนำอีกมากมาย และบิณฑ์ยังเคยได้กำกับมิวสิกวิดีโอ และถ่ายภาพศิลปินชื่อดังอย่าง Pharrell Williams, HYUKOH, Justice และร่วมงานกับวงดนตรีอีกหลายวงด้วย
หลังจากสำเร็จการศึกษาจาก London College of Fashion บิณฑ์ได้กลับมายังกรุงเทพฯ เพื่อสานต่อเส้นทางอาชีพด้านการถ่ายภาพและวิดีโอของเขา โดยผลงานจากบิณฑ์มักเป็นที่รู้จักจากมุมมองเฉพาะตัวในการสะท้อนโลกที่อยู่รอบตัวเขา รวมถึงการจัดวางองค์ประกอบภาพ แสง สี แบบดิบและเฉียบคม อีกทั้งยังแฝงแง่คิดและท้าทายต่อกรอบความคิดเดิมๆ อยู่เสมอ
Too Many Friends เป็นงานเชิง Conceptual Art ที่ไม่ได้กล่าวถึงความเยอะหรือความมากเกินไป แต่มันเป็นช่วงหนึ่งของชีวิตที่บิณฑ์ได้ก้าวมาถึง ซึ่งเป็นช่วงชีวิตที่ทำให้เขาได้ตระหนักกับตัวเองถึงความสัมพันธ์ต่อสิ่งต่างๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ทุกมุมในบ้านของเขา บางความสัมพันธ์เกิดขึ้นและจบลง บางความสัมพันธ์เกิดขึ้นและไปต่อ บางความสัมพันธ์ดูเหมือนจริงแต่ไม่จริง ฯลฯ และอีกหลายรูปแบบของความสัมพันธ์และความรู้สึกถูกถ่ายทอดลงบนภาพถ่ายของเขาชุดนี้
Too Many Friends จึงเหมือนเป็นการตั้งคำถามกับผู้รับชมว่า เราผูกพันกับสิ่งของรอบตัวในที่พักอาศัยของเราอย่างไร เพราะของแต่งบ้านแต่ละชิ้น เฟอร์นิเจอร์ หรือแม้แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าอาจมีหน้าที่นอกเหนือจากฟังก์ชั่นของมัน นั่นคือ การเป็นเครื่องบันทึกเรื่องราวของผู้ใช้งาน
สรรพัชญ์ วัฒนสิงห์ หรือ สีสัน ช่างภาพและผู้กำกับภาพ (DoP) รุ่นใหม่ผู้ร่วมก่อตั้ง Lolita1988 Home Studio สตูดิโอซึ่งเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ ที่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ทางศิลปะที่โดดเด่นของเขา
สีสันมีสายตาที่เฉียบคมในการถ่ายทอดผลงาน ประกอบกับการนำเสนอภาพที่ซ่อนนัยยะและความหมายอันลึกซึ้งอยู่เสมอ ทำให้ผลงานจากเขาเป็นมุมมองที่สดใหม่ เป็นเอกลักษณ์ งานภาพถ่ายจากสีสันมักเล่าเรื่องด้วยการฉาบสีของภาพให้ฉูดฉาด มีมิติ และสามารถสะท้อนอารมณ์ของภาพได้ดี อีกทั้งยังกระทุ้งกระบวนการคิดของผู้รับชมได้อยู่เสมอ
ด้วยความสนใจในการนำเสนอภาพถ่ายที่เป็นมิติใหม่ๆ ของความเป็น Feminine ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของความอ่อนโยน บริสุทธิ์ แต่ยังมีความลุ่มลึกและชวนให้ค้นหาอยู่เสมอ ทำให้สีสันเลือกนำเสนอแง่คิดของตนเองด้วยภาพถ่ายผู้หญิงเปลือยในตู้น้ำใสสะอาดในห้องรูปแบบต่างๆ เป็นการชี้ชวนให้ตั้งคำถามเกี่ยวกับการเปิดเผยและการปกปิด
ผลงาน I’ll tell you later นี้ยังแฝงไปด้วยความเชื่อและประสบการณ์ส่วนตัวของศิลปินเกี่ยวกับ “น้ำ” ที่สัมพันธ์กับการสะท้อน การโอบอุ้ม และความไหลเลื่อนเคลื่อนไปตามภาชนะ โดยในแต่ละภาพถูกถ่ายทอดด้วยการสาดแสงสีที่ตัดฉับกับสภาพแวดล้อม ฉายไปที่ร่างของหญิงสาวอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยตัวศิลปินยังเผยมุมมองในเรื่องของการแสดงตัวตนต่อสาธารณะว่า โดยแท้จริงแล้วตัวตนที่แสดงออกให้คนรอบข้างเห็น อาจจะมิใช่ตัวเราทั้งหมด มีเราเพียงลำพังเท่านั้นที่จะเข้าใจตัวเองในระดับที่ลึกซึ้ง